วันพฤหัสบดี ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
บรรยากาศในห้องเรียนประกอบอาหารของนักศึกษาคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ดูคึกคักกว่าปกติ เมื่อผู้สอนที่มาปรากฏตัวหน้าชั้นเรียนเป็นเชฟชื่อดังระดับประเทศ นักศึกษาทุกคนต่างตั้งใจฟังและลงมือทำตามที่เชฟสอนด้วยตาเป็นประกาย
เรียนรู้งานบริการผ่านเมนูขนมจากเชฟมืออาชีพ
ไม่เพียงแค่กลิ่นขนมที่หอมอบอวล แต่บรรยากาศในห้องเรียนยังอบอวลไปด้วยความตั้งใจและแรงบันดาลใจของเด็ก ๆ เพราะวันนี้พวกเขาได้เรียนรู้การทำขนมจาก “เชฟเต้ – จักรพรรดิ์ พจน์ชัยกุล” เชฟขนมชื่อดังที่ชนะการแข่งขันในเวทีระดับประเทศ และเป็นหนึ่งในเชฟที่ไม่เคยหยุดการพัฒนา
“ผมไม่ได้มาสอนให้นักศึกษาทำขนมเป็นอย่างเดียว แต่อยากให้น้องๆ เข้าใจว่าขนม คือ ส่วนหนึ่งของงานบริการที่ต้องมีความใส่ใจ เมนูที่นำมาสอนวันนี้ คือ ชูครีมและเครมบรูเล ซึ่งเป็นเมนูที่ไม่ซับซ้อนแต่มีเทคนิคและความละเอียดอ่อน เพื่อให้น้องๆ ได้รับความรู้และความสนุกจากการทำขนม เป็นการจุดประกายความสนใจให้แก่นักศึกษาคณะการท่องเที่ยวฯ ที่แม้ไม่ใช่นักศึกษาที่เรียนด้านเชฟโดยตรง แต่ก็ต้องมีความเข้าใจในส่วนงานครัว ซึ่งความรู้ด้านขนมที่เป็นศาสตร์สากล จะช่วยเสริมทักษะให้กับนักศึกษาการโรงแรม สามารถต่อยอดในงานอีเวนต์ หรืองานจัดเลี้ยงต่าง ๆ ได้”
เชฟเต้ – จักรพรรดิ์ พจน์ชัยกุล
นอกจากนี้ การทำขนมในครัวยังได้เรียนรู้เรื่องการบริหารจัดการปริมาณงาน การจัดลำดับ และการทำงานเป็นทีมเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุด” เชฟเต้กล่าวและเสริมว่า นอกเหนือจากสอนเทคนิคทำขนม สิ่งที่สอดแทรกในชั้นเรียน คือ แนวคิด Chef to Business คือ การเป็นเชฟที่เข้าใจทั้งงานครัว การตลาด การรู้จักเทรนด์ของผู้บริโภค การบริหารเวลา และสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตลาดได้ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นประโยชน์ในการประกอบอาชีพของนักศึกษาในอนาคต
“เชฟยุคนี้ไม่ได้แค่ทำขนมให้อร่อย แต่ต้องคิดได้เหมือนนักธุรกิจด้วย เพราะสุดท้าย อาชีพเชฟก็คือ ธุรกิจที่ต้องสร้างคุณค่าและรายได้ ซึ่งนักศึกษาควรมีมุมมองในเรื่องนี้ด้วย อาชีพนี้รายได้เริ่มต้นอาจไม่ได้สูง แต่หากฝึกฝนจนมีชื่อเสียง รายได้ก็จะมากขึ้นและมีความมั่นคง สิ่งสำคัญ คือ ‘ความมุ่งมั่น’ กับ ‘ใจที่ไม่ยอมแพ้’ เพราะแค่ความรักในอาชีพไม่พอ ต้องมีความมุ่งมั่น มีวินัย และลงมือทำให้มากพอ อย่าทำครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไม่เช่นนั้น ‘ปีศาจท้อ’ จะกัดกินความฝันจนหมด ซึ่งเด็กรุ่นใหม่โชคดีที่มีเทคโนโลยีและช่องทางเรียนรู้ที่ไม่จำกัด ดังนั้น หากอยากเก่งเร็วต้องไม่หยุดที่จะลงมือทำ ในวงการอาหารมีการแข่งขันสูงแต่เต็มไปด้วยโอกาส สิ่งนี้จะเป็นแรงผลักดันที่ดีให้ทุกคนพัฒนาศักยภาพของตัวเอง” เชฟเต้กล่าวทิ้งท้าย
สร้าง “เป็ดพรีเมี่ยม” รู้รอบด้าน ทำงานได้หลากหลาย
ดร. ยุวรี โชคสวนทรัพย์ คณบดีคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม DPU กล่าวถึงวัตถุประสงค์ที่เชิญเชฟมืออาชีพมาสอนนักศึกษาในหลักสูตรการโรงแรมและธุรกิจอาหารว่า คณะฯ ไม่ได้มีเป้าหมายให้นักศึกษากลายเป็นเชฟเต็มตัว แต่ต้องการให้ “เข้าใจ” งานบริการในภาพรวมมากขึ้น รู้ว่าขนมแต่ละชนิดมีที่มา รสชาติ การจัดเก็บ และวิธีนำเสนออย่างไร เพื่อสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในงานโรงแรมได้จริง ไม่ว่าจะอยู่ในส่วนของแผนกต้อนรับส่วนหน้า (Front Office) ฝ่ายขาย หรือแผนกจัดเลี้ยง เพราะปัจจุบันโรงแรมต่างๆ มักมีร้านเบเกอรี่จำหน่ายอยู่ในโรงแรม เมื่อมีคำถามจากแขกที่มาพักต้องสามารถให้คำแนะนำได้อย่างถูกต้องเหมาะสม หรือนักศึกษาจะนำความรู้ไปต่อยอดเป็นเจ้าของกิจการร้านขนมเองก็สามารถทำได้

ดร. ยุวรี โชคสวนทรัพย์ คณบดีคณะการท่องเที่ยวและการโรงแรม DPU
“หลักสูตรการโรงแรมและธุรกิจอาหารของ DPU มีแนวคิดที่จะผลิตบัณฑิตให้เป็น ‘เป็ดพรีเมียม’ นั่นคือนักศึกษาได้เรียนรู้หลากหลายด้าน ทำงานได้หลายอย่าง และพร้อมตอบสนองความต้องการของแขกหรือลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการได้อย่างมืออาชีพ เราสอนให้นักศึกษาเป็นคนที่เข้าใจทุกส่วนงานของโรงแรม แม้ไม่ได้ลงมือทำทุกอย่างเอง แต่ต้องรู้ว่ากระบวนการเหล่านั้นเป็นอย่างไร เพื่อเสริมความเข้าใจและเพิ่มศักยภาพในการประกอบอาชีพในอนาคตให้แก่นักศึกษาของเรา” ดร. ยุวรีกล่าว
คณบดีคณะการท่องเที่ยวฯ กล่าวอีกว่า เชฟที่เชิญมาสอนแต่ละครั้ง ทางคณะฯ คัดเลือกอย่างพิถีพิถัน เน้นผู้ที่อยู่ในสายอาชีพจริงและมีชื่อเสียงในวงการ เพราะนอกจากจะมาสอนเทคนิคการทำขนมแล้ว ยังมาแบ่งปันประสบการณ์ชีวิต เส้นทางอาชีพ และแรงบันดาลใจ กระตุ้นให้นักศึกษาอยากเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของตนเอง สำหรับความรู้เรื่องอาหารและขนมอบ คือ อีกหนึ่งประตูสำคัญที่เชื่อมโยงไปสู่งานบริการในโรงแรมและการเป็นผู้ประกอบการได้ อีกทั้งอาหารหรือขนมที่ถูกรังสรรค์และจัดวางอย่างพิถีพิถัน ล้วนสะท้อนหัวใจของ Hospitality หรือ งานบริการที่มาจากความเข้าใจและความใส่ใจ
สัมผัสโลกการทำงานจริงด้วยประสบการณ์ตรง
อาจารย์ชงค์สุดา โตท่าโรง หัวหน้าหลักสูตรการโรงแรมและธุรกิจอาหาร DPU ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการจัดโครงการและกิจกรรมเพื่อให้นักศึกษาได้สัมผัสประสบการณ์จริง กล่าวว่า หลักสูตรการโรงแรมและธุรกิจอาหารของ DPU ต้องการให้นักศึกษาเรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์จริงมากกว่าแค่ในห้องเรียน แนวทางการเรียนการสอนจึงเน้น “ประสบการณ์ตรง” ซึ่งถือเป็นหัวใจของหลักสูตร โดยกว่า ร้อยละ 80 ของรายวิชาจะพานักศึกษาออกไปดูงานจริง ทั้งโรงแรมระดับนานาชาติ โรงงานผลิตอาหาร ไปจนถึงฟาร์มออร์แกนิก เพื่อให้เข้าใจวงจรอุตสาหกรรมบริการอย่างครบมิติ และครอบคลุมรอบด้านที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมนี้ อีกทั้งยังมีการเรียนกับเชฟมืออาชีพระดับประเทศ เช่น เชฟเต้–จักรพรรดิ์ พจน์ชัยกุล และ เชฟโอ๋–ญาณัช มะอาจเลิศ อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญอาหารไทย ที่มาถ่ายทอดเทคนิคเฉพาะทางเพื่อปลุกศักยภาพและสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักศึกษา จากการได้สัมผัสโลกการทำงานจริงอย่างใกล้ชิดกับเชฟมืออาชีพ

อาจารย์ชงค์สุดา โตท่าโรง หัวหน้าหลักสูตรการโรงแรมและธุรกิจอาหาร DPU
“เราอยากให้เด็ก ๆ เป็นมากกว่าผู้ให้บริการ แต่เป็นคนที่เข้าใจระบบทั้งหมดของงานด้านการโรงแรมและธุรกิจอาหาร สามารถต่อยอดไปเป็นผู้ประกอบการได้ในอนาคต” อาจารย์ชงค์สุดาย้ำเป้าหมายสำคัญของหลักสูตร
ปิดท้ายกับ น้องบีม - ภัทรดา แก้วผ่อง นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาการโรงแรมและธุรกิจอาหาร DPU เจ้าของมงกุฎ Miss Wheelchair Thailand 2025 กล่าวว่า การได้เรียนที่ DPU ทำให้มั่นใจมากขึ้นว่าผู้พิการสามารถเติบโตในสายงานโรงแรมได้ ซึ่งหลักสูตรที่เรียนไม่เพียงได้เรียนรู้ภาคทฤษฎีเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ฝึกปฏิบัติจริงกับเชฟมืออาชีพ ได้เรียนรู้เทคนิคที่ละเอียดอ่อนต่าง ๆ อีกทั้งยังมีการเรียนรู้นอกสถานที่ทั้งโรงแรมและธุรกิจอาหารชั้นนำ ทำให้เข้าใจระบบงานจริงตั้งแต่การต้อนรับจนถึงการจัดการงานครัว แม้จะต้องใช้วีลแชร์ในการเรียน แต่บีมบอกว่าไม่เคยรู้สึกเป็นอุปสรรค เพราะสิ่งแวดล้อมของ DPU ออกแบบให้ผู้เรียนทุกคนสามารถเข้าถึงและลงมือทำได้เต็มที่ เธอตั้งใจจะนำประสบการณ์เหล่านี้ไปใช้ประกอบอาชีพด้านโรงแรม พร้อมกับต่อยอดธุรกิจร้านกาแฟเล็ก ๆ ของครอบครัวต่อไป
น้องบีม - ภัทรดา แก้วผ่อง นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาการโรงแรมและธุรกิจอาหาร DPU เจ้าของมงกุฎ Miss Wheelchair Thailand 2025
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี