จิม ทอมป์สัน จัดแสดงผลงานคอลแลบทรงคุณค่าร่วมกับชุมชนบ้านครัว นำผ้าไหมลายผ้าขาวม้าสุดไอคอนิกมาอยู่บนสินค้าแฟชั่น พร้อมจัดนิทรรศการพิเศษ นำเสนอเบื้องหลังคอลเลกชันและประวัติศาสตร์ความร่วมมือกับชุมชนในช่วงปี 1950 ตั้งแต่วันนี้จนถึง 4 มกราคม 2569 ณ พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน

นันท์นภัส เวโรจนวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด จิม ทอมป์สัน

จิม ทอมป์สัน สร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ ผ่านคอลเลกชัน Jim Thompson X Baan Krua ยกย่องมรดกการทอผ้าอันทรงคุณค่าจากความสัมพันธ์อันยาวนานกับชุมชนทอผ้าบ้านครัวในกรุงเทพฯ ที่เป็นกำลังสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแบรนด์ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1950 โดยคอลเลกชันพิเศษนี้รังสรรค์ร่วมกับ นิพนธ์ มนูทัศน์ ทายาทรุ่นที่ 3 และเจ้าของโรงทอผ้าไหมแห่งสุดท้ายที่ยังดำเนินกิจการอยู่ในชุมชนบ้านครัว ผู้มุ่งมั่นสืบสานมรดกการทอผ้าไหมแบบดั้งเดิม โดยการกลับมาร่วมงานกันครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 50 ปี ตอกย้ำบทบาทของจิม ทอมป์สัน ในการสานต่อตำนานผ้าไหมไทยในบริบทโลกยุคใหม่

นิพนธ์ มนูทัศน์

นันท์นภัส เวโรจนวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด จิม ทอมป์สัน กล่าวว่า  "คอลเลกชัน Jim Thompson X Baan Krua ตอกย้ำดีเอ็นเอของแบรนด์ในการรักษามรดกอันทรงคุณค่า พร้อมนำลวดลายผ้าขาวม้า มานำเสนอในรูปแบบที่โมเดิร์นขึ้น ความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์กับชุมชนทอผ้าบ้านครัว สะท้อนความมุ่งมั่นของเราในการผลักดันหัตถศิลป์ไทยสู่เวทีสากลผ่านแฟชั่นไอเทมที่เข้ากับยุคสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว"

คอลเลกชันนี้ฉลองความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่าง จิม ทอมป์สัน กับชุมชนช่างทอผ้าไทย นำเสน่ห์ของผ้าไหมไทยและลวดลาย “ผ้าขาวม้า” แบบดั้งเดิม มาอยู่บน 4 ไอเทมซิกเนเจอร์ทำจากไหมทอมือ ได้แก่ กางเกง Fisherman สำหรับสุภาพสตรี,  ผ้าพันคอ, พ็อกเก็ตสแควร์ และเนกไท นำเสนอในลวดลายและสีสันทั้งหมด 4 แบบ ได้แก่ Pakaoma Rose Pink, Border Stripes Blue, Horizontal Stripes Beige และ Border Stripes Pink โดยแต่ละลายสะท้อนฝีมือการทอผ้าอันประณีตของชุมชนบ้านครัว ดึงแรงบันดาลใจจากแพทเทิร์นในอาร์ไคฟ์และเทคนิคการทอที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน รังสรรค์เป็นไอเทมแฟชั่นที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่

ชุมชนบ้านครัว เป็นชุมชนชาวมุสลิมเก่าแก่ริมคลองแสนแสบในกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์บ้านจิมทอมป์สัน ชุมชนแห่งนี้โด่งดังเรื่องฝีมือการทอผ้าไหม โดยผลิตโสร่งและผ้าขาวม้ามายาวนานกว่า 130 ปี ในปี 1951 (พ.ศ. 2494) จิม ทอมป์สัน ได้เข้าไปทำความรู้จักกับชุมชนบ้านครัวและหลงใหลในฝีมือการทอผ้า ต่อมาจึงได้ทำงานร่วมกับช่างทอของชุมชนผ่าน บริษัท อุตสาหกรรมไหมไทย จำกัด ที่ จิม ทอมป์สัน ก่อตั้งขึ้น เขาได้นำเทคนิคการย้อมสีแบบใหม่เข้ามาใช้จนได้ผ้าไหมสีสดใส พร้อมออกแบบแพทเทิร์นผ้าด้วยตัวเอง ซึ่งทำให้ผ้าไหมไทยมีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร หลังจากนั้น จิม ทอมป์สันได้นำผ้าไหมไทยไปจัดแสดงที่สหรัฐอเมริกา ทำให้ผ้าไหมไทยเป็นที่นิยมอย่างมากบนเวทีสากล จนเป็นที่มาของฉายา "ราชาไหมไทย"

หลังจากการหายตัวไปอย่างลึกลับของจิม ทอมป์สัน ชุมชนบ้านครัวยังคงทอผ้าไหมเพื่อส่งมอบตามคำสั่งซื้อของจิมทอมป์สัน ต่อเนื่องอีกกว่า 10 ปี หลังจากนั้น ช่างฝีมือจำนวนมากจากชุมชน ได้เข้าไปทำงานต่อที่โรงทอของบริษัท อุตสาหกรรมไหมไทย จำกัด

นิพนธ์ มนูทัศน์ วัย 77 ปี เจ้าของธุรกิจทอผ้าบ้านครัวแห่งสุดท้ายที่ยังดำเนินกิจการอยู่ เล่าว่า "คุณแม่ของผมเริ่มธุรกิจผ้าไหมในปี 2470 สมัยก่อน จิม ทอมป์สัน จะมาเยี่ยมชุมชนบ้านครัวทุกเช้าเพื่อมาดูแลสนับสนุนการทำงานของเรา เขามักจะให้คำแนะนำเรื่องลวดลาย สีสัน และเทคนิคการทอ ผมยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นว่าคอลเลกชันใหม่ได้แรงบันดาลใจจากความร่วมมือในยุคแรกของเรา ทั้งยังเป็นการสืบสานมรดกการทอผ้าที่ส่งต่อกันมาหลายชั่วอายุคน"

ปัจจุบัน โรงงานทอผ้าของจิม ทอมป์สัน ในจังหวัดนครราชสีมา ยังคงสืบสานภูมิปัญญาการทอผ้าแบบดั้งเดิมอย่างต่อเนื่อง โดยแบรนด์ยังคงใช้กี่ทอผ้าแบบเดียวกับที่ช่างทอบ้านครัวเคยใช้ ปัจจุบันมีช่างฝีมือท้องถิ่นประมาณ 60 คนยังคงทอผ้าไหมด้วยมือ เพื่อสานต่อมรดกตกทอดอันทรงคุณค่า โดยผลงานผ้าไหมทอมือของจิม ทอมป์สัน วางจำหน่ายเฉพาะที่ร้านค้าของจิม ทอมป์สัน เท่านั้น

เพื่อฉลองความร่วมมือสุดพิเศษ จิม ทอมป์สัน จัดแสดงคอลเลกชันแฟชั่น และนิทรรศการภาพถ่ายและประวัติศาสตร์ของชุมชนบ้านครัว โดยเป็นส่วนหนึ่งของการทัวร์พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน ตั้งแต่วันนี้จนถึง 4 มกราคม 2569 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสลวดลายผ้าไหมอันเป็นเอกลักษณ์และความทุ่มเทของช่างฝีมือในชุมชนบ้านครัว

คอลเลกชัน Jim Thompson X Baan Krua วางจำหน่ายในแบบเอ็กซ์คลูซีฟแล้ววันนี้ ที่ไอคอนิก สโตร์ ณ จิม ทอมป์สัน เฮอริเทจ ควอเตอร์ ซอยเกษมสันต์ 2