ทุกวันนี้ มีผู้ชายไทยจำนวนมากที่ใช้ชีวิตตามปกติ โดยไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังเผชิญโรคเบาหวานและภาวะคอเลสเตอรอลสูง ซึ่งเป็นภัยเงียบที่อาจนำไปสู่โรคร้ายแรงและภาวะแทรกซ้อนมากมาย สะท้อนให้เห็นผ่านผลสำรวจที่ว่าผู้ชายไทยที่ป่วยเป็นเบาหวานกว่า 51% ไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้ เทียบกับผู้หญิงซึ่งอยู่ที่ประมาณ 41% เท่านั้น นอกจากนี้ สมาพันธ์หัวใจโลกพบว่าค่าเฉลี่ยคอเลส เตอรอลทั้งหมดที่ไม่ใช่ HDL (คอเลสเตอรอลชนิดดี) ของชายไทยอยู่ที่ระดับ 4.04 mmol/L (มิลลิโมลต่อลิตร) ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 3.31 mmol/L อย่างชัดเจน
เทคโนโลยีทางการแพทย์มาแล้ว แต่คนเข้าถึงได้แค่ไหน?
ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกรวมถึงประเทศไทย เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในด้านนวัตกรรมทางการแพทย์และมีแนวโน้มที่จะครองสัดส่วนมากกว่า 20% ของการใช้จ่ายด้านสุขภาพทั่วโลกภายในปี 2573 หรือในอีก 5 ปีข้างหน้า นวัตกรรมการรักษาโรคที่เกิดจากไลฟ์สไตล์หรือวิถีชีวิตของคนเมืองก็ได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็วตามไปด้วย เช่นนวัตกรรมยาที่มีสารออกฤทธิ์ Tirzepatide (เทอเซพาไทด์) ซึ่งควบคุมระดับน้ำตาลและช่วยลดน้ำหนักไปพร้อมกัน โดยเปิดตัวในประเทศไทย เมื่อเดือนพฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจของสำนักงานสำรวจสุขภาพประชาชนไทย ปี 2562-2563 พบว่าชายไทยกว่า 38% มีน้ำหนักเกิน และอีก 9% จัดอยู่ในกลุ่มโรคอ้วน ค่านิยมอันตรายที่กดทับชายไทยว่าการขอความช่วยเหลือคือความอ่อนแอ อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดพฤติกรรมรอให้ป่วยหนักก่อนจึงค่อยรักษา เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียวจึงอาจไม่เพียงพอ แต่ยังต้องคำนึงถึงค่านิยมของสังคมไทยด้วย
สุขภาพผู้ชายไทย ต้องการโซลูชันที่เข้าใจและเข้าถึงผู้ชาย
หลายประเทศในเอเชียได้ออกแบบโมเดลสุขภาพที่สอดรับกับพฤติกรรมชาย เช่น เวียดนามและมาเลเซียใช้แอปพลิเคชันมือถือในการตรวจสุขภาพในที่ทำงาน ในขณะที่อินเดียใช้ร้านตัดผม หรือวัด ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้ชายเข้าถึงได้ง่ายเป็นจุดตรวจสุขภาพเบื้องต้น ส่วนออสเตรเลียและญี่ปุ่นเลือกใช้คนดังหรือนักกีฬาที่มีชื่อเสียงเป็นกระบอกเสียงว่าการพูดคุยเรื่องสุขภาพไม่ใช่เรื่องน่าอับอาย
ที่ประเทศสิงคโปร์ มีการใช้แรงหนุนจากเอกชน เข้ามาช่วยเรื่องระบบการชำระเงิน ซึ่งเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดภาระทางการเงินของผู้ป่วยลงได้อย่างมีนัยสำคัญ และเปิดโอกาสให้เข้าถึงบริการด้านสุขภาพได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น ซิลลิค ฟาร์มา ผู้นำการให้บริการโซลูชันด้านการดู แลสุขภาพแบบครบวงจรชั้นนำในเอเชีย ได้พัฒนาโครงการ Patient Payment Program (PPP) ซึ่งนำเสนอแผนการผ่อนชำระศูนย์เปอร์ เซ็นต์นาน 6 และ 12 เดือน เพื่อให้การรักษาพยาบาลมีความยืดหยุ่นและเข้าถึงได้มากขึ้นสำหรับผู้ป่วยสิงคโปร์
“ยิ่งได้รับการวินิจฉัยโรคช้าเท่าไร ผลลัพธ์ที่ตามมาก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น ตั้งแต่ค่ารักษาที่แพงขึ้น คุณภาพชีวิตที่ลดลง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นมาก กว่าแค่เรื่องของการรักษา แต่เป็นเรื่องของความเท่าเทียมและสิทธิ์ของผู้ชายที่จะมีสุขภาพที่ดีโดยไม่ต้องกังวลถึงเรื่องศักดิ์ศรี” จอห์น เกรแฮม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา กล่าว
ประเทศไทย ก็อาจนำความสำเร็จของประเทศเพื่อนบ้านมาเป็นแนวทาง ผ่านการสนับสนุนทั้งจากภาครัฐและเอกชนด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือในระดับท้องถิ่น เพื่อสร้างและขยายจุดบริการที่เป็นมิตรกับผู้ชายเข้าไปในระบบการดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐาน เพื่อให้การเข้าถึงบริการทางการแพทย์มีความสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์และเพื่อไม่ให้ประชาชนต้องแบกรับภาระทางการเงินที่สูงจนเกินไป
การดูแลสุขภาพผู้ชาย ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงแล้ว
โรคที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวานชนิดที่ 2 และโรคหลอดเลือดหัวใจ ไม่เพียงส่งผลต่อสุขภาพในระดับปัจเจก แต่ยังส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ โรคอ้วนเพียงโรคเดียวก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจคิดเป็น 1.5% ของ GDP ประเทศไทย หรือประ มาณ 281,000 ล้านบาทต่อปี (สำรวจเมื่อปี 2562)
“ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ การตรวจคัดกรองระยะเริ่มต้น และการสื่อสารที่สอดคล้องกับบริบททางวัฒนธรรม เราสามารถช่วยให้ผู้ชายไทยเข้าถึงโซลูชันการรักษาที่เปลี่ยนชีวิตได้ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีการรักษา metabolic therapies ไปจนถึงนวัตกรรมยา Tirzepatide (เทอเซพาไทด์) สำหรับโรคอ้วนและเบาหวานที่เพิ่งเปิดตัวในประเทศไทยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ตอนนี้คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเปลี่ยนมุมมองต่อสุขภาพของผู้ชาย” จอห์น เกรแฮม กล่าวเสริม
การดูแลสุขภาพผู้ชาย จึงไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นวาระสำคัญที่ต้องอาศัยความร่วมมือทั้งจาก ภาครัฐ ผู้ให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุข รวมไปถึงชุมชนและสังคม ที่จะต้องร่วมกันสร้างค่านิยมใหม่สำหรับผู้ชาย ให้สามารถพูดถึงประเด็นสุขภาพได้อย่างเปิดเผย ไม่ต้องหลบซ่อน เพราะไม่มีผู้ชายคนไหนควรต้องทนทรมานจากโรคที่รุมเร้าโดยลำพัง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี