ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เร่งผลักดันเกษตรกรพัฒนาการแปรรูปสาหร่ายผักกาดทะเล ชูเป็นผลิตภัณฑ์ Superfood พร้อมขยายเครือข่ายการเลี้ยงและแปรรูป เพื่อตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพ ยกวิสาหกิจชุมชนจันทราบุรีเป็นต้นแบบของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย สร้างรายได้นับล้านต่อปี
ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ต้นแบบการศึกษา วิจัย และส่งเสริมการเพาะเลี้ยงสาหร่ายผักกาดทะเลให้แก่เกษตรกรและชุมชนตามแนวชายฝั่งทะเล เร่งผลักดันเกษตรกรให้พัฒนาการเลี้ยงควบคู่กับการแปรรูป ชูจุดเด่น Superfood เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพ และผู้บริโภคทุกกลุ่ม พร้อมยกวิสาหกิจชุมชนจันทราบุรี เป็นต้นแบบของการเลี้ยงและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย สามารถสร้างรายได้นับล้านบาทต่อปี ตั้งเป้าภายใน 3 ปีจะมีเงินสะพัดเข้าสู่ชุมชนหลักสิบล้านบาท
กัญญารัตน์ สุนทรา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี เปิดเผยถึงจุดเด่นของสาหร่ายผักกาดทะเลที่กำลังเร่งผลักดันให้มีการส่งเสริมและพัฒนาด้านการแปรรูปมากขึ้น สาหร่ายผักกาดทะเลเป็นสาหร่ายทะเลสีเขียวที่มีความทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงความเค็มได้ดีมาก และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง คือมีโปรตีนสูงถึง 25-30 กรัมต่อน้ำหนักแห้ง 100 กรัม และยังอุดมไปด้วยวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ และมีไขมันต่ำ จึงเหมาะสำหรับผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ นอกจากนี้สาหร่ายผักกาดทะเลยังสามารถนำมาปรุงเป็นเมนูอาหารได้หลากหลายทั้งอาหารคาว หวาน และเครื่องดื่ม เช่น บะหมี่สาหร่ายผักกาดทะเล พาสต้าสาหร่ายผักกาดทะเล น้ำสาหร่ายผักกาดทะเล สาหร่ายผักกาดทะเลทอด ต้มจืดสาหร่ายผักกาดทะเล ขนมจีบกุ้งสาหร่ายผักกาดทะเล กุ้งดองซีอิ๊วห่อสาหร่ายผักกาดทะเล ปอเปี๊ยะสาหร่ายผักกาดทะเล ถุงทองสาหร่ายผักกาดทะเล และแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพด้วย เช่น เซรั่มสาหร่ายผักกาดทะเล สบู่ผสมสาหร่ายผักกาดทะเล กัมมี่สาหร่ายผักกาดทะเล ผงไฟเบอร์ผสมสาหร่ายผักกาดทะเล และคอลลาเจนผักผสมสาหร่ายผักกาดทะเล เป็นต้น
“ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ มีการศึกษา วิจัย และส่งเสริมการเพาะเลี้ยงสาหร่ายผักกาดทะเลครบวงจร ทั้งการเพาะเลี้ยง การแปรรูปและส่งเสริมช่องทางการตลาดด้วย โดยเป็นต้นแบบทั้งในด้านการเลี้ยงและแปรรูปให้กับเกษตรกรที่สนใจ ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร(สวก.) โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอแหลมสิงห์ที่อยู่ในโครงการ ศูนย์ฯ คุ้งกระเบน จะมีเจ้าหน้าที่ลงไปในพื้นที่ชุมชนเพื่อคอยให้คำแนะนำและส่งเสริมขยายผล เช่นที่วิสาหกิจชุมชนจันทราบุรี วิสาหกิจชุมชนธนาคารบ้านปลาธนาคารปู และกลุ่มแม่บ้านแปรรูปหอยนางรม เป็นต้น ซึ่งแต่ละกลุ่มจะมีความเข้มแข็งที่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการแปรรูป การส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว ไปจนถึงการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมด้วย”
ด้าน อัญชลี คมปฏิภาณ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ประมง ผู้รับผิดชอบโครงการเพาะเลี้ยงสาหร่ายผักกาดทะเล ประจำศูนย์ฯ คุ้งกระเบน กล่าวเพิ่มเติมว่า สาหร่ายผักกาดทะเลเป็นที่ได้รับการยอมรับในฐานะ “Superfood” สามารถแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าได้หลากหลาย เป็นทั้งอาหาร เครื่องสำอาง เป็นผลิตภัณฑ์บำรุง ดูแลสุขภาพได้หลากหลาย เกษตรกรที่สนใจสามารถเข้ามาปรึกษา โดยทางศูนย์ฯ คุ้งกระเบนพร้อมถ่ายทอดความรู้ให้
“นอกจากวิธีการเลี้ยง เรายังพร้อมถ่ายทอดเรื่องการแปรรูป ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เช่น ปอเปี๊ยะ ขนมจีบ หรือเครื่องดื่มน้ำสาหร่ายผักกาดทะเล ซึ่งอาหารเหล่านี้สามารถนำไปต่อยอดทำเป็นอาหารในช่วงเบรคหรือสแน็กบ็อกซ์จำหน่ายได้ แล้วไม่ใช่เป็นอาหารที่อร่อยเท่านั้น แต่ยังได้เรื่องสุขภาพด้วย”
ด้าน คุณตุ๋ม-สุภิดา ลิ้นทอง ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนจันทราบุรี@ปากน้ำแหลมสิงห์ กลุ่มเกษตรกรที่เป็นต้นแบบในการเลี้ยงและแปรรูปสาหร่ายผักกาดทะเลจนประสบความสำเร็จ สามารถสร้างมูลค่าตลาดได้สูงถึงหลักล้านบาทต่อปี เล่าว่าเริ่มต้นจากการเลี้ยงสาหร่ายทะเลในถังไฟเบอร์กลาสขนาด 500 ลิตร จำนวน 8 ใบ และใช้เวลาเลี้ยงเพียง 3 สัปดาห์ ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ประมาณ 20 กิโลกรัม สร้างรายได้ประมาณ 10,000 บาทต่อเดือน ต่อมาได้มีการขยายการผลิต มีการนำผลผลิตมาแปรรูปเป็นสาหร่ายอบแห้ง และพัฒนาต่อเนื่องจนมีผลิตภัณฑ์แปรรูปที่หลากหลายมากกว่า 10 รายการ เช่น สาหร่ายผักกาดทะเลตากแห้ง บะหมี่สาหร่ายผักกาดทะเล บะหมี่สาหร่ายผักกาดทะเลพร้อมผงปรุง 6 รสชาติ ผักม้วนสาหร่ายผักกาดทะเล พาสต้าสาหร่ายผักกาดทะเล เซรั่มบำรุงผิวหน้าผสมสารสกัดจากสาหร่ายผักกาดทะเล แชมพู ครีมนวดผม เจลอาบน้ำ โลชั่นบำรุงผิวกายผสมสารสกัดจากสาหร่ายผักกาดทะเล เป็นต้น โดยมีตลาดหลักเป็นกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาศึกษาดูงาน และการขายผ่านระบบออนไลน์
“ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสาหร่ายผักกาดทะเล สามารถสร้างรายได้ถึง 7 หลักให้กับกลุ่ม ตอนนี้เราจึงมีการวางแผนตั้งเป้าพัฒนาการตลาด โดยในช่วง 3-5 ปีนี้ จะพัฒนาไปเพื่อสร้างรายได้ให้ถึง 8 หลัก และในระยะยาว เราต้องการจะนำพาสินค้าจาก local ของเราไปสู่ global เพื่อจะช่วยสร้างรายได้ 9 หลัก ให้กับเราให้ได้”
ปัจจุบันเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี หันมาเพาะเลี้ยงสาหร่ายผักกาดทะเลและแปรรูปเพื่อเป็นอาชีพหลักกันมากขึ้นโดยได้รับการสนับสนุน และดูแลให้คำแนะนำปรึกษาทั้งด้านการเลี้ยง การแปรรูปและการตลาดจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งผลิตภัณฑ์แปรรูปนอกจากจะมีวางจำหน่ายที่อาคารสิริพัฒนภัณฑ์ ด้านหน้าศูนย์ฯ คุ้งกระเบนแล้ว ยังมีจำหน่ายที่ร้านฟิชเชอร์แมนชอป ร้านภัทรพัฒน์ และสั่งซื้อผ่านทางออนไลน์ด้วย
เกษตรกร ผู้ประกอบการและผู้สนใจรับการถ่ายทอดความรู้ด้านการเลี้ยงและแปรรูปสาหร่ายผักกาดทะเล สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ โทร. 039 433 217
-(016)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี