นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบงานศิลป์ เมื่อได้มีโอกาสเยือนเมืองหลวงที่ใหญ่ที่สุดในสแกนดิเนเวียแล้ว คงไม่พอใจเพียงแค่เดินตลาด และช้อปปิ้ง แต่คงต้องหามิวเซียมศิลปะที่ดีที่สุดของเมืองไปเยือน นั่นคือ Royal Academy of Fine Arts มิวเซียมที่มีประวัติย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 1697 ซึ่งอยู่ในช่วงระหว่างการก่อสร้าง Royal Palace ที่สวีเดนขาดแคลนทั้งศิลปินและสถาปนิกเป็นอย่างมาก ท่าน Count Carl Gustaf Tessin นักการเมืองที่ได้ฉายาว่าชาญฉลาดที่สุดคนหนึ่งแห่งยุคซึ่งเป็นผู้ได้รับการแต่ตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการในการก่อสร้างในปี 1728 จึงได้พยายามที่ยกระดับมาตรฐานทางด้านความเป็นมืออาชีพให้กับศิลปินชาวสวีดิชจึงได้ตั้งโรงเรียนสอนเขียนภาพร่างขึ้นที่เรียกว่า The Royal Academy of Drawing โดยเลียนแบบสถานศึกษาในฝรั่งเศสส่งผลให้สิ้นทศวรรษที่ 1730 จำนวนศิลปินรุ่นใหม่ก็เพิ่มขึ้นจนสามารถช่วยงานตกแต่งพระราชวังได้
ปี 1766 อนาคตของสถาบันเริ่มมั่นคงขึ้นเมื่อรัฐบาลตัดสินใจจัดสรรงบประมาณให้กับอาจารย์และศิษย์ รวมทั้งนายแบบให้สามารถที่จะทำงานต่อไปกับสถาบันได้อย่างจริงจัง วันที่ 30 พฤษภาคม 1768 สถาบันจึงได้จัดการประชุมเพื่อปรับโครงสร้างและเปลี่ยนชื่อเป็น Royal Academy of Painting and Sculpting และได้ทำการร่างกฎหมายและระเบียบเพื่อรองรับสถาบัน ต่อมาในปี 1773 พระเจ้ากุสตาฟที่สามได้ทรงรับรองกฎหมายสถาบันการศึกษาขึ้นโดยขยายขอบเขตให้มีการศึกษาด้านสถาปัตยกรรม กายวิภาค ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และกราฟฟิคส่งผลให้ปลายปีนั้น Ulrica Fredrika Pasch กลายเป็นผู้หญิงคนแรกที่เป็นสมาชิกของสถาบัน
ปี 1780 สถาบันได้ย้ายไปอยู่ที่ Sparre Palace จากเงินทุนบริจาคของ Gerhard Meyer ผู้หล่อระฆังให้กับโบสถ์และได้เปลี่ยนชื่อตึกเป็น Meyer’s House ปี 1784 สถาบันได้ทำการจัดแสดงนิทรรศการขึ้นครั้งแรกถือเป็นครั้งแรกที่จัดขึ้นโดยนักเรียนของสถาบันนี้ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ปี 1792 รัฐบาลตัดสินใจเปลี่ยนสถาบันเดิมเป็น Royal Museum โดยให้สถาบันเป็นผู้ควบคุมทั้งการเงินและการบริหารโดยใช้ Logarden wing ของ Royal Palace เป็นที่ทำการโดยเปิดทำการครั้งแรกในปี 1794 มิวเซียมนี้กลายเป็นมิวเซียมศิลปะแห่งแรกของยุโรป ปี 1810 สถาบันถูกเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น Royal Academy of Fine Arts อาคารที่ตั้งนี้ได้รับการต่อเติม 2 ครั้งภายใต้การออกแบบของสถาปนิก Fredrik Blom ในปี 1845 และสถาปนิก Erik Lallerstedt ในปี 1891
ของจัดแสดงนับจากคริสต์ศตวรรษที่ 15 ของมิวเซียมที่ประกอบไปด้วยงานทัศนศิลป์ งานภาพร่าง งานประติมากรรม งานผ้า และเฟอร์นิเจอร์นี้เป็นผลมาจากการสะสมร่วม 300 ปี งานสะสมที่มีมาจากทั้งการซื้อและการรับบริจาคนี้มี The Batavian oath of allegiance to Claudius Civilis ของ Rembrandt เป็นชิ้นที่มีชื่อเสียงที่สุด นอกจากนี้ที่นี่ยังมีความพิเศษตรงที่มีผลงานประติมากรรมปูนปาสเตอร์เลียนแบบที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรปไว้ใช้สอนนักศึกษาด้วยโดยงานส่วนใหญ่เลียนแบบมาจากงานประติมากรรมยุคเรอเนสซองส์ ยิ่งกว่านั้นที่นี่ยังมีงานของนักศึกษาศิลป์มากที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปไว้จัดแสดง อีกทั้งยังเป็นมิวเซียมที่มีผลงานของศิลปินหญิงเป็นจำนวนมากเนื่องจากเป็นสถาบันที่รับนักศึกษาหญิงเข้าเรียนศิลปะเป็นแห่งแรกของยุโรปอีกต่างหากด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี