วันอาทิตย์ ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ผู้หญิง
“พรศุลี วิชเวช” เจ้าของฉายา การเวกเสียงใส นักร้องดาวค้างฟ้า แห่งวงดนตรีสุนทราภรณ์

“พรศุลี วิชเวช” เจ้าของฉายา การเวกเสียงใส นักร้องดาวค้างฟ้า แห่งวงดนตรีสุนทราภรณ์

วันอาทิตย์ ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2557, 06.00 น.
Tag :
  •  

พรศุลี วิชเวช เดิมชื่อ สุรีย์ สร้อยกิ่ง เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม 2496 ณ อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม มีชื่อเล่นว่า “แดง” ในวัยเด็กชอบร้องเพลงมาก เมื่ออายุได้ 11 ปี ได้เข้าประกวดขับร้องเพลงพร้อมกันกับน้องชายโดย ด.ญ.สุรีย์ ได้เลือกเพลง “ทำนบหัวใจ” ส่วนน้องชายเลือกเพลง “ดาวลูกไก่” ผลการตัดสินปรากฏว่า พรศุลี ได้รับรับรางวัลชนะเลิศฝ่ายหญิง และน้องชายก็ได้รับรางวัลชนะเลิศฝ่ายชายในโอกาสเดียวกัน

ในช่วงที่เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนวิริยะวิทยา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงครามอยู่นั้น ด.ญ.สุรีย์ ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ร้องนำ เพลงชาติ และบทสวดมนต์ทุกเช้า จนเมื่อได้ย้ายเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ ก็ได้มีโอกาสฝึกหัดร้องเพลงไทยเดิม โดยมีคุณตาฟุ้ง วิชเวช สีซออู้ และคุณน้าศิริ วิชเวช ศิลปินแห่งชาติเป็นผู้สอนให้เกือบทุกวัน


และที่สำคัญยิ่งคือ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารีฯ ได้ทรงพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าฯ ให้คุณน้าศิริเข้าเฝ้า และทรงรับสั่งให้คุณน้าศิริ ทำหน้าที่อาจารย์สอนขับเสภา การขยับกรับ และการขับร้องเพลงไทยเดิมให้แก่นิสิตและนักศึกษา ในสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษา เพื่อเป็นการอนุรักษ์งานดนตรีไว้ให้คงอยู่คู่ชาติไทยสืบต่อไป ซึ่งขณะนี้คุณน้าศิริได้เป็นอาจารย์สอนวิชาดังกล่าวอยู่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ ประสานมิตร อันถือเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล “วิชเวช” อย่างหาที่สุดมิได้

พรศุลี วิชเวช ก่อนที่จะมาเป็นนักร้องนักเรียนดาวรุ่งสุนทราภรณ์นั้น ในช่วงเย็นของทุกวันพี่ ๆ ข้างบ้านก็จะรวมกันเล่นดนตรีสนุก ๆ แบบเพลงนำเที่ยว ด.ญ.สุรีย์ และน้องชาย ก็จะไปร่วมวงกับเขาด้วยเสมอ แต่จะสนใจร้องเฉพาะเพลง     สุนทราภรณ์อย่างเดียว จนพี่ข้างบ้านบอกว่าจะพาไปฝากร้องเพลงกับวง “เอื้อสัมพันธ์” ซึ่งเป็นวงสองของสุนทราภรณ์อยู่ในขณะนั้น และคุณครูเอื้อ สุนทรสนาน ได้กรุณาตั้งชื่อวงให้เอง ในวันนั้นวงเอื้อสัมพันธ์ ไปแสดงดนตรีอยู่ที่จวนของผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ โดยมีคุณครูปรีชา เกียรติประวัติ เป็นหัวหน้าควบคุมวงไปแสดง คุณครูปรีชา ท่านก็เมตตาให้ ด.ญ.สุรีย์ ได้ร้องเพลง “ดอกไม้รำพึง” กับวงในวันนั้นด้วย และท่านก็ได้รับไว้เป็นนักร้องประจำวงนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในโอกาสที่ท่านมีงานแสดงที่ไหน ท่านก็จะเรียกให้ไปร้องเพลงกับวงด้วยเป็นประจำ

เมื่อปี พ.ศ. 2516 คุณครูปรีชา นำวง “เอื้อสัมพันธ์” ไปแสดงที่สวนอัมพร คุณครูปรีชาบอกว่าวันนี้เป็นวงสองของวง “สุนทราภรณ์” นะ ร้องให้ดี ๆ จึงเป็นวันที่รู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะว่าวงหนึ่งเล่นอยู่ที่เวทีลีลาศสวนอัมพรใกล้ ๆ กัน พอเวลาประมาณสองทุ่มเศษ ๆ คุณครูเอื้อ ครูดำหลานชาย พร้อมทั้งนักร้องดาวรุ่งหลายท่านก็มาถึง รู้สึกดีใจมากที่ได้โอกาสพบตัวจริงของทุกท่าน จึงได้เข้าไปกราบสวัสดี แล้วก็เดินไปหาพี่บรรจงจิตต์ พัฒนาสันต์ กับครูดำ ในช่วงนั้นวงฯกำลังบรรเลงเพลง “ยามหทัยต้องมนต์” ของพี่บรรจงจิตต์ ก็เมตตาได้กรุณาจดเนื้อให้ ครูดำกับพี่บรรจงจิตต์ ก็เลยชวนให้มาอยู่วงดนตรีสุนทราภรณ์ด้วยกัน แต่มีเงื่อนไขว่าจะต้องมาเป็นนักเรียนโรงเรียนสุนทราภรณ์การดนตรีก่อน พอรุ่งขึ้นวันที่ 8 ตุลาคม 2516 ก็ได้ขอให้พี่สาวพามาสมัครเป็นนักเรียนโรงเรียนสุนทราภรณ์การดนตรีเลย ได้หมายเลขประจำตัว 1166 ในการเรียนนั้นจะต้องเรียนโน้ตก่อน จนอ่านโน้ตเพลง  เปล่งเสียงตามตัวโน้ต ได้ถูกต้องคล่องแคล่วแล้ว จึงเริ่มเรียนขับร้องเพลงและต่อเพลงกับครูยรรยง เสลานนท์ ครูสมคิด เกษมศรี และครูโกมล โลกะกะลิน ซึ่งสอนอยู่ที่โรงเรียนในช่วงนั้นด้วย ก็ได้กรุณาต่อเพลงให้ด้วยเช่นกัน

ในวันเสาร์ พวกนักเรียนจะมีโอกาสได้ซ้อมร้องเพลงกับวงดนตรีสุนทราภรณ์ โดยคุณครูเอื้อท่านจะมาคัดนักร้องด้วยตนเอง พร้อมกับคุณอติพร บุตรสาว ซึ่งเป็นผู้จัดการโรงเรียนสุนทราภรณ์การดนตรี ว่านักเรียนคนไหนร้องได้ดี ก็จะจัดให้ออกงานตามสถานที่ต่าง ๆ ที่วงดนตรีสุนทราภรณ์ไปแสดง เช่น สถานีวิทยุ อ.ส., สวนอัมพร, สวนลุม, สังคีตศาลา, สถานีโทรทัศน์ช่อง 4 บางขุนพรม, สถานีวิทยุต่างๆ, สถานีโทรทัศน์สีช่อง 7 ฯลฯ เป็นต้น

ในขณะเมื่อกลับจากการแสดง หากนักร้องหญิงคนไหนกลับบ้านไม่ได้ ก็จะพักอยู่ที่หอพักสุนทราภรณ์ พรศุลีได้รับความกรุณาให้พักอยู่กับพี่บรรจงจิตต์และพี่จิตราภรณ์ บุญขันธ์ เราสามคนจึงมีความผูกพันกันมาก ในวันที่ไม่มีการเรียน เราก็จะต่อเพลงกับครูดำ ท่านจะเข้มงวด เคี่ยวเข็ญอย่างมาก และท่านก็ค่อนข้างจะดุมาก ครูดำจะนำเพลงเก่า ๆ มาให้พวกเราสามคนต่อเพลงขับร้องแบบปากเปล่า จนเมื่อวันที่มีเรียน จึงนำไปต่อเพลงกับครูยรรยง แล้วจึงมาซ้อมกับวงดนตรีในคราวหลัง ส่วนเวลาที่มีการบันทึกเสียงนั้นคุณครูเอื้อ ท่านจะเป็นคนสอนให้เอง

ในช่วงแรก ๆ นั้น ได้ใช้ชื่อ “ศุลีพร” ซึ่งคุณอติพรกรุณาตั้งให้ โดยใช้คำว่า “ศุลี” แทน “สุรีย์” ซึ่งเป็นชื่อจริงตามหลักฐานทางราชการในขณะนั้น และเพิ่มคำว่า “พร” ต่อท้าย สำหรับใช้ในการขับร้องเพลงกับวงดนตรีสุนทราภรณ์มาระยะหนึ่ง ต่อมาคุณอติพรอยากให้ชื่อของพวกเราสามคนที่มีความใกล้ชิดสนิทสนมกันมากมีความคล้องจองกัน โดยคงชื่อ พี่บรรจงจิตต์ ไว้ตามเดิม แล้วตั้งชื่อให้พี่ “วิจิตรา” เป็น “จิตราภรณ์” และเปลี่ยนชื่อ “ศุลีพร” ให้เป็น “พรศุลี” ซึ่งเป็นที่มาของชื่อสามสาว “บรรจงจิตต์-จิตราภรณ์-พรศุลี” ที่มีผลงานขับร้องเพลงสุนทราภรณ์ร่วมกันหลายเพลง ในช่วงนั้นนักร้องที่ออกงานประจำก็มี พี่บรรจงจิตต์ พัฒนาสันต์, พี่จิตราภรณ์ บุญขันธ์, ดาริกา หลิมรัตน์, กิ่งรัก ชูความดี, มยุรินทร์ สุขยิ่ง, สุพรรณิกา ฉายาพรรณ และอวยพร บุญขันธ์ ซึ่งเป็นน้องนุชสุดท้องที่คุณครูเอื้อ ท่านได้สั่งสอนให้ด้วยตนเอง ในส่วนของนักร้องชายช่วงนั้นก็มี สมคิด เกษมศรี, โกมล โลกกะกะลิน, ทิพรักษ์ แสงเงิน, เจือนศักดิ์ น้อยสุวรรณ ฯลฯ เวลาออกงานคุณครูเอื้อ ท่านก็จะยืนสีไวโอลินอยู่ข้าง ๆ ทำให้นักร้องทุกคนรู้สึกมั่นใจมาก

พรศุลี วิชเวช มีผลงานเพลงที่ได้ขับร้องบันทึกแผ่นเสียงครั้งแรก คือเพลง “ว่าจะไม่แล้วเชียว” และได้มีผลงานบันทึกเสียงร่วมกันสามคนคือ บรรจงจิตต์-จิตราภรณ์-พรศุลี รวม 4 เพลง คือ หนังสือจ๋า, สังคมราตรี, ไทยอย่าเผลอ และสาวริมธาร นอกจากนี้ก็มีเพลงสถาบันต่าง ๆ อีกหลายสถาบัน ซึ่งส่วนมากจะได้รับมอบหมายให้ขับร้องเพลง “ลา” ของสถาบันต่าง ๆ ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจอย่างมาก ที่คุณครูเอื้อ ท่านได้ให้ความเมตตา ผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้พรศุลีคือเพลง “สายลมเย็น” ซึ่งเพลงนี้คุณครูเอื้อ ท่านได้กรุณาสอนให้ร้อง และเป็นเพลงที่แฟนเพลงชื่นชอบกันมาก ในชุดนั้นก็มีเพลง จำปีฟ้า, นางครวญ และเพลงอื่น ๆ อีกหลายเพลง


หลังจากที่ครูเอื้อ ท่านจากพวกเราไปแล้ว ครูดำก็รับหน้าที่เป็นผู้ควบคุม ในการดำเนินงานบันทึกเสียง และทำดนตรี ผลงานเพลงต่าง ๆ ก็ได้มีออกออกมาสู่ท่านผู้ฟังเพลงสุนทราภรณ์อีกมายมาก เช่น ชุดเพลงประสานเสียง มีเพลง ในโลกฝัน ,ดึกคืนนี้ ซึ่งพรศุลี ขับร้องคู่กับครูยรรยง เสลานนท์ ต่อมาก็ได้บันทึกเสียงในชุดขับร้องหมู่ประสานเสียง อีกหลายชุด เช่น กรุงเทพราตรี, ฉันยังคอย, กรุงเทพ 200 ปี (เมื่อครั้งฉลองกรุงเทพฯ ครบ 200 ปี) ฯลฯ เพลงชุดของครูสิริ ยงยุทธ ขุนพลเพลงคู่ใจของครูเอื้อ เช่นเพลง ฉะอ้อนรัก, ฉันอยากจะลอง ฯลฯ ต่อมาก็มีผลงานชุดขับร้องคู่กับครูดำ เช่นเพลง จนนาง, ขอเป็นจันทร์ ฯลฯ และผลงานเพลงชุด “สาส์นรัก” ซึ่งมีเพลงที่แฟนเพลงชื่นชอบหลายเพลง อาทิ สั่งรัก, บัวงาม, รักบังใบ, ศาสนารัก, หาดสงขลา ซึ่งทุกชุดวางตลาดอยู่ในขณะนี้

พรศุลี วิชเวช มีผลงานประพันธ์เพลงครั้งแรกในช่วงปี พ.ศ.2526 ซึ่งวงดนตรีสุนทราภรณ์ ได้ไปแสดงที่โรงเรียนด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา และทางโรงเรียนฯ ได้ขอให้วงดนตรีสุนทราภรณ์ แต่งเพลงประจำโรงเรียนให้ โดยได้ส่งข้อมูลมาให้ครูสมคิด เป็นผู้ประพันธ์ทำนอง ซึ่งในโอกาสนั้น พรศุลี ได้ขออนุญาตประพันธ์คำร้องให้ โดยโรงเรียนด่านขุนทด ก็ยังคงใช้เพลงนี้เป็นประจำโรงเรียน มาตราบถึงทุกวันนี้

ต่อมาวิทยาลัยครูเพชรบุรีวิทยาลงกรณ์ หรือ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีวิทยาลงกรณ์ ในปัจจุบัน ได้ติดต่อส่งคำร้องเพลงประจำสถาบัน มาให้วงดนตรีสุนทราภรณ์ 4 เพลง และขอให้วงดนตรีสุนทราภรณ์ประพันธ์ทำนอง และบันทึกเสียงให้ พรศุลี เป็นผู้ประพันธ์คำร้องเองทั้ง 4 เพลง โดยได้รับความกรุณาจากครูดำ ช่วยให้คำแนะนำ และปรับจังหวะดนตรีให้ถูกต้อง แล้วจึงได้ส่งไปเรียบเรียงเสียงประสาน จนเป็นเพลงที่ชื่นชอบของสถาบันดังกล่าวอย่างยิ่ง ซึ่งบางเพลงพรศุลี ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ประพันธ์คำร้องบ้าง ทำนองบ้าง มาเป็นลำดับ โดย พรศุลี ใช้นามแฝงว่า “พศ.” ส่วนบางเพลงได้ร่วมประพันธ์คำร้องกับคุณรัตนพล จินตกานนท์ นักร้องดาวค้างฟ้าอีกคนหนึ่งของสุนทราภรณ์ ก็จะใช้นามแฝงว่า “พศร.”

ที่นับเป็นมงคลสูงสุดในชีวิตของพรศุลี ก็คือการที่ได้รับมอบหมายจากวงดนตรีสุนทราภรณ์ ให้ร่วมกับครูดำ-พูลสุข และคุณรัตนพล ประพันธ์เพลงถวายพระพร ๖๐ ปีครองราชย์ เพลงถวายพระพรพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ และ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ โดยพรศุลี ได้เป็นผู้ขับร้องนำหมู่นักร้องวงดนตรีสุนทราภรณ์ เผยแพร่เพลงนี้เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2548 ณ ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ในวโรกาสเฉลิมฉลองเนื่องในวันประสูติพระเจ้าหลานเธอฯ ด้วย

ปัจจุบันนอกจากพรศุลีจะเป็นนักร้องนำฝ่ายหญิงของวงดนตรีสุนทราภรณ์คู่กับคุณเจือนศักดิ์ น้อยสุวรรณแล้ว ยังได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ประพันธ์คำร้องเพลงใหม่ๆออกสู่ตลาด และเป็นครูฝึกสอนนักร้องคลื่นลูกใหม่ของสุนทราภรณ์มาทุกรุ่นอีกด้วย ผลงานคอนเสิร์ตของพรศุลี คือ 1. “พรศุลี วิชเวช การเวกเสียงใส” เมื่อ 7 ส.ค.48, 2. “การเวกเสียงใส น้อมใจบูชาครู” เมื่อ 1 ก.ค. 50, 3. “การเวกเสียงใส เชิดชูบูรพศิลปิน”  เมื่อ 25 เม.ย. 53 ฯลฯ

อติพร -สุนทรสนาน เสนะวงศ์ กรรมการ-เลขานุการ มูลนิธิสุนทราภรณ์ ได้เขียนคำนิยามไว้ในสูจิบัตรงานคอนเสิร์ตครั้งแรกของพรศุลี มีใจความตอนหนึ่งว่า “พรศุลี วิชเวช เป็นหนึ่งในนักร้องนักเรียนจากโรงเรียนสุนทราภรณ์การดนตรีที่สถาบันสุนทราภรณ์ภาคภูมิใจ เธอเป็นเพชรแท้ มิใช่พลอยหุง เธอได้รับการเจียรนัยอย่างละเอียดละออจากครูเอื้อ สุนทรสนาน จนเปล่งประกายเพชรแท้ได้อย่างงดงาม ผลงานของเธอเป็นที่ยอมรับของแฟนเพลงมาเป็นเวลายาวนานถึง 40 ปี และเพชรเม็ดนี้จะเปล่งประกายฉายแสงต่อไปได้อีกนาน เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ศิลปินรุ่นหลังของสุนทราภรณ์ต่อไป”
 
ติดต่อวงดนตรีสุนทราภรณ์/โรงเรียนสุนทราภรณ์การดนตรี/มูลนิธิสุนทราภรณ์ ได้ที่ ๒๐๒ ซอยสุจริต๒ ถนนพระราม ๕ ข.ดุสิต กทม ๑๐๓๐๐ ศูนย์บริการสุนทราภรณ์ โทร.๐๘๑ ๒๘๕-๑๔๒๗ อีเมล์:soontaraporn@gmail.com                                                    เว็บไซต์: www.websuntaraporn.com เฟสบุ๊ค:www.facebook.com/SuntarapornFoundation หรือติดต่อ อติพร เสนะวงศ์ โทร ๐๘๑ ๘๔๙-๖๔๖๕

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • คณะศิลปศาสตร์ มธ. จัดเสวนา ‘Miss World: History and Legacy of the Blue Crown’ ร่วมยินดี ‘โอปอล’ คว้ามงกุฎ Miss World คณะศิลปศาสตร์ มธ. จัดเสวนา ‘Miss World: History and Legacy of the Blue Crown’ ร่วมยินดี ‘โอปอล’ คว้ามงกุฎ Miss World
  • ‘หยั่งรากลึกในไทย’ ส.ค้าวิสาหกิจจีน-ไทย เผยรายงานวิสาหกิจจีนสร้างคุณประโยชน์เพื่อไทย ‘หยั่งรากลึกในไทย’ ส.ค้าวิสาหกิจจีน-ไทย เผยรายงานวิสาหกิจจีนสร้างคุณประโยชน์เพื่อไทย
  • ยิปซีพยากรณ์\'ดวงรายวัน\'ประจำวันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2568 ยิปซีพยากรณ์'ดวงรายวัน'ประจำวันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2568
  • สสว. เตรียมจัดงาน ‘SME SHOW ของ: ตลาดนัดคนตัวเล็ก’ รวมพลัง Soft Power ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก สสว. เตรียมจัดงาน ‘SME SHOW ของ: ตลาดนัดคนตัวเล็ก’ รวมพลัง Soft Power ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก
  • ‘มหกรรมสืบสานภูมิปัญญา ผ้าพื้นถิ่น อัตศิลป์ตรัง’ ยกระดับ Soft Power สู่เวทีสร้างสรรค์ระดับประเทศ ‘มหกรรมสืบสานภูมิปัญญา ผ้าพื้นถิ่น อัตศิลป์ตรัง’ ยกระดับ Soft Power สู่เวทีสร้างสรรค์ระดับประเทศ
  • อธิบดีกรมการข้าว นำองค์กรชาวนาฯ รับรางวัลเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ อธิบดีกรมการข้าว นำองค์กรชาวนาฯ รับรางวัลเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ
  •  

Breaking News

ตัวอย่างฐานบังเกอร์! ยางรถยนต์ที่ส่งไปให้ทหาร ปกป้องชายแดนไทย

‘อดีตสว.’ฉะ‘บัวแก้ว’อ่อนหัดเสี่ยงแพ้‘กัมพูชา’ตั้งแต่ในมุ้ง แนะสิ่งนี้ต้องเร่งทำ

ปรีวิว-ฟันธง! 'กระทิง'ชิง'ฝอยทอง'ล่าแชมป์เนชันส์ลีก

‘ศธ.’ให้อำนาจ‘ผอ.โรงเรียน’ 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา สั่งหยุดเรียนได้ทันที หากรู้สึกเสี่ยง

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved