“ดิฉันไม่ใช่คนเก่งที่สุด แต่เป็นคนที่ไม่เคยยอมแพ้ค่ะ” เสียงของ นพรัตน์ มาลัยวงค์ ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริษัท 88(Thailand) จำกัด (มหาชน) ฟังดูเรียบง่ายแต่หนักแน่น เธอคือผู้หญิงที่พาแบรนด์ไทยเติบโตจากธุรกิจเล็กๆ สู่การเป็นบริษัทมหาชนภายใต้ชื่อหุ้น “88TH” และเป็นเจ้าของแบรนด์ดูแลเส้นผมชื่อดัง LYO ที่วันนี้กลายเป็นชื่อที่คนไทยคุ้นหู
จาก ver.88 → LYO → HONE เส้นทางแห่งการลงมือทำของ “นพรัตน์ มาลัยวงค์”
“ก่อนปี 2558 ตนเองทำธุรกิจนำเข้าเครื่องสำอางจากเกาหลี ตอนนั้นมองเห็นช่องว่างในตลาดชัดเจน ผู้หญิงไทยต้องการของดีในราคาที่จับต้องได้ เลยตัดสินใจก่อตั้งบริษัท 88(Thailand) และสร้างแบรนด์ของตัวเองชื่อ ‘ver.88’”
โดยผลิตภัณฑ์แรกคือ “แป้งดินน้ำมัน” ที่โด่งดังทันที ตามมาด้วยลิปสติก รองพื้น และบลัชออน “ver.88 สะท้อนความเชื่อของผู้หญิงยุคใหม่ว่า ความสวยไม่จำเป็นต้องแพง แต่ต้องใช้แล้วมั่นใจได้จริง”
จุดเปลี่ยนสู่ LYO (ปี 2563)
เมื่อโลกเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงโควิด–19 ที่ธุรกิจเครื่องสำอางทั่วโลกได้รับผลกระทบหนัก นพรัตน์กลับมองเห็นโอกาสในวิกฤตนั้น
“ตอนนั้นไม่รอให้สถานการณ์ดีขึ้น เราเริ่มผลิตเจลแอลกอฮอล์ภายใต้ ver.88 เพื่อให้บริษัทยังเดินต่อได้ แต่ในช่วงนั้นเอง ก็ได้รู้จักแบรนด์ LYO ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะจากสมุนไพรไทย”
เธอจึงลองใช้ด้วยตัวเองและรู้ทันทีว่า “สูตรดีมาก” แต่ยังไม่ถูกสื่อสารให้คนรู้จักในวงกว้าง “ตนเองเห็นศักยภาพของแบรนด์ จึงขอซื้อมาพัฒนาและต่อยอดต่อจากเจ้าของเดิม เพื่อคงสิ่งที่ดีไว้ และเสริมสิ่งที่ขาดให้สมบูรณ์”
จากนั้นจึงเริ่มปรับแบรนด์ใหม่ทั้งระบบ ตั้งแต่สูตร โลโก้ บรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงกลยุทธ์การตลาด โดยยังคงทำงานร่วมกับเภสัชกรเจ้าของสูตรเดิม เพื่อรักษาคุณภาพและเพิ่มเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าไป
และหนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญของ LYO เกิดขึ้นเมื่อได้ร่วมงานกับ “หนุ่ม–กรรชัย กำเนิดพลอย”
“ตอนที่ติดต่อคุณหนุ่มครั้งแรก แค่คิดว่าอยากได้คนที่สะท้อนภาพลักษณ์ความจริงใจและคุณภาพ แต่คุณหนุ่มบอกตรง ๆ ว่าอยากลองใช้ก่อน ถ้าใช้แล้วดีจริง ค่อยร่วมงานกัน” เธอเล่าพร้อมรอยยิ้ม
หลังจากทดลองใช้แล้วเห็นผลจริง เขาพูดเพียงประโยคเดียวว่า “ผมไม่อยากเป็นพรีเซนเตอร์ แต่อยากเป็นพาร์ทเนอร์”
นับแต่นั้นมา “หนุ่ม–กรรชัย” จึงกลายเป็นพาร์ทเนอร์ตัวจริง มีส่วนร่วมตั้งแต่การพัฒนาสูตร การสื่อสารแบรนด์ ไปจนถึงการทำตลาดร่วมกัน ซึ่งช่วยให้ LYO เติบโตอย่างรวดเร็วและกลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ Hair Care ที่แข็งแรงที่สุดของไทย
การต่อยอดและขยายพอร์ต (ปี 2564–2567)
หลังจาก LYO ประสบความสำเร็จในกลุ่ม Anti-Hair Loss บริษัทจึงขยายสินค้าอย่างต่อเนื่อง “เราพัฒนาไลน์ใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม” ตั้งแต่
• LYO Hair Color Shampoo (2565) — แชมพูปิดผมขาวพร้อมบำรุง
• LYO Herbal Series (2567) — สูตรสมุนไพรไทยแท้ เช่น อัญชัน มะกรูด ใช้ได้ทุกวัน
จนตอนนี้ LYO กลายเป็นแบรนด์ที่มีสินค้าครอบคลุมครบทุกความต้องการของผู้ใช้
การก้าวสู่ตลาด Skincare — แบรนด์ HONE (ปี 2565)
จากความสำเร็จของ LYO นพรัตน์ต่อยอดสู่แบรนด์สกินแคร์ภายใต้ชื่อ HONE (โฮน) ซึ่งเป็นอีกด้านหนึ่งของความงาม เป็นแบรนด์ที่ต่อยอดจากสิ่งที่เราทำได้ดีอยู่แล้ว พัฒนาร่วมกับคุณหนุ่มเช่นกัน ใช้สารสกัดธรรมชาติจากเกาหลี เน้นสูตร Anti-Aging สำหรับผู้หญิงที่อยากดูแลตัวเองครบทั้งผมและผิว”
กลยุทธ์การตลาดและช่องทางการขาย
“ธุรกิจความงามต้องเดินพร้อมกันสองขา — คุณภาพของสินค้าและความเข้าใจผู้บริโภค” นพรัตน์กล่าวอย่างมั่นใจ “เราไม่เคยสร้างแบรนด์จากกระแส แต่สร้างจากข้อมูลจริง เราศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สินค้าใช้ได้จริง เห็นผลจริง และทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ”
88TH ใช้กลยุทธ์การตลาดแบบ 360 องศา ครอบคลุมทั้งสื่อหลัก สื่อออนไลน์ และสื่อดิจิทัลกว่า 19,000 จุดทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางขายแบบครบทุกมิติ — ห้างสรรพสินค้า ร้านขายยา ร้านทำผม ร้านค้าปลีก ไปจนถึงแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Shopee, Lazada, TikTok Shop, TV Shopping และ Live Commerce
และเพื่อสร้างความมั่นใจในเรื่องของคุณภาพ บริษัทจึงเข้าซื้อโรงงาน DOK SKIN เพื่อควบคุมคุณภาพทุกขั้นตอน ตั้งแต่สูตร การทดสอบ ไปจนถึงบรรจุภัณฑ์
“การมีโรงงานของเราเอง ทำให้สามารถพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ได้ต่อเนื่อง และมั่นใจได้ว่าทุกชิ้นที่ออกจากโรงงานมีมาตรฐานเดียวกัน”
ทำให้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา 88TH เติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง
• ปี 2566: รายได้ 365.08 ล้านบาท / กำไร 25.91 ล้านบาท
• ปี 2567: รายได้ 479.08 ล้านบาท / กำไร 55.77 ล้านบาท
• ครึ่งปีแรก 2568: รายได้ 307.41 ล้านบาท / กำไร 50.45 ล้านบาท
เพียงครึ่งปีแรก กำไรก็เกือบเท่าทั้งปีของปีก่อน — สะท้อนความมั่นคงและศักยภาพในการขยายธุรกิจที่ยั่งยืน
และเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2568 บริษัท 88(Thailand) Public Company Limited (88TH) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai อย่างเป็นทางการ เสนอขายหุ้น IPO 59.5 ล้านหุ้น ราคา 5.45 บาทต่อหุ้น รวมมูลค่ากว่า 324 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดวันแรกสูงถึง 1,158 ล้านบาท
“การเข้าตลาดหลักทรัพย์ไม่ใช่ปลายทาง แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตระยะยาวค่ะ ดิฉันอยากให้ 88TH เป็นตัวอย่างของแบรนด์ไทยที่ยืนได้ด้วยคุณภาพ ความโปร่งใส และศรัทธาจากผู้บริโภค”
นอกจากนี้ นพรัตน์ มาลัยวงค์ มองว่า “ธุรกิจที่ยั่งยืนต้องมีทั้งหัวใจและระบบที่แข็งแรง” โดยเธอวางเป้าหมาย 3–5 ปีข้างหน้าอย่างชัดเจน
“เราตั้งใจสร้างธรรมาภิบาลที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ ลงทุนต่อเนื่องใน R&D และนวัตกรรมใหม่ ๆ รวมถึง ศึกษาตลาดต่างประเทศ โดยเริ่มจาก CLMV และจีน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการขยายในอนาคต”
“เราไม่ใช่แค่ผู้บริหาร แต่เป็นคนที่ลงมือทำในทุกวันจริงๆ เพราะสิ่งที่พาเรามาถึงวันนี้ ไม่ใช่โชค แต่คือความตั้งใจและความจริงใจต่อผู้บริโภค”
จาก ver.88 สู่ LYO และ HONE — เส้นทางกว่า 10 ปีของ “นพรัตน์ มาลัยวงค์” คือภาพสะท้อนของแบรนด์ไทยที่เติบโตด้วยความซื่อสัตย์ ความทุ่มเท และหัวใจที่ไม่ยอมแพ้
-(016)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี