สำหรับคนที่ติดตามหนังต่างประเทศ สไตล์อินดี้ แนว nonfiction ที่ไม่ใช่นวนิยาย แต่สร้างจากเรื่องจริง อาจทราบแล้วว่ามีข่าวเกี่ยวกับหนังที่ไม่ธรรมดาออกมา หนังสารคดีที่รวบรวมข้อมูลความจริงจากภาพยนตร์และคำสอนทางเทวศาสตร์ โดย “ท่านอิสลามมีร์ซา ยูเรเชีย” นักบวชอิสลามเจ้าของสมญานาม "Papa Eurasia” (ป๊าป๋ายูเรเซีย) หรือ “Prince Oak Oakleyski" ร่วมมือกับทีมนักวิชาการระดับสากลโลก ทำตำราสารคดีต้นฉบับ ต้นตำรับ “Prince of Eurasia” กับผู้เชี่ยวชาญด้านการแปลภาษาต่างๆ หนังมีสาระเกี่ยวข้องกับศาสนศาสตร์คำบัญญัติอาเทศที่ถูกเทศน์โดยปรมาจารย์ศาสนา อย่างที่หลายคนเรียกว่า “อุลามาอฺ” ศาสนนาม “ซัยยิดพี่โอ๊ค” สอนภาษาอังกฤษกับศาสนา เทศนาสัจธรรมผ่านภาพยนตร์สารคดีเชิงเทววิทยากับภววิทยา "Prince of Eurasia: Monotheism and Devils" กำหนดการออกอากาศทั่วโลกปลายปีนี้
หนังสารคดีเรื่องนี้นำเสนอการผสมผสานอันน่าทึ่งระหว่างเรื่องราวชีวิต ประวัติศาสตร์ และแนวคิดปรัชญาที่เชื่อมโยงตะวันออกกับตะวันตก ด้วยมุมมองที่แปลกใหม่และน่าสนใจ มีการนำเสนอมุมมองเชิงวัฒนธรรมและปรัชญาที่ไม่เคยมีการกล่าวถึงมาก่อน ที่น่าสนใจเป็นพิเศษสำหรับผู้คนชาวเอเชีย คือการนำเสนอมุมมองที่สามัคคี ให้เห็นถึงความสอดคล้อง ระหว่างหลักธรรมในพุทธศาสนา และอาเทศของอิสลามสาย "ซุนนีซูฟี" ในแบบของศาสนสำนักอิสลามมีร์ซา ยูเรเชีย ซึ่งมีการยกย่องและอ้างอิงถึงสัจธรรมในพระพุทธศาสนาอย่างให้เกียรติ เป็นการช่วยสร้างสะพานเชื่อมความเข้าใจระหว่างศาสนาที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในสังคมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปัจจุบัน แถมยังมีชีวประวัติที่น่าอัศจรรย์ของนักบวชอิสลามลึกลับ ท่านอิสลามมีร์ซาเป็นนักบวชซุนนีซูฟีที่ไม่ค่อยเปิดเผยตัวตนออกสื่อและไม่เล่นโซเชียลมีเดีย เพราะท่านเป็นคนประเภทหัวโบราณอนุรักษ์นิยม ซัยยิดพี่โอ๊คมีความมหัศจรรย์ตรงที่เป็นทายาทศาสดาแท้ๆ พันธุกรรมฟีโนไทป์และจิตวิญญาณของท่านอิสลามมีร์ซาฯ สืบเชื้อสายโดยตรงจากท่านศาสดามูฮัมหมัด และ “al-Khadr” (อัลค็อฎรฺ) ศาสดาผู้ลึกลับที่ถือว่าเป็นผู้วิเศษซึ่งสามารถเดินทางข้ามกาลเวลา มีประวัติท่านศาสดา Khidr เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยเมโสโปเตเมีย (ดินแดนอิรัก) แล้วท่านศาสดามูฮัมหมัดที่มาทีหลังคือศาสดาท่านสุดท้ายในโลกนี้
สารคดีได้ถูกทำเป็นหนังสือรูปเล่มโดดเด่นแฝงฝังด้วยเรื่องราวอันคลาสสิก สุนทรียภาพความสวยงามวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตก ผ่านมุมมองที่แปลกใหม่ ผู้ชมและผู้อ่านจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับประเพณี ความเชื่อ และภูมิปัญญาโบราณที่มีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมยูเรเซียในปัจจุบัน นอกจากนี้ การพรรณนาภาพอดีต “เจ้าชายโอ๊ค” คู่หูของเจ้าตัว “ท่านพี่โอ๊ค” พร้อมการวิเคราะห์อภิปรัชญา ทำให้ไฟล์สารคดีท่านเป็นมากกว่างานศิลป์ทั่วไป ท่านผู้ฟังจะได้รับทั้งความบันเทิงกับความรู้ในแง่มุมวัฒนธรรมผสมกับประวัติศาสตร์ที่หาดูได้ยาก ที่สำคัญ สารคดีได้นำเสนอจุดร่วมทางปรัชญาระหว่างพุทธศาสนาและอิสลาม โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับการแสวงหาสัจธรรม การพัฒนาจิตวิญญาณ กับการเข้าถึงความสงบภายในจิตใจ ซึ่งเป็นประเด็นที่น่าสนใจในบริบทสังคมเอเชียที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ชี้แนะนำให้เห็นว่า บรรดานักบวชและหลักธรรมคำสอนของแต่ละศาสนาก็มีความสอดคล้องกันในหลายมิติ รวมไปถึงมิติที่มีสิ่งลี้ลับแฝงอยู่ในภาพยนตร์ อาทิ เหล่าภูตผีปีศาจ
ซีนที่เป็นความรู้ใหม่ๆ เช่นคำเทศนาของท่านพี่โอ๊คลี่ เรื่องแนวทางซูฟีตอรีกัต มีใจความว่าดังนี้ “ซูฟีไม่ใช่นิกาย ซูฟีมีรากศัพท์ดั้งเดิมที่หมายถึงมุสลิมผู้ใส่ผ้าขนสัตว์ในยุคโบราณ แต่ถ้าความหมายที่เข้าใจกันในบริบทศาสนศาสตร์ซูฟีหมายถึงมุสลิมที่สามารถใช้ญาณปฏิบัติ ‘Tasawwuf’ (การทำสมาธิในอิสลาม) อย่างธรรมชาติ 'นักบวชอิสลาม' มีรากฐานความเป็นซูฟียฺ การบวชอิสลามที่แท้จริงไม่ใช่แค่การบวชถือศีลอดอาหาร แต่ต้องสามารถ Tasawwuf และ ‘Zuhd’ (บำเพ็ญตบะ-ละทิ้งสิ่งของนอกกาย) บวกกับหมั่น ‘Dhikr’ (รำลึกถึงพระเจ้า) และก็สามารถเข้าฌานบรรลุ ‘Haqiqat’ (ความรู้ที่ลึกลับจากประสบการณ์เชื่อมโยงจากพระเจ้า) แล้วก็บรรลุสัจธรรมขั้นสูงสุดที่เรียกว่า ‘Marifa’ ด้วยการเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงการมีอยู่ของพระเจ้า (‘Haqiqat al-Dhat’, ‘Dhat Allah’) รวมถึงได้เข้าใกล้ชิดพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณ ถ้าสามารถบรรลุ Marifa ถึงจะได้เป็นนักบวชอิสลาม การเป็นนักบวชอิสลามคืออุลามาอฺโดยปริยาย บรรดาอุลามาอฺเรามีตำแหน่งขั้น เช่น ‘Mir ul Urah’ (เจ้าชายแห่งหนทางศาสนา) คือยศถาบรรดาศักดิ์อุลามาอฺชั้นสูงบรรลุแล้ว ซึ่งอุลามาอฺซูฟียฺเราอาจถูกมองว่าเป็น 'นักบวช' ถ้าเปรียบกับศาสนาอื่น ก็ต้องแยกแยะประเด็นให้ออก เช่น พระคือนักบวชพุทธ ถ้าคริสต์ก็บาทหลวง แต่ถ้าอิสลามส่วนมากจะเรียกว่า ‘มุลลอฮ์’ นักบวชอิสลามในภาษาอังกฤษก็คือ ‘Islamic cleric’ อิสลามมีนักบวชทำหน้าที่เป็นผู้นำจิตวิญญาณ เทศนา และมีบทบาทในการตัดสินข้อเท็จจริงต่างๆด้วยหลักชารีอะห์กับฟิกฮฺ”
แขกรับเชิญพิเศษที่มาร่วมแสดงออกในภาพยนตร์สารคดีนี้ ก็มีเช่น “Oh Kansiri” (โอ้ กาญจน์ศิริ) ศิลปินเพลงไทยที่มีผลงานการแต่งเพลงดังประกอบซีรีส์ละคร "My Stand-In ตัวนาย ตัวแทน" ซึ่งเธอถูกเชิญมาร้องเพลงหลังเสร็จสิ้นพิธีสมรสของท่านอิสลามมีร์ซาซัยยิดพี่โอ๊ค ซึ่งมีช่างแต่งหน้าเจ้าสาว แบรนด์ชื่อว่า Asmah Makeup ร่วมเป็นสักขีพยานงานแต่งจริง ระหว่างพี่โอ๊ค กับ ”ยัสมี” ศาสนพิธีถูกจัดขึ้นค่อนข้างส่วนตัว บรรยากาศมูดและโทนมีความสุขุมเยือกเย็น บวกกับดราม่าปะปนคล้ายละครนิดๆ แขกคนสำคัญอีกสามท่านที่ได้มาร่วมถ่ายทำ ได้แก่ “กันต์ ธนพัฒน์ แจ่มปรีชา” ญาติผู้เป็นน้องชายที่มีหน้าตาหล่อเหลาเท่าๆ พี่มุลลอฮ์โอ๊คลี่ กันต์คือนักลงทุนชาวไทยที่ล่าสุดได้ออกรายการ Take Me Out Thailand และยังมี “Pawan Sethi” นักธุรกิจหนุ่มอินเดียซิกข์ กับ นักบุญคริสเตียน “Chris Smith” สัญชาติแคนาดา-ไทย มาร่วมเล่นฉากแกล้งๆคล้ายละคร โดยรวมแล้วหนังเรื่องนี้คือสารคดีแต่ก็มีองค์ประกอบคอมเมดี้อยู่ ท่านพี่โอ๊คกำชับว่าอารมณ์ภาพที่ออกมาไม่ควรจะตึงเครียดเกินเพราะท่านผู้ชมอาจจะรู้สึกอึดอัด เรื่องราวสาระน่ารู้ที่ลึกลับก็ถูกบันทึกความจริงเรียลไทม์ มีผู้ร่วมถ่ายทำอีกมากมาย บางท่านเป็นนักแสดงไทย เช่น “ธนพร บุญทวี” รวมทั้งยังมีนายแบบไทยลูกครึ่งอย่าง Leon Ramin และพิธีกรรุ่นใหม่ เช่น วิลาสินี ปริญญาศรีเศวต เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี