Life&Health : เตรียมรับปี 2569 ยุค AI Transformation

Life&Health : เตรียมรับปี 2569 ยุค AI Transformation

วันพุธ ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.
Tag :

ในปี 2568 เป็นปีที่มีการพูดถึงการลงทุนและการใช้เอไอ (AI) ทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในเรื่องของการลงทุนของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่หลายค่าย เช่น GitHub Copilot ได้รับการระดมทุนจาก Microsoft ไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี เฉพาะปี 2568 ประกาศลงทุนเพิ่มเติมอีก 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ข้อมูลจาก ผศ. ดร. รุ่งโรจน์ โชคงามวงศ์​ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท เรียล สมาร์ท จำกัด (มหาชน) บริษัทด้านเอไอ ดาต้า เทคโนโลยี เปิดเผยว่า ChatGPT พบว่ามีเม็ดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี ส่วน Gemini มีเงินลงทุนในการพัฒนาเอไอต่อปี 13,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปี ในขณะที่ราคาหุ้นของบริษัทเทคโนโลยี ก็ปรับตัวสูงขึ้น จนมีการวิเคราะห์ว่าเกิดฟองสบู่ในธุรกิจเอไอ


ถ้ามองในเรื่องของการลงทุนและราคาหุ้นของธุรกิจเทคโนโลยีและเอไอ อาจจะมองได้ว่าเป็นฟองสบู่  เพราะการลงทุนจำนวนมากแต่มูลค่าผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของเอไอ ยังไม่ชัดเจน

แต่ในความเป็นจริง ปัจจุบันนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการนำเอไอมาใช้อย่างจริงจัง โดยเฉพาะในปี 2569 ผมมองว่าเป็นปีที่ เอไอ จะมาเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำธุรกิจของทุกภาคธุรกิจ หรือ เรียกว่า AI Transform ธุรกิจ หลังจากที่เราทุกคนได้เรียนรู้และรู้จักเอไอในช่วงที่ผ่านมา

ผศ.ดร.รุ่งโรจน์ ในฐานะผู้พัฒนาเทคโนโลยีในบริษัทด้านเอไอดาต้าเทคโนโลยีในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา กล่าวว่า  ปี 2569 เป็นปีของการนำเอไอมาใช้ในการเปลี่ยนผ่านกระบวนการทำงานในโลกธุรกิจแบบที่ใช้งานได้จริง และมีส่วนสำคัญในการช่วยภาคธุรกิจลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และสร้างกำไร ที่เห็นได้ชัด ถ้าภาคธุรกิจเลือกที่จะใช้เทคโนโลยีเอไอที่เหมาะสมกับความต้องการใช้งานของตัวเอง

จากรายงานล่าสุดของ สตาติสต้า (Statista) แพลตฟอร์มด้านข้อมูลและธุรกิจอัจฉริยะสัญชาติเยอรมัน ระบุว่า ขนาดตลาดของเอไอ ในปี 2567-2573 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 28.46% ต่อปี และ คาดว่าจะมีมูลค่าแตะ 826,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2573

ในขณะที่ แมคเคนซี่ แอนด์ คอมพานี (McKinsey & Company) บริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการระดับโลกสัญชาติอเมริกัน ได้เผยแพร่ผลสำรวจเกี่ยวกับการนำเอไอไปใช้ในภาคธุรกิจตลอด 12 เดือนเมื่อเดือนกรกฎาคม 2568 พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่จำนวน 419 บริษัท ระบุว่า มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการนำ เอไอ มาช่วยในกระบวนการทำงานเพิ่มขึ้นในสัดส่วน 5-10% ทั้งในภาคการตลาด การเงิน การผลิต ห่วงโซ่อุปทาน งานบริการ ไปจนถึงงานด้านไอที และ วิศวกรรม

จากผลการศึกษาดังกล่าว เอไอ เป็นเครื่องมือที่สามารถนำมาใช้งานได้จริง เพื่อลดต้นทุนการผลิต สร้างรายได้ ให้กับผู้ประกอบธุรกิจได้ถ้าผู้ประกอบการรู้จักที่จะเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมกับธุรกิจของตัวเอง ตัวอย่างลูกค้าของ เรียล สมาร์ท เราออกแบบแพลตฟอร์ม ที่ตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้า เราเข้าไปช่วยพัฒนาระบบที่สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า ทำให้ช่วยลูกค้าลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้

ถ้าเลือกใช้เอไอ เหมาะกับธุรกิจของเรา เอไอก็จะเป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง ในการปฏิวัติภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดต้นทุน เพิ่มรายได้ และ กำไรให้กับองค์กร  เป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศได้ ในด้านเทคโนโลยีแล้ว ผมเชื่อว่า ปี 2569 เป็นปีที่เอไอ จะเป็นตัวปฏิวัติการทำงานของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม อย่างเข้มข้นแบบที่ใช้งานได้จริง และเป็นพื้นฐานในการเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจโลกไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล เอไอ อย่างชัดเจน

การนำเทคโนโลยีเอไอมาใช้จะกระทบกับการจ้างงานในประเทศไทยไหม

ผศ.ดร.รุ่งโรจน์ กล่าวว่า ผมมองว่าเอไอ เป็นเครื่องมือเข้ามาช่วยในการทำงานมากกว่าที่จะมาแทนคน งานหลายอย่างที่เป็นงานทำซ้ำ งานประจำ งานที่ไม่ต้องใช้การคิดวิเคราะห์ และ งานที่เป็นงานสำนักงานแบบเดิมๆ เอไอ เข้ามาช่วยได้ ส่วนคนที่เคยทำงานซ้ำๆ ที่เอไอเข้ามาทำงานแทน ก็สามารถที่จะพัฒนาศักยภาพตัวเอง ไปทำงานที่เอไอทำไม่ได้ อาทิ งานด้านการวิเคราะห์ข้อมูล งานที่ไปควบคุมการทำงานของเอไอ งาน AI Specialist, Data Engineer, Prompt Engineer, Cyber Security, Customer Experience Analyst, Digital Workforce Manager, และ AI Ethics Officer เป็นต้น

จากข้อมูลของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ระบุว่า ประเทศไทยปัจจุบันขาดแคลนบุคลากรด้านเอไอมากกว่า 80,000 คน ขณะที่คนที่จบด้านเอไอ กลับไม่ได้ทำงานในด้านไอที ในขณะที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ระบุว่า สถาบันการศึกษาในปัจจุบันสามารถผลิตบุคลากรในด้านนี้ได้เพียง 500 คนต่อปี 

จากความต้องการบุคลากรด้านเอไอ จำนวนมาก จึงเป็นโอกาสของภาคแรงงานที่ต้องพัฒนาศักยภาพของตัวเอง ในการทำงานร่วมกับเอไอ ไปจนถึงพัฒนาไปสู่การเป็นผู้พัฒนาเอไอ จึงเป็นโอกาสสำหรับคนไทย ในการที่จะเรียนรู้และทำงานร่วมกับเอไอ เพราะต้องยอมรับว่า นาทีนี้ เอไอ เข้ามามีบทบาทในการทำงานแน่ๆ โดยเฉพาะในปี 2569 จึงเป็นปีที่จะเกิดการปรับโครงสร้างกระบวนการทำงานครั้งใหญ่ที่มีเอไอเข้ามามีส่วนในการทำงานที่ชัดเจนขึ้น หลังจากที่ได้เรียนรู้เรื่องเอไอ และมีพัฒนาเครื่องมือด้านเอไอ กันมาในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

ขอเชิญร่วมบริจาคโลหิตสำรองคงคลัง ช่วยสนับสนุนรพ.ในพื้นที่สู้รบ

จากสถานการณ์สู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติและภาคบริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย จำเป็นต้องสำรองโลหิต เพื่อส่งไปช่วยสนับสนุน รพ.ในพื้นที่ดังกล่าว ขอเชิญผู้ที่พร้อมร่วมบริจาคโลหิตสำรองคงคลังได้ ณ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ถ.อังรีดูนังต์ จันทร์-ศุกร์ เปิด 07.30-19.30 น. เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิด 08.30-15.30 น. รองรับผู้บริจาคโลหิตวันละ 1,500 คน ลงทะเบียนบริจาคโลหิตสำรองคงคลัง ได้ที่ https://bdbooking.redcross.or.th/  

สามารถร่วมบริจาคโลหิตทั่วประเทศ ได้ที่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังต์, หน่วยรับบริจาคโลหิตประจำที่ ได้แก่ สถานีกาชาด 11 วิเศษนิยม (บางแค) เดอะมอลล์ สาขาบางแค สาขาบางกะปิ สาขางามวงศ์วาน สาขาท่าพระ ศูนย์การค้าดิเอ็มโพเรียม และบ้านทรงไทย (ย่านวงศ์สว่าง), ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ 12 แห่งทั่วประเทศ ได้แก่ จังหวัดลพบุรี ชลบุรี ราชบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น อุบลราชธานี นครสวรรค์ พิษณุโลก เชียงใหม่ นครศรีธรรมราช (ทุ่งสง) สงขลา และภูเก็ต, โรงพยาบาลสาขาบริการโลหิตทั่วประเทศ สอบถามได้ที่ ฝ่ายจัดหาผู้บริจาคโลหิตฯ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย โทร.02-2564300, 02-2639600-99 ต่อ 1101, 1760, 1761 หรือ  www.blooddonationthai.com

ผ.ศ. (พิเศษ) ดร. อภิสิทธิ์  ฉัตรทนานนท์

ประธานกรรมการ มูลนิธิคุณแม่คุณภาพ

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top