‘ดีพร้อม’ ปั้นผู้ประกอบการเครื่องสำอางสู่ ‘Fashion Hero Brand’ สนับสนุน‘ปัญญา เนเชอรัล’ ยกระดับมะรุมริมรั้วสู่แบรนด์บิวตี้พรีเมียม

‘ดีพร้อม’ ปั้นผู้ประกอบการเครื่องสำอางสู่ ‘Fashion Hero Brand’ สนับสนุน‘ปัญญา เนเชอรัล’ ยกระดับมะรุมริมรั้วสู่แบรนด์บิวตี้พรีเมียม

วันอังคาร ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

หากพูดถึงธุรกิจความงาม เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจที่เดินทางข้ามกาลเวลาและเติบโตมาทุกยุคสมัย ซึ่งอุตสาหกรรมนี้ไม่เพียงยืนหยัดและเติบโตได้ท่ามกลางกระแสเศรษฐกิจที่ผันผวน แต่ยังเป็นอาวุธที่ทรงพลังของหลายๆ ประเทศที่ช่วยขับเคลื่อนทั้งการสร้างงาน การสร้างมูลค่าเพิ่ม และเป็น “ซอฟต์พาวเวอร์” ที่สะกดคนทั่วโลกด้วยศาสตร์ความงามเฉพาะตัวของแต่ละชาติ

อีกสิ่งหนึ่งที่เดินทางข้ามกาลเวลาควบคู่มากับธุรกิจความงามก็คือ “ภูมิปัญญา และศาสตร์แห่งความงามจากธรรมชาติ” ไม่ว่าจะเป็นตำรับสมุนไพรพื้นบ้าน เทคนิคบำรุงผิวแบบดั้งเดิม หรือวัตถุดิบเฉพาะถิ่น ซึ่งทั้งหมดต่างถูกยกระดับสู่ผลิตภัณฑ์และบริการที่ไม่เพียงตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ แต่ยังเป็นเครื่องมือในการสร้างพลังอำนาจทางความงาม รวมถึงประเทศไทย และมีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อมที่กำลังขับเคลื่อนสิ่งเหล่านี้อย่างเข้มข้น


 

กลยุทธ์เชิงรุกจากดีพร้อม เครื่องมือขับเคลื่อน Beauty Economy

เพื่อให้อุตสาหกรรมความงามไทยเติบโตอย่างยั่งยืนและสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม (DIPROM) ภายใต้การนำของ นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จึงได้วางแนวทางขับเคลื่อน ผ่านนโยบาย “ดีพร้อมคอมมูนิตี้ ที่นี่มีแต่ให้” ให้ทักษะใหม่ ให้เครื่องมือทันสมัย ให้โอกาสโตไกล ให้ธุรกิจไทยที่ดีคู่ชุมชน โดยมุ่งเน้นการยกระดับผู้ประกอบการตลอดห่วงโซ่อุปทาน เพื่อสร้างเศรษฐกิจยุคใหม่ ผลักดัน Beauty Economy ให้เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ไทยให้เป็นที่ยอมรับในเวทีโลก ด้วยกลยุทธ์เชิงรุก ที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการอย่างครบ

 

Fashion Hero Brand โครงการผลักดันผู้ประกอบการสู่ความสำเร็จ

หนึ่งในโครงการเด่นของดีพร้อม คือ โครงการส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าแฟชั่นจากทุนทางวัฒนธรรมไทยสู่สากล หรือ Fashion Identity ที่มีเป้าหมายพัฒนาผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงาม 100 คน ให้กลายเป็น Fashion Hero Brand โครงการนี้ไม่ได้แค่ให้ความรู้เชิงทฤษฎี แต่ยังเน้นการพัฒนาทักษะที่จำเป็นในการประกอบธุรกิจอย่างครบวงจร ผู้เข้าร่วมจะได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับการสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ที่มีรากฐานมาจากทุนทางวัฒนธรรมไทย การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ผสมผสานระหว่างภูมิปัญญาดั้งเดิมกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมถึงการวิเคราะห์ตลาดและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค และที่สำคัญคือโครงการนี้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในการพัฒนาธุรกิจ ซึ่งเป็นหนึ่งในอุปสรรคสำคัญของ SME ไทย และเมื่อภาครัฐติดอาวุธต่าง ๆ ให้ครบถ้วน ผู้ประกอบการเครื่องสำอางไทยก็พร้อมก้าวเข้าสู่สนามแข่งขันในเวทีโลกได้อย่างมั่งคง

 

ปัญญา เนเชอรัล แบรนด์บิวตี้ที่สำเร็จได้จากการใช้สมุนไพรไทย

ตัวอย่างแบรนด์เครื่องสำอางไทยที่นำสมุนไทยพื้นบ้านอย่างมะรุม พร้อมภูมิปัญญาท้องถิ่นมาผสานเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ จนกลายเป็นกุญแจสำคัญที่เปิดประตู Soft Power ไทยให้โลกได้เห็นคือ Panya Natural (ปัญญา เนเชอรัล) โดยนางสาวอรวดี มุสิกชาต ผู้จัดการทั่วไปแบรนด์ปัญญา เนเชอรัล กล่าวถึงความเป็นมาของแบรนด์ว่า ปัญญา เนเชอรัล เริ่มต้นจากการค้นพบที่น่าสนใจของ กมลรัตน์ ลาดสีทา ผู้ก่อตั้งแบรนด์และผู้บริหาร ที่เติบโตมาในครอบครัวเกษตรกรชาวอีสาน ท่ามกลางภูมิปัญญาการใช้สมุนไพรพื้นบ้านของคุณปู่คุณย่าที่เป็นหมอยา จนกระทั่งไปศึกษาที่สหรัฐอเมริกา และได้พบกับน้ำมันมะรุมขายในราคาสูงถึงหลักพันบาทต่อขวด 10 มิลลิลิตร จึงเห็นโอกาสและกลับมาเพื่อศึกษาวิจัยเกี่ยวกับมะรุมอย่างจริงจัง จนกระทั่งได้ก่อตั้งแบรนด์ปัญญาขึ้นในปี 2555

 

“สิ่งที่ทำให้ปัญญาโดดเด่น คือนวัตกรรมการพัฒนากระบวนการผลิต น้ำมันมะรุมสกัดเย็น 100% ผ่านกระบวนการกะเทาะเปลือกเมล็ด หรือ "Peeling Off Process" ที่เปลี่ยนน้ำมันจากสีเหลืองเขียวและกลิ่นเหม็นเขียวจัด ให้กลายเป็นสีเหลืองทองพร้อมกลิ่นสมุนไพรอ่อนละมุน โดยน้ำมันมะรุมของปัญญาอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระถึง 46 ชนิด พร้อมวิตามิน A, C, E ที่ครบถ้วนสำหรับผิว มีคุณสมบัติป้องกันมลภาวะ PM 2.5 ซึมซาบสู่ผิวได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ทิ้งความมัน และช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และจากความสำเร็จของผลิตภัณฑ์แรก ปัญญาได้ขยายสายผลิตภัณฑ์ครอบคลุมทุกมิติของการดูแลผิว ตั้งแต่น้ำมันมะรุมผสมทองคำ กันแดด คลีนซิ่ง บอดี้ออยล์ แป้งพัฟ ยาหม่อง ไปจนถึงอาหารเสริม ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 42 SKU โดยใช้ทุกส่วนของมะรุมให้เกิดประโยชน์สูงสุด

หากอยู่ได้แค่บริษัท แต่ว่าชุมชนหรือว่าสิ่งแวดล้อมอยู่ไม่ได้ ก็ไม่สามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืน นางสาวอรวดี กล่าวถึงปรัชญา Sustainability Business ของแบรนด์ ดังนั้น ปัญญาจึงไม่เพียงใช้วัตถุดิบธรรมชาติล้วน ๆ แต่ยังเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เป็น Eco-friendly ลดการใช้พลาสติก และสนับสนุนชุมชนผลิตถุงผ้าแทนการสั่งจากโรงงาน เพื่อใช้เป็นบรรจุภัณฑ์ให้ลูกค้า อีกทั้งได้ดำเนินโครงการ "Thai Moringa Soft Power" ที่มีเป้าหมายครอบคลุม 30 จังหวัด โดยส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกมะรุม 1 ต้น 1 ครัวเรือน สนับสนุนทั้งความรู้ เมล็ดพันธุ์ และทำสัญญารับซื้อผลผลิตกลับคืนในราคาที่เป็นธรรม”  อรวดี กล่าว

ปี 2566-2567 ปัญญาเติบโตแบบก้าวกระโดด รายได้เพิ่มจาก 27 ล้านเป็น 48 ล้านบาท และนี่คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุด เมื่อได้เข้าร่วม "โครงการ Fashion Hero Brand " ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โดยโครงการนี้ไม่ใช่แค่การมอบเกียรติบัตร แต่เป็นการพัฒนาผู้ประกอบการอย่างเป็นระบบและครบวงจร มีจัดการอบรมและถ่ายทอดความรู้จากผู้เชี่ยวชาญและอาจารย์ที่มีประสบการณ์ ช่วยชี้ให้เห็นว่า มีจุดไหนที่ต้องส่งเสริม หรือปรับปรุง ซึ่งกรมฯ ไม่เพียงให้ความรู้ในห้องเรียน แต่ยังพาผู้ประกอบการไปศึกษาดูงานโรงงานต้นแบบที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน เพื่อให้เห็นภาพจริงของการบริหารจัดการไลน์การผลิตที่มีประสิทธิภาพ การดูแลคุณภาพ และการปฏิบัติตามมาตรฐานสากล

 

“ปัญญา เนเชอรัล ได้รับคำปรึกษาแบบเจาะลึกในทุกมิติของธุรกิจ ตั้งแต่กลยุทธ์การตลาด เพื่อสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง การออกแบบบรรจุภัณฑ์ ที่ตอบโจทย์ตลาดสากล การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ให้ได้มาตรฐาน การเชื่อมโยงสถาบันวิชาการ เพื่อการวิจัยและพัฒนา โดยหนึ่งในผลลัพธ์ที่มีค่าที่สุดคือ ทำให้แบรนด์ปัญญาได้เซ็น MOU กับมหาวิทยาลัยศิลปากร เพื่อช่วยการตรวจวิเคราะห์สารสำคัญและสารปนเปื้อน ซึ่งปกติค่าใช้จ่ายในสถาบันเอกชนสูงมาก และยังร่วมการทำวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ พร้อมทีมงานช่วยประเมินคาร์บอนเครดิต เพื่อตอบโจทย์ตลาดสากล”  อรวดี กล่าว

อรวดี มุสิกชาต

 

หลังสถานการณ์โควิด-19 เทรนด์ต่าง ๆ ล้วนกลับคืนมาสู่ความเรียบง่าย คนเริ่มหันมาดูแลสุขภาพตัวเองโดยการที่ไม่ใช้สารเคมี การดูแลผิวก็เช่นกัน  ทุกคนต้องการผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติ สิ่งนี่คือ Clean Beauty ซึ่งทำให้แบรนด์มีโอกาสในตลาดเครื่องสำอางโลกเพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของปัญญาจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ 90% ออฟไลน์ 10% และกำลังขยายไปยังสปาและโรงแรมชั้นนำ อีกทั้ง ยังมีแผนการขยายตลาดสู่ต่างประเทศ โดยตั้งเป้า 3 ทวีปหลัก ได้แก่ เอเชีย โดยเฉพาะญี่ปุ่น ซึ่งกำลังพยายามปลูกมะรุมเอง แสดงถึงความต้องการในตลาดที่สูง ยุโรป โดยเฉพาะออสเตรีย ซึ่งเป็น "ประตู" สู่ยุโรป ที่มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ และตะวันออกกลาง ดูไบ โอมาน ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งคนในพื้นที่รู้จักมะรุม หรือ "Miracle Tree" อยู่แล้ว และต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง

“ต้นมะรุมจากที่เคยเป็นเพียงพืชธรรมดาริมรั้วบ้าน กลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่า เป็นที่ต้องการของตลาดโลกได้ สิ่งที่ปัญญา เนเชอรัล กำลังทำคือการพิสูจน์ว่าสมุนไพรไทยและภูมิปัญญาการดูแลผิวของคนไทยสามารถเป็น Soft Power ที่แท้จริงได้ และภูมิปัญหาของไทยก็มีโอกาสไปโตที่ต่างประเทศ แต่เราก็ต้องพยายามสร้างผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพ ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลด้วยเช่นกัน”  อรวดี กล่าว

อนาคตของอุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงามไทยมีเส้นทางที่สดใส เมื่อไทยไม่ได้ขายเพียงเครื่องสำอางแต่ขายคุณค่า วัฒนธรรม และความยั่งยืนที่ผู้คนทั่วโลกกำลังมองหา ความงามแบบของไทยก็จะเปล่งประกายต้องตา จับใจผู้คนไปทั่วโลก

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top