หลายครั้งที่ผมเดินผ่านชั้นล่างของตึกศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ที่ไว้ต้อนรับบุคลากรต่างๆ ที่มาบริจาคโลหิต ผมแปลกใจมากที่เห็นคนมาบริจาคโลหิตไม่กี่คนแทบนับนิ้วได้ คือ มีคนน้อยมากในวันธรรมดา แต่ช่วงวันสำคัญเช่น วันพระราชสมภพในหลวง ร.9, ในหลวง ร.10,สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ, สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ จะมีคนล้นหลามมาก จนการให้บริการไม่พอ ถ้าเป็นไปได้ สภากาชาดไทยอยากเห็นคนแน่นๆ 2,000-2,500 คนทุกวัน และอาจเพิ่มกว่านี้บ้างในวันสำคัญต่างๆ
ผู้ที่มาบริจาคโลหิตล้วนแต่เป็นผู้ที่มีจิตอาสา อยากจะช่วยเพื่อนมนุษย์โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ผมจึงเกิดความคิดมานานแล้วว่า ถ้าคนไทยที่อายุถึงเกณฑ์บริจาค เช่น 17 ปีขึ้นไปถึง 70 ปี ร่างกายสมบูรณ์ เข้าเกณฑ์ที่สภากาชาดไทยวางไว้ จะกรุณามาบริจาคในเดือนของวันเกิดได้ก็จะดี แล้วหลังจากนั้นมาบริจาคต่อทุก 3 เดือน ถ้าทำเช่นนี้ได้ ผมแน่ใจว่าจะเป็นการกระจายการบริจาคโลหิตที่ดีมาก จะมีคนมาบริจาคตลอดเวลาทั้งปี
ข้อมูลทุกๆ ปีมีว่า ผู้บริจาคประจำปีแต่ปีละเพียงครั้งเดียวมีเป็นแสนๆ คน ถ้าผู้ที่มาบริจาคประจำเหล่านี้จะกรุณาบริจาคทุก 3 เดือน ปัญหาการขาดโลหิตจะหายไปทันที การบริจาคโลหิตเป็นสิ่งที่ดีงาม นอกจากเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อตัวผู้บริจาคเองอีกด้วย โดยเฉพาะผู้ที่บริจาคเป็นครั้งแรก กล่าวคือ อย่างน้อยจะรู้ว่า ตนเองไม่เป็นโรคหลายโรค เช่น โรคซิฟิลิส โรคไวรัสตับอักเสบชนิดบี ไวรัสตับอักเสบชนิดซี ไม่มีเชื้อ HIV/AIDS ฯลฯ หรือถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นปัจจุบันนี้มียาที่สามารถช่วยรักษาโรคต่างๆ เหล่านี้ได้แล้ว และเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อสู่ครอบครัวหรือผู้อื่นได้ด้วย
โลหิตประกอบด้วยเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด ถ้าแยกเอา 3 ส่วนนี้ออกก็จะเหลือแต่น้ำสีเหลืองๆที่เราเรียกกันว่าพลาสมา (plasma) plasma เองยังประกอบไปด้วย โปรตีนที่ดีต่างๆ เช่น albumin(อัลบูมิน), globulin (โกลบูลิน), factor 8 ซึ่งแพทย์สามารถแยกส่วนประกอบต่างๆ เหล่านี้ ไปรักษาผู้ป่วยโรคต่างๆ ได้ การบริจาคโลหิตอาจบริจาคได้ตั้งแต่โลหิตล้วนๆ หรือเลือกเอาเฉพาะเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด หรือเฉพาะพลาสมา
การบริจาคโลหิตหรือส่วนประกอบต่างๆ ของโลหิต ถือเป็นการทำบุญที่สุดยอด ทุกๆ คนที่แข็งแรงสามารถทำได้ ไม่ว่าจะรวยหรือจน ไม่ว่าเป็นคนระดับไหน เป็นการทำบุญทำทานที่ยิ่งใหญ่มาก ไม่ต้องคิด วางแผน ใช้เงินใช้ทองมากมาย แต่การบริจาคโลหิต คิดขึ้นมาก็ทำได้เลย เสียแต่เพียงเวลา มากบ้าง น้อยบ้าง แล้วแต่ผู้บริจาคว่าอยู่ใกล้หรือไกลจากที่รับบริจาค ผมจึงแนะให้แพทย์ ลูกศิษย์ทุกๆ คนพิจารณาไปบริจาคโลหิต เพราะแพทย์ทุกๆ คนมักไม่ค่อยมีเวลาทำกิจกรรมดีงามอื่นๆ แต่การบริจาคโลหิตแทบไม่ต้องคิดมาก ลงทุนอะไรเลย อยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ อาจเสียเวลาเพียงชั่วโมงเดียว และก็เป็นอย่างนี้จริงๆ เจ้าหน้าที่สภาชาดไทยหลายๆ ท่าน ทั้งหญิงและชาย ได้กรุณาบริจาคทุก 3 เดือน อย่างเช่น ผู้อำนวยการสำนักงานยุวกาชาด เป็นสุภาพสตรี ได้บริจาคมาประมาณ 90 ครั้งแล้วเห็นจะได้
ผู้ป่วยที่ขาดเลือดอาจเสียชีวิตได้ โดยที่ไม่น่าที่จะต้องเสียชีวิตเลยถ้ามีเลือด หรือการขาดเกล็ดเลือด(เลือดออกไม่หยุด) การขาดเม็ดเลือดขาว(ทำให้มีการติดเชื้อ) สหประชาชาติแนะว่า แต่ละประเทศควรบริจาคโลหิตอย่างน้อย 3% ของประชาชนของประเทศนั้น แต่ของเรายังน้อยกว่านั้น และประเด็นที่สำคัญอันหนึ่งคือ ประเทศไทยมีอุบัติเหตุบนท้องถนน มีคนเสียชีวิตบนท้องถนนปัจจุบันนี้ในอัตราที่มากที่สุดในโลก เป็นสถิติที่เราไม่น่าจะภูมิใจเลย
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงขอกราบเรียนเชิญ เชิญชวน พี่น้องชาวไทยทุกๆคนไปบริจาคเลือด กรุณาพิจารณาไปบริจาคเลือดในเดือนวันเกิด(หวังว่าจะเป็นการกระจายการบริจาค ไม่เป็นการกระจุกการบริจาคในช่วงวันที่สำคัญเท่านั้น) และขอให้กรุณาบริจาคโลหิตทุกๆ 3 เดือน ตลอดไปจนอายุครบ 70 ปี ถ้าท่านทำเช่นนี้ตลอดไป ท่านจะมีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯรับเข็มพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี หรือ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ
ขอกรุณาพิจารณาครับ ถ้ายังไม่ถึงวันเกิดก็ไม่เป็นไร ไปบริจาคก่อนวันเกิด 3, 6, 9 เดือนก็ยังได้
ขอบพระคุณมาก พวกเราต้องรู้ รัก สามัคคีกันตามพระราชดำรัสของพ่อหลวง ร.9 ของเรา ต้องพยายามทำดีถวายพระองค์ท่านตลอดไป ไม่ใช่ทำทีเดียวครับ จึงจะเรียกว่าเราเทิดทูนพ่อหลวงของเราจริง
ด้วยความขอบพระคุณและปรารถนาดียิ่ง
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี