“ลำน้ำสงคราม” ที่ทอดยาวไหลผ่าน อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม พื้นที่ชุ่มน้ำแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เส้นเลือดหล่อเลี้ยงชุมชน หากยังเป็น “แรมซาร์ไซต์” พื้นที่ชุ่มน้ำโลกที่ 15 ของประเทศไทย ที่อุดมด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ทั้งสัตว์น้ำ พืชพรรณ และระบบนิเวศที่เกื้อหนุนผู้คนมาหลายชั่วอายุคน
“เสียงเรือหางยาวแล่นแหวกผิวน้ำ ปลายแหถูกฟาดลงกลางลำน้ำคือภาพที่คุ้นตา” วิถีชาวประมงพื้นบ้านยังคงดำเนินควบคู่ไปกับทำนา อาชีพหลักของคนส่วนใหญ่ที่นี่ ในบางชุมชนอย่างปากยาม ท่าบ่อ และยางงอย “การหาปลา” คือหัวใจของการยังชีพ และจากปลาสดในยามเช้า สู่ “ปลาตากแห้ง” ที่แขวนอยู่บนราวไม้ไผ่ในยามบ่าย คือตัวอย่างของภูมิปัญญาที่แปรวิถีชีวิตให้เป็นเศรษฐกิจ
ผศ.ดร.นุชรัตน์ มังคละคีรี หัวหน้าโครงการวิจัย “การยกระดับห่วงโซ่คุณค่าของห่วงโซ่อุปทานปลาตากแห้งน้ำสงครามตอนล่าง” ภายใต้การสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กองส่งเสริม ววน.) และ บพท. เล่าว่า งานวิจัยนี้ไม่ได้ทำเพื่อตัวเลขในรายงาน แต่คือการ “ลงไปคุยกับชาวบ้าน” เพื่อแก้ปัญหาที่แท้จริง
“สิ่งที่เราเห็นคือ ปลาสดที่ควรเป็นวัตถุดิบกลับไหลออกไปสู่พ่อค้าคนกลาง รายได้ของชุมชนหายไป เราเลยคุยกับ 5 พื้นที่ ได้แก่ ปากยาม สามผง ท่าบ่อ ยางงอย และศรีเวินชัย เพื่อจัดตั้งตลาดปลาสดของตัวเอง ให้ปลาที่จับได้หมุนเวียนสร้างรายได้ในพื้นที่ และนำมาแปรรูปต่อยอดเป็นปลาตากแห้ง”
ผลคือ เกิดกลไกรวบรวมผลิตภัณฑ์จากผู้ประกอบการในแต่ละชุมชน พร้อมหาช่องทางตลาดทั้งออฟไลน์และออนไลน์ โดยยังคงย้ำหลักการสำคัญว่า “ปลาที่ขายต้องมาจากน้ำสงครามเท่านั้น” เพราะเอกลักษณ์ของปลาที่นี่ คือ รสชาติไม่คาว ไร้กลิ่นโคลน
ทว่า งานวิจัยนี้ไม่เพียงแต่สร้างตลาด หากยังวางรากฐานของการอนุรักษ์ไว้ด้วย ทุกครั้งที่มีการขายสินค้า จะหักรายได้ 1% คืนกลับไปเป็นกองทุนอนุรักษ์พันธุ์ปลาเพื่อไม่ให้การจับปลาเกินขีดสมดุล
การสำรวจพันธุ์ปลาครั้งล่าสุดยังสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลง ในปี 2540 เคยมีการบันทึกไว้ถึง 148 ชนิด แต่การสำรวจในปีล่าสุด พบเพียง 98 ชนิด แม้จำนวนจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่ก็เป็นสัญญาณเตือนที่ชุมชนไม่อาจเพิกเฉย
เรื่องเล่าจาก “แม่แบม-แม่บึ้ม”
บ้านไม้เรียบง่ายในยางงอย กลายเป็นโรงงานแปรรูปขนาดย่อมของครอบครัว “แม่แบม-แม่บึ้ม” กลิ่นหอมของเกลือสินเธาว์เก่าแก่จากบึงกาฬผสมกับกลิ่นปลาสดที่เพิ่งถูกชำแหละลอยคลุ้ง
“เราล้างปลา 2-3 รอบ หมักกับเกลือคุณภาพที่ต้องต้มนานกว่า 12 ชั่วโมง แล้วพักไว้หนึ่งคืน ก่อนนำไปตากแดดสองวันเต็ม”
แม่แบม เล่าอย่างภาคภูมิใจ ปลาที่ได้เนื้อออกสีทองอ่อน มีกลิ่นหอม ไม่คาว และไม่ใส่ผงชูรส คือรสแท้จากธรรมชาติที่ถ่ายทอดต่อกันมา
ความพยายามของชุมชนและนักวิจัยไม่ได้หยุดอยู่เพียงในหมู่บ้าน ผลิตภัณฑ์ปลาตากแห้งน้ำสงครามยังได้ไปจัดแสดงในงาน Food & Hospitality Thailand (FHT) ปี 2567 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ทำให้เรื่องเล่าของสายน้ำเล็กๆ แห่งนี้ก้าวไปสู่เวทีสากล
ปลาตากแห้งจากลุ่มน้ำสงครามไม่ใช่แค่สินค้า หากแต่เป็นตัวแทนของความพยายามรักษาสมดุลระหว่าง “การยังชีพ” กับ “การอนุรักษ์” ทุกเกล็ดปลา ทุกแดดที่ตาก คือตัวตนของชุมชนที่ผูกพันกับแม่น้ำสายนี้มาเนิ่นนาน และกำลังหาทางให้มันดำรงอยู่ต่อไปได้อย่างยั่งยืน
สิ่งที่น่าทึ่ง คือ จากปลาตากแห้งที่ชาวบ้านทำกันมานาน ขณะนี้ถูกต่อยอดด้วยงานวิจัย จนเกิดเป็นเมนูอาหารที่ไม่แพ้ครัวระดับไฟน์ไดนิ่ง “ปลาแห้งผลไม้รวม จากปลาปีกไก่” เนื้อปลาแห้งเค็มน้อย คลุกเคล้ากับผลไม้รสหวานอมเปรี้ยว กลายเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยที่สร้างรสสัมผัสแปลกใหม่ หรือ “ข้าวผัดพริกแกงปลารากกล้วย” ปลารากกล้วยตากแห้งถูกฉีกเป็นเส้น คลุกเคล้ากับข้าวร้อนๆและเครื่องแกงพื้นบ้าน กลิ่นหอมพริกแกงกับเนื้อปลากรุบหนึบ กลายเป็นจานที่คนเมืองต้องเหลียวมอง
เมนูเหล่านี้สะท้อนว่า “วิถีบ้านนา” ก็สามารถยกระดับสู่ “ครัวโลก” ได้ หากได้รับการต่อยอดอย่างเหมาะสม
ทั้งนี้ ปลาตากแห้งลุ่มน้ำสงครามจึงไม่ใช่เพียงอาหาร แต่เป็นเรื่องราวของคนที่หวงแหนสายน้ำ เป็นรสชาติของการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุลระหว่างธรรมชาติและการยังชีพ ทุกชิ้นปลาที่แห้งกรอบบนราวไม้ไผ่ ไม่เพียงแต่หอมแดด หอมเกลือ หากยังหอมความทรงจำของบ้านเกิด และเป็นสัญลักษณ์ว่าลุ่มน้ำสงครามจะยังคงหล่อเลี้ยงผู้คนรุ่นแล้วรุ่นเล่าต่อไป
เรื่องราวของ “ปลาตากแห้งลุ่มน้ำสงคราม” ไม่ได้สะท้อนเพียงภาพของอาหารพื้นบ้าน แต่คือกระจกที่สะท้อนให้เห็น ความผูกพันระหว่างคนกับสายน้ำ และการพัฒนาที่ก้าวไปพร้อมกับการรักษาภูมิปัญญาเดิมเอาไว้ จากอดีตที่ปลาสดจำนวนมากไหลออกสู่พ่อค้าคนกลาง วันนี้งานวิจัยเข้ามาสร้างระบบตลาดใหม่ ทำให้รายได้หมุนเวียนกลับมาสู่ครอบครัวชาวประมงโดยตรง เกิดการจัดการร่วมกันระหว่าง 5 พื้นที่ พร้อมทั้งมีการคืนกำไรบางส่วนไปยัง “กองทุนอนุรักษ์พันธุ์ปลา” เพื่อรักษาสมดุลของธรรมชาติ เหนือสิ่งอื่นใด การกลับมาของคนรุ่นใหม่อีกหลายคน คือสัญญาณว่า บ้านเกิดยังมีคุณค่า และสามารถเป็นแหล่งทำมาหากินที่มั่นคงได้ ความรู้สมัยใหม่และภูมิปัญญาเก่าจึงถักทอเป็นพลังใหม่ของชุมชน
จากราวไม้ไผ่หน้าบ้าน สู่เวทีแสดงสินค้าในกรุงเทพฯ และต่อยอดเป็นเมนู fine dining ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ผู้บริโภค ปลาตากแห้งแห่งลุ่มน้ำสงครามกำลังพิสูจน์ว่า หากชุมชนเชื่อมั่นในทุนวัฒนธรรมและทรัพยากรของตนเอง สิ่งเล็กๆก็สามารถเติบใหญ่และก้าวไปไกลในระดับโลกได้
“รสชาติปลาตากแห้ง” ไม่ได้หอมเพียงแดดและเกลือ แต่หอมหวานด้วยความหวังของชุมชนที่เลือกจะเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกับสายน้ำสงคราม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี