จากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุข พบว่าผู้ป่วยมะเร็งผิวหนังรายใหม่ในไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 12 คนต่อวัน (ข้อมูลระหว่างปี 2559-2561) ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะโลกร้อนที่ทำให้แสงแดดมีความเข้มข้นมากขึ้น สำหรับบล็อกเกอร์หรือนักเดินทางที่ชื่นชอบการทำคอนเทนต์กลางแจ้ง เช่น การรีวิวที่พักริมทะเล หรือการถ่ายภาพท่ามกลางแสงแดดจ้า จึงควรระมัดระวังและป้องกันผิวหนังจากแสงแดดที่เป็นอันตราย เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งผิวหนัง
นายแพทย์จรัสพงศ์ เขจรบุตร แพทย์เวชปฏิบัติอาชีวเวชศาสตร์ ประจำโรงพยาบาลวิรัชศิลป์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลวิรัชศิลป์ได้ให้ข้อมูลไว้เกี่ยวกับภัยร้ายจากแสงแดด และวิธีเตรียมตัวรับมืออย่างถูกวิธี เพื่อให้คุณสามารถเดินทางได้อย่างมั่นใจ ปลอดภัยจากโรคมะเร็งผิวหนังว่า “แม้คนไทยจะมีผิวคล้ำและมีโอกาสเกิดมะเร็งผิวหนังน้อยกว่าคนผิวขาว แต่ก็ยังมีความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากพฤติกรรมที่เรามักทำในชีวิตประจำวัน เช่น การตากแดดเป็นเวลานานในช่วงเวลาที่แสงแดดจัดที่สุด (10.00-15.00 น.) ซึ่งเป็นช่วงที่รังสียูวีมีความเข้มข้นสูงสุด
มะเร็งผิวหนังที่พบบ่อยที่สุดในคนไทยคือ มะเร็งเบเซลเซลล์ (Basal Cell Carcinoma) ซึ่งเป็นชนิดที่มีความรุนแรงต่ำที่สุด และมักปรากฏบนผิวหนังที่โดนแดดบ่อย ๆ ส่วน มะเร็งสเควมัสเซลล์ (Squamous Cell Carcinoma) เป็นชนิดที่รุนแรงปานกลาง และที่อันตรายที่สุดคือ มะเร็งเมลาโนมา (Malignant Melanoma) ซึ่งพบได้น้อยแต่มีความรุนแรงสูงมาก หากเป็นแล้วมีโอกาสกระจายไปยังอวัยวะอื่นได้รวดเร็วนอกจากแสงแดดแล้ว ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่ทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ เช่น พันธุกรรม การสัมผัสสารเคมีบางชนิด หรือการมีแผลเรื้อรังที่ไม่หายขาด
การป้องกันที่ดีที่สุดคือการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกเดินทาง โดยเฉพาะการป้องกันผิวจากรังสียูวี
เลือกครีมกันแดดให้เหมาะสม: การทาครีมกันแดดเปรียบเสมือนการสวมเกราะป้องกันผิว สำหรับกิจกรรมกลางแจ้งและไปทะเล ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 หรือ SPF 50+ และมีค่า PA++++ เพื่อปกป้องผิวจากทั้งรังสี UVA และ UVB ได้อย่างเต็มที่ ปริมาณที่เหมาะสมสำหรับ
ใบหน้าและลำคอคือ 2 ข้อนิ้วมือ : และควรทาก่อนออกแดดอย่างน้อย 15-20 นาที ที่สำคัญควรทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในน้ำหรือมีเหงื่อออกมาก
แต่งกายให้พร้อมรับมือแสงแดด: สวมใส่เสื้อผ้าแขนยาว กางเกงขายาว และสวมหมวกปีกกว้าง เพื่อช่วยป้องกันผิวจากแสงแดดโดยตรง
ดื่มน้ำให้เพียงพอ: การทำงานกลางแจ้งทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมาก การดื่มน้ำให้เพียงพอจะช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นและแข็งแรง ทำให้กระบวนการซ่อมแซมตัวเองของผิวทำงานได้ดีขึ้น
สังเกตตัวเอง...สัญญาณเตือนจากผิวหนัง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหมั่นสังเกตผิวหนังของตนเอง หากพบความผิดปกติควรรีบปรึกษาแพทย์โดยทันที สัญญาณที่ควรเฝ้าระวัง ได้แก่: การเปลี่ยนแปลงของไฝเดิม: ทั้งในแง่ของขนาด รูปร่าง สี หรือขอบเขตที่ไม่สม่ำเสมอ ไฝใหม่ที่มีลักษณะผิดปกติ: มีขนาดใหญ่กว่าปกติ สีไม่สม่ำเสมอ หรือมีขอบหยัก แผลเรื้อรังที่ไม่หายขาด: แผลหรือตุ่มบนผิวหนังที่เกิดขึ้นแล้วไม่ยอมหายภายใน 2-3 สัปดาห์ หรือหายแล้วกลับมาเป็นซ้ำ
หากแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งผิวหนัง ไม่ต้องกังวล เพราะปัจจุบันมีแนวทางการรักษาที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับชนิดและระยะของโรค เช่น การผ่าตัด, การจี้ทำลายด้วยความเย็น, การฉายรังสี, เคมีบำบัด หรือแม้แต่การรักษาแบบมุ่งเป้าและภูมิคุ้มกันบำบัดที่ทันสมัย ซึ่งทำให้การรักษามีประสิทธิภาพและตรงจุดมากขึ้น
" ในฐานะแพทย์ ผมอยากฝากคำแนะนำว่า “การป้องกันดีกว่าการรักษาเสมอ” เพราะมะเร็งผิวหนังส่วนใหญ่เกิดจากปัจจัยที่เราควบคุมได้ นั่นคือการได้รับรังสียูวีมากเกินไป ดังนั้น ก่อนออกเดินทางครั้งต่อไป อย่าลืมเตรียมพร้อมทั้งร่างกายและผิวพรรณ เพื่อให้ทุกการท่องเที่ยวเป็นไปอย่างสนุกและปลอดภัยจากภัยร้ายที่มองไม่เห็น " นายแพทย์จรัสพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับชาวชุมพรและประชาชนในภาคใต้ที่สนใจข้อมูลการรักษามะเร็ง สามารถสอบถามได้ที่ www.virajsilp.com เฟซบุ๊ก โรงพยาบาลวิรัชศิลป์ Virajsilp Hospital โทรศัพท์ 077-542-555 หรือดูรายละเอียดโรงพยาบาล PRINC Group ทั่วประเทศได้ที่ www.princgroup.com
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี