วันอาทิตย์ ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ผู้หญิง
โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในสุนัขและแมว (Lymphoma)

โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในสุนัขและแมว (Lymphoma)

วันอาทิตย์ ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2557, 06.00 น.
Tag :
  •  

โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง หรือ “Lymphoma” “ Lymphosarcoma” หรือ “Non-Hodgkin’s Lymphoma” นั้นเป็นโรคมะเร็งชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นบ่อยในสุนัขและแมว นอกจากนี้ยังพบได้ในสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นรวมทั้งคนด้วย 

โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในสุนัข มักเริ่มแสดงอาการบวมที่ต่อมน้ำเหลือง ซึ่งตำแหน่งที่พบจุดแรกคือ ต่อมน้ำเหลืองบริเวณกรามล่าง  และอาจลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองบริเวณ หน้าอก ช่องท้อง และไขกระดูก หรืออาจลุกลามไปยังในตำแหน่งอื่นๆ เลย ได้แก่ที่ผิวหนัง หรือ ดวงตา เป็นต้น 


สำหรับในแมวนั้น มักพบในช่องท้อง ช่องอก และต่อมน้ำเหลืองทั่วร่างกาย  มีรายงานในแมวที่กล่าวถึง ความสัมพันธ์ของการติดเชื้อ Retrovirus ที่ก่อโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (Feline leukemia; FeLV) และโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (Feline immunodeficiency disease; FIV)  สำหรับเชื้อไวรัสที่ก่อโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในสุนัข ยังไม่มีการระบุแน่ชัดเท่าใดนัก

การวินิจฉัยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ทำได้อย่างไร

การวินิจฉัยโรค มักขึ้นกับรูปแบบและตำแหน่งของเนื้องอกที่อยู่ภายในแต่ละอวัยวะ ตัวอย่างเช่น ในกรณีที่สัตว์ป่วย พบการบวมโตของต่อมน้ำเหลืองทั่วร่างกาย สัตวแพทย์ให้การวินิจฉัย มักจะทำการเจาะดูดเซลล์จากก้อนเนื้อ (Fine needle aspirate; FNA) จะสามารถวินิจฉัยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ในระยะเริ่มต้นได้ ส่วนในแมวที่พบการเกิดโรคบริเวณต่อมไทมัสในช่องอก ก็อาจต้องใช้การตรวจด้วยเครื่องอัลตราซาวน์ ร่วมกับการเจาะดูดเซลล์จากก้อนเนื้อเยื่อเพื่อวินิจฉัยโรค

ในขั้นตอนต่อไป อาจใช้ การตัดชิ้นเนื้อบางส่วน (biopsy) การย้อมเซลล์ด้วยแอนติบอดีที่จำเพาะ หรือ การตรวจหาสารพันธุกรรมของเซลล์มะเร็งต่อมน้ำเหลือง โดยวิธี Polymerase chain reaction (PCR) เพื่อให้การวินิจฉัยที่ถูกต้อง และแยกชนิดของเซลล์มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ชนิด T-cell หรือ B-cell ซึ่งจะมีผลต่อการวางแผนการรักษาโรคและการพยากรณ์โรคต่อไปได้ครับ

การแบ่งระยะของโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง

การแบ่งระยะนี้ จะเริ่มต้นที่การตรวจต่อมน้ำเหลืองทั่วร่างกาย การตรวจค่าความสมบูรณ์ของเลือด การตรวจค่าการทำงานของตับและไต การตรวจปัสสาวะ การถ่ายภาพเอ็กซเรย์ช่องอกและช่องท้อง การตรวจด้วยเครื่องอัลตราซาวน์ ร่วมกับการตรวจไขกระดูก ซึ่งอาจต้องใช้หลายวิธีร่วมกัน จึงจะช่วยบอกสภาพร่างกายของสัตว์เลื้ยงและการวางแผนการรักษาได้ดีขึ้น

ระยะของโรค (Stage of Disease) สามารถแบ่งเป็น 5 ระยะ คือ

ระยะที่ 1  พบการขยายขนาดของต่อมน้ำเหลืองเพียงต่อมเดียว

ระยะที่ 2  พบการขยายขนาดของต่อมน้ำเหลืองหลายต่อม แต่จำกัดบริเวณส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย

ระยะที่ 3  พบการขยายขนาดของต่อมน้ำเหลืองทั่วร่างกาย

ระยะที่ 4  มีการลุกลามของมะเร็งไปยังม้ามและตับ

ระยะที่ 5  มีการกระจายของโรคตามที่กล่าวมาร่วมกับตรวจพบในไขกระดูก

นอกจากนี้ยังแบ่งย่อยตามอาการที่สัตว์ป่วยแสดงออก เช่น การอาเจียน การท้องเสีย หรือการมีน้ำในช่องอกร่วมด้วย

โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองรักษาได้หรือไม่

การักษาที่นิยมกระทำคือ การให้เคมีบำบัด ซึ่งยาต้านมะเร็งมีทั้งในรูปแบบการฉีดเข้าเส้นเลือดดำ การฉีดเข้าใต้ผิวหนัง หรือรูปแบบยากิน  ซึ่งต้องอยู่ในความดูแลของสัตวแพทย์ อย่างเคร่งครัด

สัตว์เลี้ยงที่ได้รับเคมีบำบัด มักพบอาการ อาเจียน ท้องเสีย ร่วมกับการติดเชื้อแทรกซ้อน แต่สิ่งที่สัตวแพทย์ต้องคำนึงถึงในการให้การรักษาคือ การปรับปรุงคุณภาพชิวิตที่ดีขึ้นของสัตว์ป่วย ดังนั้นในบางครั้งจะใช้รูปแบบการรักษาเพื่อการพยุงอาการ โดยการให้ยาในระดับต่ำ เพื่อลดผลข้างเคียงของยาที่อาจเกิดขึ้น และส่งผลต่อชีวิตของสัตว์ป่วยด้วยครับ

การพยากรณ์โรค (หรือการประเมินผลการรักษา) มะเร็งต่อมน้ำเหลือง

โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองอาจรักษาได้ แต่ในบางครั้งที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดจากโรคได้ ซึ่งในกรณีหลังนั้น เป้าหมายสำคัญของการรักษาคือ ให้การรักษาที่หยุดยั้งการแพร่กระจายหรือป้องกันการเกิดโรคใหม่ (Remission) ซึ่งเราจะทราบกันแล้วว่าเซลล์มะเร็งเซลล์สุดท้ายไม่สามารถกำจัดให้หมดไปจากร่างกายได้ แต่ถ้าสามารถควบคุมเซลล์มะเร็งได้ การเกิดโรคใหม่จะใช้เวลานานมากขึ้น ซึ่งหมายถึงสุขภาพและคุณภาพชีวิตของสัตว์ป่วยจะดีขึ้น

ในบางครั้งในระหว่างการรักษา เซลล์มะเร็งก็เกิดภาวะดื้อยาได้เช่นเดียวกัน มีข้อมูลที่รายงานถึงการมีชีวิตรอดของสุนัขป่วย เช่น ในกรณีที่ไม่ให้การรักษาใดๆ  มักมีช่วงอายุประมาณ 30-60 วัน ให้การรักษาด้วยากลุ่มสเตียร์รอยด์ มีชีวิตรอดประมาณ 60-90 วัน ถ้าให้การรักษาด้วยเคมีบำบัด จะมีค่าครึ่งชิวิตรอดประมาณ 6-12 เดือน สำหรับในแมว พบว่าในบางกรณีสามารถรักษาให้หายขาด หรือมีชีวิตรอดนานมากกว่า 12 เดือน ดังนั้นการป้องกัน หรือการตรวจพบโรคในระยะเริ่มต้น น่าจะเป็นสิ่งที่ควรกระทำโดยการปรึกษาสัตวแพทย์นะครับ

ฝ่ายประชาสัมพันธ์และเสริมสร้างภาพลักษณ์องค์กร คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

'ดิเรกฤทธิ์'ปลุกพลังคนไทย! สร้างประชาธิปไตยสุจริต-ความยุติธรรมสีขาว

(คลิป) แนวหน้าTAlk : ปัญหาชายแดนใต้ ผ่านมุมมอง 'พลเอก อกนิษฐ์'

สุดสลด!! รอง ผกก.สภ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ขับกระบะตราโล่พลิกคว่ำเสียชีวิต คาดฝนตกถนนลื่น

ศอ.บต.เดินหน้าเยียวยา จนท.ตำรวจ จากเหตุระเบิด

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved