วังหน้าปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งชาติพระนคร
วันที่ ๒๗ มีนาคม ที่ผ่านมาเป็นวันครบรอบ๑๐๓ปีของกรมศิลปากร หน่วยงานหลักของรัฐที่ทำหน้าที่ทำนุบำรุง รักษา อนุรักษ์ ฟื้นฟู ส่งเสริม สร้างสรรค์และสืบทอดมรดกวัฒนธรรมของชาติให้ยั่งยืนอย่างสง่างาม ซึ่งจัดงานวันสถาปนากันทุกปีณพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ที่เราร็จักกันในอดีตว่าคือ วังหน้าของกรุงรัตนโกสินทร์ อาทิตย์นี้ขอตามหา ภูมิสถานสำคัญแห่งนี้ในอดีตว่า ก่อนจะเป็นพิพิธภัณฑสานแห่งชาติพระนครนั้นมีเรื่องราวอย่างไร วังหน้าแห่งนี้เดิมเรียกพระราชวังบวรสถานมงคลตั้งอยู่ที่เขตพระนครกรุงเทพมหานคร ในอดีตเป็นพระราชวังที่ประทับของผู้ทรงดำรงพระอิสริยยศกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ผู้สถาปนานั้นคือสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ผู้ดำรงพระอิสริยยศกรมพระราชวังบวรสถานมงคลพระองค์แรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์และโปรดให้สร้างขึ้นพร้อมกับพระบรมมหาราชวังเมื่อพ.ศ.๒๓๒๕การก่อสร้างพระราชวังแห่งนี้ใช้พื้นที่ตั้งแต่ทิศเหนือของวัดสลัก ปัจจุบันคือวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ขึ้นไปจนถึงคลองคูเมืองเดิม และได้ทำผาติกรรมที่ดินส่วนหนึ่งทางด้านเหนือของวัดสลัก เข้ามาเป็นเขตพระราชวังบวรสถานมงคลจึงทำให้พระราชวังบวรสถานมงคลแห่งนี้กว้างขวางมาก
ท้องพระโรงวังหน้า
ต่อมาได้มีการตัดส่วนหน้าไปเป็นส่วนหนึ่งของสนามหลวงและถนน จึงเหลือหมู่ราชมณเฑียรและพระที่นั่งไว้ เมื่อแรกสร้างนั้นเป็นเครื่องไม้ทั้งสิ้น มีพระที่นั่งศิวโมกข์พิมาน เป็นท้องพระโรงที่ถ่ายแบบมาจากพระที่นั่งทรงปืนในพระราชวังหลวงอยุธยา หมู่พระราชมณเฑียรนั้น สร้างเป็นพระวิมาน๓ หลังเรียงติดกัน ได้แก่ พระที่นั่งวสันตพิมาน,พระที่นั่งวายุสถานอมเรศ,พระที่นั่งพรหมเมศรังสรรค์ทั้งด้านหน้าและด้านหลังพระวิมานนั้น สร้างเป็นพระราชมณเฑียรขวางตลอดแนวพระวิมานทั้งสามหลัง โดยด้านหน้าพระวิมานถัดจากพระที่นั่งวายุสถานอมเรศนั้น มุขหน้าเป็นท้องพระโรงหน้า เรียกว่า พระที่นั่งพรหมพักตร์ ส่วนมุขหลังเป็นท้องพระโรงหลัง โดยมี พระที่นั่งบูรพาภิมุข พระที่นั่งทักษิณาภิมุข พระที่นั่งปัจฉิมาภิมุข และพระที่นั่งอุตราภิมุข ล้อมรอบพระราชมณเฑียรทั้ง๔ด้าน โดยชื่อพระที่นั่งทั้งสี่องค์ นั้นมีขึ้นในสมัยกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพ
พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ในอดีต
เมื่อครั้งสมเด็จกรมพระราชวังบวรเจ้ามหาสุรสิงหนาทโปรดให้สร้างพระที่นั่งสุทธาสวรรย์ ขึ้นเมื่อพ.ศ.๒๓๓๐เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ที่ได้อัญเชิญลงมาหลังจากเสด็จขึ้นไปยังเมืองเชียงใหม่บริเวณด้านเหนือของพระราชวังนั้น พระองค์ได้โปรดให้สร้าง "วัดหลวงชี" ขึ้นเพื่อเป็นสถานที่จำศีลของนางชีนามว่า นักนางแม้น เป็นมารดาของนักองอี ผู้เป็นพระธิดาในสมเด็จพระอุไทยราชา พระเจ้ากรุงกัมพูชา ซึ่งเป็นพระสนมเอกในพระองค์ด้วย พระองค์ทรงสร้างพระราชวังบวรสถานมงคลด้วยความประณีต ด้วยตั้งพระราชหฤทัยว่า เมื่อสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชสวรรคต ถึงเวลาพระองค์ทรงครอบครองราชสมบัติ จะเสด็จประทับอยู่พระราชวังบวรฯ ตามแบบอย่างสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ไม่เสด็จลงมาอยู่วังหลวงครั้นเมื่อพระองค์ทรงพระประชวรใกล้สวรรคตนั้น พระองค์มีรับสั่งว่า พระราชมณเฑียรสถานได้ทรงสร้างไว้ใหญ่โตมากมายเป็นของประณีตบรรจง ประชวรมาช้านานไม่ได้ทอดพระเนตรเห็นให้รอบคอบ จะใคร่ทอดพระเนตรให้สบายพระราชหฤทัย ดังนั้น จึงโปรดฯ ให้เชิญพระองค์ขึ้นทรงพระเสลี่ยงบรรทมพิงพระเขนยไปโดยรอบพระราชมณเฑียร การเสด็จในครั้งนั้นกล่าวกันว่า พระองค์ทรงรำพึงว่า "ของนี้อุตส่าห์ทำขึ้นด้วยความคิดและเรี่ยวแรงเป็นนักหนา หวังว่าจะได้อยู่ชมให้สบายนานๆ ก็ครั้งนี้จะไม่ได้อยู่แล้ว จะได้เห็นวันนี้เป็นที่สุด ต่อนี้ไปก็จะเป็นของท่านผู้อื่น"และมีความเล่าต่อว่าพระองค์ได้มีรับสั่งว่า "ของใหญ่ของโตดีดีของกูสร้าง ใครไม่ได้ช่วยเข้าทุนอุดหนุนให้แรง ก็สร้างขึ้นด้วยกำลังข้าเจ้าบ่าวนายของกูเอง นานไปใครมิใช่ลูกกู ถ้ามาเป็นเจ้าของเข้าครอบครอง ขอให้ผีสางเทวดาจงบันดาลอย่าให้มีความสุข" ดังนั้นสถานที่แห่งนี้จึงทำให้ต้องเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติและเป็นภูมิศักดิสิทธิ์แห่งศิลปวิทยาการของแผ่นดินจนทุกวันนี้
พระบรมรูปสมเด็จกรมพระราชวังบวรสถานมงคล
พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสมัยแรก
สนามหลวงกับด้านหน้าวังหน้า
หมู่ราชมณเฑียรวังหน้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี