ดร.สิริกร มณีรินทร์
หัวใจของการเพิ่มพูนความรู้ทางปัญญาคือการอ่าน เป็นสิ่งที่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงให้ความสำคัญมาโดยตลอด จนได้รับการถวายพระสมัญญานามว่า “เจ้าฟ้านักอ่าน” ด้วยพระจริยวัตรและความสนพระทัยในการอ่าน การจดบันทึก การเขียน และการเรียนรู้ ที่เหล่าพสกนิกรได้เห็นและซึมซับอย่างปลื้มปริ่มใจ จนถือพระองค์เป็นต้นแบบนักอ่านของไทย
สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (สอร.) จึงได้ร่วมกับ กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้ดำเนินโครงการ “Read Thailand : อ่านเถิด...เด็กไทย อ่านถวายเจ้าฟ้านักอ่าน” เฉลิมพระเกียรติสมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวโรกาสเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา เพื่อกระตุ้นการส่งเสริมการอ่าน การเรียนรู้ในเด็กนักเรียนระดับประถมศึกษาปีที่ 5 ของโรงเรียนในทุกสังกัดทั่วประเทศ โดยมีโรงเรียนเข้าร่วมประกวดรวม 3,932 แห่ง และได้ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย 37 แห่ง เพื่อเข้าชิงถ้วยพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันที่ 7 เมษายนนี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
น้องบีม – ด.ญ. ธนิฌา แก้วทวี
ดร.สิริกร มณีรินทร์ ประธานคณะอนุกรรมการสำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (สอร.) และ กรรมการบริหารสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์กรมหาชน) กล่าวว่า โครงการ Read Thailand : อ่านเถิด...เด็กไทย อ่านถวายเจ้าฟ้านักอ่าน ได้คัดเลือกเฉพาะ นักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จากโรงเรียน 4,000 แห่ง ครอบคลุมนักเรียน 1,061,398 คน ที่จะได้รับการสร้างนิสัยรักการอ่าน และการเรียนรู้ร่วมไปกับการประกวดครั้งนี้ โดยแบ่งการแข่งขันของโรงเรียนออกเป็น 3 กลุ่ม คือ โรงเรียนขนาดเล็ก มีนักเรียนไม่เกิน 150 คน โรงเรียนขนาดกลาง มีนักเรียน 150-300 คน และ โรงเรียนขนาดใหญ่ มีนักเรียน 300 คนขึ้นไป มีเกณฑ์การตัดสิน 5 ด้าน ได้แก่ ด้านบริหาร จัดการส่งเสริมการอ่าน, ด้านมาตรฐานส่งเสริมการอ่าน, ด้านประสิทธิภาพของแหล่งเรียนรู้ ห้องสมุดมีชีวิต, ด้านผลที่เกิดกับผู้เรียนและบุคลากรในสถานศึกษา และ ด้านคุณภาพเชิงประจักษ์ ที่เกิดกับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เข้าร่วมโครงการ โดยคัดเลือกหนังสือที่แนะนำว่าเหมาะสมกับชั้น ป.5 แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ หนังสือพระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพฯ, หนังสือที่สอดคล้องกับกลุ่มสาระ และบทอาขยาน เมื่อเด็กอ่านแล้วต้องเก็บความรู้ ได้บันทึก ได้วิเคราะห์ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2557 ที่ผ่านมา ซึ่งคณะกรรมการระดับชาติลงพื้นที่สำรวจเก็บข้อมูล ในโรงเรียนที่ผ่านเข้ารอบสุดท้าย 37 แห่ง ที่จะเข้ามาจัดนิทรรศการ และนำเสนอวิธีการที่โรงเรียนได้ส่งเสริมการอ่านเพื่อให้คณะกรรมการได้พิจารณาตัดสินว่าโรงเรียนใดควรจะได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานฯ ต่อไป
น้องแม็ค - ด.ช.ปภาวินท์ เกียงวงศ์
จากหลายพันโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ Read Thailand นี้ ต่างมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ต่างเผยถึงการอ่านของตนเอง เริ่มจาก น้องบีม – ด.ญ. ธนิฌา แก้วทวี จากโรงเรียนวัดหินเกลี้ยง จ.สงขลา บอกว่า “ชอบอ่านหนังสือพระราชนิพนธ์ ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เรื่องแก้วจอมแก่น ตอนล่อกั้งค่ะ เพราะอ่านแล้วสนุกแถมได้ความรู้เกี่ยวกับการล่อกั้งค่ะ นอกจากหนังสือในสมเด็จพระเทพฯ หนูก็ชอบอ่านหนังสือภาษาไทยค่ะ เพราะทำให้เรารู้คำบางคำที่เราเขียนไม่ค่อยถูก รู้ความหมายของสุภาษิตต่างๆ แต่ก่อนยังไม่มีโครงการ ก็ไม่ได้เข้าห้องสมุดทุกวัน แต่พอมีโครงการนี้ทำให้หนูเข้าห้องสมุดทุกวันค่ะ เพราะถ้าใครอ่านได้เยอะคุณครูก็จะมีของรางวัลให้ เป็นพวกเครื่องเขียนต่างๆ ค่ะ”
น้องแม็ค - ด.ช.ปภาวินท์ เกียงวงศ์ แห่งโรงเรียนบ้านหนองม่วงหวาน จ.นครราชสีมา เผยว่า "ผมชอบอ่านหนังสือเพราะพ่อแม่ปลูกฝังให้รักการอ่านครับ เมื่อตอนเป็นเด็กยังอ่านหนังสือไม่ออก พ่อกับแม่ก็จะเป็นคนอ่านหนังสือให้ผมฟัง พอมาตอนนี้ผมอ่านให้ท่านฟังบ้าง ท่านอ่านให้ผมฟังบ้าง ผลัดกันอ่าน ซึ่งหนังสือที่ผมสนใจชอบอ่าน จะเป็นแนวประวัติศาสตร์ครับ หรือพวกอารยธรรมต่างประเทศ เพราะโตขึ้นผมอยากเป็นมัคคุเทศก์ครับ จึงชอบศึกษาเรื่องราวพวกนี้ ที่สำคัญพอเข้าโครงการยังได้อ่านหนังสือพระราชนิพนธ์ด้วย เช่น เรื่องข้าวไทยไปญี่ปุ่น ที่ไม่เพียงให้เราได้รู้ถึงภูมิศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่น แต่ยังได้รู้ถึงว่าข้าวของประเทศไทยช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างไร ซึ่งเทคนิคการจดจำของผม เมื่ออ่านเสร็จผมจะทบทวนเรื่องราวในหัว พร้อมกับจับประเด็นใจความสำคัญ และจดบันทึก หรือมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังครับ"
ไม่ว่าโรงเรียนใดจะได้รับรางวัลชนะเลิศโครงการ “Read Thailand : อ่านเถิด...เด็กไทย อ่านถวายเจ้าฟ้านักอ่าน” ก็แล้วแต่ สิ่งสำคัญที่ดีที่สุดคือนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับ คือ นิสัยรักการอ่าน ที่จะถูกปลูกฝังอย่างยั่งยืน สู่การเป็นผู้ใฝ่รู้เพื่อพัฒนาประเทศชาติต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี