วันอังคาร ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ผู้หญิง
สัญญาณเตือน ‘โรคไหลตาย’ คนใจสั่น-เจ็บหน้าอก ป้องกันด่วนก่อนหลับไม่ตื่น

สัญญาณเตือน ‘โรคไหลตาย’ คนใจสั่น-เจ็บหน้าอก ป้องกันด่วนก่อนหลับไม่ตื่น

วันจันทร์ ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.
Tag : ใจสั่น-เจ็บหน้าอก ไหลตาย
  •  

หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมคนที่ดูแข็งแรงและใช้ชีวิตปกติ กลับจากเราไปอย่างกะทันหันจากการนอนหลับไปเฉย ๆ จนเกิดความกังวลใจว่าอาจเกี่ยวข้องกับโรคร้ายชนิดใหม่ แต่แท้จริงแล้วภาวะดังกล่าวอาจเกิดจาก “โรคไหลตาย” ภัยเงียบที่ส่งผลกระทบต่อการเต้นของหัวใจ และคร่าชีวิตผู้คนในขณะหลับโดยแทบไม่แสดงสัญญาณเตือนล่วงหน้า ทำให้คนส่วนใหญ่พลาดโอกาสในการป้องกันเพราะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วตนเองคือกลุ่มเสี่ยง เพื่อคลายความกังวลต่อภัยร้ายนี้

พญ. ฐานิกา วุทธชูศิลป์ อายุรแพทย์ผู้ชำนาญการโรคหัวใจ ศูนย์หัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลวิมุต  เผยข้อมูลโรคไหลตาย พร้อมแนะนำวิธีดูแลตัวเองเพื่อป้องกันความเสี่ยงได้อย่างง่ายและทำได้จริง


รู้จัก “โรคไหลตาย” ภัยเงียบทางพันธุกรรม

โรคไหลตาย (Sudden Unexplained Nocturnal Death Syndrome: SUNDS) เป็นโรคทางพันธุกรรมชนิดหนึ่งที่ส่งผลให้หัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง จนเลือดไม่สามารถไหลเวียนไปเลี้ยงร่างกายและสมองได้ทันท่วงที ทำให้หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลันและเสียชีวิต โดยโรคนี้มักเกิดขึ้นในขณะนอนหลับ เพราะเป็นช่วงเวลาที่หัวใจเต้นช้าลงตามธรรมชาติ ส่งผลให้การนำเกลือแร่และโซเดียมในเซลล์หัวใจทำงานผิดปกติ จึงไปกระ ตุ้นให้หัวใจห้องล่างซ้ายเต้นผิดจังหวะและหยุดเต้นไปในที่สุด

เช็กลิสต์กลุ่มเสี่ยง พักผ่อนไม่พอ” ต้องระวัง

โรคไหลตายมักเกิดในผู้ที่มีพันธุกรรมผิดปกติที่กระทบการเต้นของหัวใจ และพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง โดยเฉพาะในช่วงวัยทำงานอายุ 20-50 ปี รวมถึงผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเสียชีวิตจากความผิดปกติของหัวใจตั้งแต่อายุน้อย
พญ.ฐานิกา อธิบายเพิ่มเติมว่า “พฤติกรรมบางอย่างก็อาจเป็นปัจจัยกระตุ้นได้ เช่น การทำงานหนัก พักผ่อนไม่เพียงพอ มีไข้สูง ดื่มแอลก อฮอล์ปริมาณมาก ขาดวิตามินบี 1 อย่างรุนแรง รวมถึงการกินอาหารจำพวกแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตปริมาณมาก เช่น ข้าวเหนียว ขนมปัง โดยไม่กินผักและผลไม้ ทำให้ร่างกายขาดโพแทสเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญในการควบคุมจังหวะหัวใจ อีกทั้ง ยังเกี่ยวกับการใช้ยาบางชนิด เช่น ยานอนหลับ ยาต้านเศร้า หรือยาสำหรับรักษาโรคหัวใจบางตัวก็อาจเป็นตัวกระตุ้นได้”

ระวัง !! ใจสั่น-เป็นลม หน้ามืด-นอนแล้วหายใจเฮือก

ความน่ากลัวของโรคไหลตาย คือมักไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า แต่ในบางรายอาจมีสัญญาณเตือนที่เราอาจมองข้ามไป เช่น ใจสั่นผิดปกติ เป็นลม หน้ามืด เวียนศีรษะหลังออกกำลังกาย หรือนอนหลับแล้วหายใจเฮือกคล้ายขาดอากาศ ซึ่งถ้าสังเกตเห็นอาการเหล่านี้ยังป้องกันได้ ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงก่อนจะสายเกินไป

หมดสติ-ปลุกไม่ตื่น เสี่ยงไหลตาย ต้องช่วยเหลือทันที

หากคนใกล้ตัวเกิดอาการวูบ หมดสติโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือนอนหลับแล้วปลุกไม่ตื่น อาจเป็นอาการของภาวะหัวใจหยุดเต้นที่นำไปสู่การใหลตาย ให้รีบช่วยเหลือโดยด่วน โดยโทร.แจ้งสายด่วน 1669 ทันที ระหว่างรอรถพยาบาลให้จัดผู้ป่วยนอนราบและเช็กการหายใจ หากพบว่าหยุดหายใจต้องรีบทำ CPR ด้วยการกดหน้าอกอย่างต่อเนื่องในจังหวะ 100 ครั้งต่อนาที จนกว่าบุคลากรทางการแพทย์จะมาถึง หรือผู้ป่วยได้ สติขึ้นมา

ป้องกัน ‘โรคใหลตาย’ เริ่มต้นที่การตรวจคัดกรอง

พญ.ฐานิกา อธิบายว่า "โรคใหลตายแม้จะเกิดขึ้นเฉียบพลันแต่ก็สามารถตรวจพบล่วงหน้าได้ โดยคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อโรคใหลตาย แนะ นำให้เข้ามาตรวจหัวใจ ซึ่งวิธีตรวจมีหลายแบบ อาทิ การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) เพื่อดูความผิดปกติของสัญญาณไฟฟ้า การตรวจสมร รถภาพหัวใจขณะวิ่งบนสายพาน (Exercise Stress Test) เพื่อดูการทำงานของหัวใจขณะออกแรง และการอัลตราซาวด์หัวใจ (Echocardiogram) เพื่อเช็กโครงสร้างหัวใจอย่างละเอียด หากพบว่าเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูงอาจต้องฝังเครื่องกระตุกหัวใจอัตโนมัติ (ICD) เพื่อปรับจังหวะการเต้นหัวใจเมื่อมีการเต้นผิดปกติ"

“แม้โรคนี้อาจสร้างความกังวลใจให้ใครหลายคน แต่เราก็ป้องกันได้ด้วยการหันมาดูแลตัวเอง หมั่นตรวจเช็กสุขภาพร่างกายและหัวใจเป็นประ จำ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ควรพักผ่อนให้เพียงพอ และให้ความสำคัญกับอาหารการกิน เน้นทานผักและผลไม้ควบคู่ไปกับมื้อแป้ง เพื่อช่วยรักษาสมดุลเกลือแร่ที่มีผลต่อจังหวะการเต้นของหัวใจ เพียงเท่านี้ก็ช่วยลดความเสี่ยงไปได้มาก จะได้เข้านอนได้อย่างสบายใจทุกคืน” พญ. ฐานิกา  กล่าวทิ้งท้าย

ผู้ที่มีข้อสงสัย สามารถขอรับคำปรึกษาแพทย์โรงพยาบาลวิมุต โดยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและนัดหมายแพทย์ได้ที่ศูนย์หัวใจและหลอดเลือด ชั้น 6 โรงพยาบาลวิมุต เวลาทำการ 08:00 – 17:00 น. โทร. 02-079-0042 หรือดาวน์โหลด ViMUT Application เพื่อนัดหมายแพทย์ หรือใช้บริการปรึกษาหมอออนไลน์

 

พญ.ฐานิกา วุทธชูศิลป์
พญ.ฐานิกา วุทธชูศิลป์

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

ผิดตั้งแต่เริ่ม! แบนเนอร์ 'สุริยะ' ลั่น 'ใส่ใจ' งาน แต่แค่เพิ่งอ้าปากก็ตกไม้เอก

'พาณิชย์'เผยสู้รบไทย-กัมพูชา กระทบการค้าชายแดนระยะสั้น เชื่อผ่านวิกฤตไปได้

'หมอสุภัทร'ลาออก จ่อสมัคร สส.สงขลา พรรคประชาชน

ครม.เคาะงบกห. 2.4 พันล้าน สู้ศึกชายแดน

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved