การรักษามะเร็งด้วยการฉายรังสีเป็นการนำเอารังสีมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ สามารถใช้รักษาเพียงลำพังหรือใช้ร่วมกับการรักษาอื่นๆ ได้เช่น ผ่าตัด ยาเคมีบำบัด การใช้ยามุ่งเป้า (targeted therapy) เป็นต้นรังสีรักษาสามารถใช้ได้ในหลายระยะของโรคมะเร็ง และใช้ได้เพื่อการรักษาแบบหวังให้หายขาด (curative treatment) หรือ รักษาเพื่อประคับประคอง (supportive treatment)
รังสีรักษา หรือ “การฉายแสง” ส่งผลให้เซลล์มะเร็งที่ได้รับรังสีมีการเปลี่ยนแปลงในระดับยีน โดยทั่วไปมักฉายแสงหลายครั้ง ในแต่ละครั้งที่ฉายแสง เซลล์มะเร็งจะสะสมความผิดปกติของยีนมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้มีการแบ่งตัวผิดปกติและเซลล์นั้นก็จะตายลงปกติแล้วการฉายแสงจะทำให้เนื้อเยื่อหรืออวัยวะปกติที่อยู่รอบๆ มีโอกาสโดนรังสีไปด้วย แต่สามารถใช้รังสีรักษาเพื่อฆ่ามะเร็งได้ เนื่องจากเซลล์ของเนื้อเยื่อปกติสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ จึงสามารถทนรังสีได้มากกว่าเซลล์มะเร็งนั่นเอง
ก่อนเริ่มการฉายแสง ผู้ป่วยจะได้รับการทบทวนประวัติการรักษา, ตรวจร่างกายทั่วไป, ผลการตรวจเพิ่มเติมทางห้องปฏิบัติการ เช่น ผลเลือดผลการส่องกล้อง ผลเอกซเรย์ต่างๆ เป็นต้น, ข้อบ่งชี้ในการฉายแสง ตลอดจนตรวจยืนยันผลชิ้นเนื้อและระยะของโรคอีกครั้ง และผู้ป่วยควรจะเตรียมตัวสำหรับการฉายแสงโดย
1.การแต่งกาย ควรแต่งกายด้วยชุดที่สวมเข้าออกง่ายหรือสามารถเปิดเผยบริเวณที่ต้องการฉายแสงได้ดี เสื้อผ้าไม่รัดแน่นหรือเสียดสีกับผิวหนังบริเวณที่ฉายแสงมากเกินไป เนื่องจากการฉายแสง อาจมีผลข้างเคียงทำให้ผิวหนังไม่แข็งแรง ลอกหรือเป็นแผลได้ง่ายหากถูกเสียดสี
2.อาหาร กินอาหารที่เป็นอาหารปรุงสุก, สะอาดและครบ 5 หมู่ ยกเว้นกรณีที่ฉายแสงบริเวณลำไส้ ควรระมัดระวังการรับประทานอาหารที่ทำให้ท้องเสียได้ง่าย เช่น อาหารรสจัด, ของหมักดอง, นม หรือผักผลไม้ปริมาณมากๆ เป็นต้น
3.ยา สามารถกินยาเดิมได้ในระหว่างการฉายแสง แต่ควรแจ้งให้รังสีแพทย์ทราบเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ออกฤทธิ์ต่อกันได้ ไม่ควรใช้ยาสมุนไพร ยาลูกกลอน หรือยาอื่นๆ ที่ไม่มีหลักฐานทางการแพทย์สนับสนุนให้ใช้
4.การดูแลความสะอาดร่างกาย ในระหว่างการฉายแสงนั้น สามารถอาบน้ำได้เป็นปกติ แต่ควรงดการทาแป้ง, โลชั่น หรือยาทาใดๆ ลงในบริเวณที่ฉายแสง เพราะสารบางชนิดอาจมีผลกับการออกฤทธิ์ของแสงได้ค่ะหากมีความจำเป็นต้องใช้ ควรปรึกษาแพทย์รังสีรักษาก่อนทุกครั้ง หากต้องฉายแสงบริเวณศีรษะและลำคอ ผู้ป่วยจำเป็นต้องพบทันตแพทย์เพื่อทำฟันให้เรียบร้อยก่อนเริ่มการรักษา เพราะการฉายแสงทำให้น้ำลายแห้งและเสี่ยงต่อการฟันผุง่ายขึ้น และระยะยาวยังมีโอกาสเกิดกระดูกเน่าตายได้หากดูแลรักษาความสะอาดไม่ดี
5.การอยู่ร่วมกับผู้อื่น ผู้ป่วยสามารถอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นได้และไม่ต้องแยกห้องนอน แต่สำหรับการฉายแสงระยะใกล้แบบฝังแร่บางชนิดไว้ในร่างกาย ผู้ป่วยสามารถแพร่กระจายรังสีออกมายังคนรอบข้างได้เป็นระยะเวลาหนึ่งขึ้นกับชนิดของแร่ จึงต้องหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้เด็กและสตรีมีครรภ์, ต้องแยกห้องนอน, รวมถึงงดการมีเพศสัมพันธ์หรือต้องมีเพศสัมพันธ์แบบมีการป้องกัน ทั้งนี้ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ผู้รักษาอย่างเคร่งครัด
ผลข้างเคียงของการฉายแสง สามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เริ่มต้นฉายแสงไปจนกระทั่งฉายแสงจบไปเป็นเวลานานหลายปี ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นขึ้นกับบริเวณฉายแสงว่ามีอวัยวะอะไรอยู่ใกล้เคียง, ปริมาณแสงและเทคนิคที่ใช้,สภาพร่างกายเดิมของผู้ป่วยและโรคร่วมอื่นๆ รวมไปถึงการดูแลตนเองและปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ปกติแล้วผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นมักเป็นเฉพาะที่ คือ ฉายแสงบริเวณใดก็มักจะเกิดผลข้างเคียงเฉพาะบริเวณนั้นๆ เช่น การฉายแสงมะเร็งในช่องท้องส่วนล่าง จะทำให้เกิดท้องเสีย ถ่ายกะปริบกะปรอย และปัสสาวะบ่อยกว่าปกติได้ เป็นต้น นอกจากนี้ ผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้นมักสัมพันธ์กับปริมาณรังสีที่ได้รับ ดังนั้นก่อนเริ่มรักษา แพทย์จะเป็นผู้แนะนำว่าในกรณีของผู้ป่วยรายหนึ่งๆ จะเกิดผลข้างเคียงชนิดใดได้บ้างและมักเริ่มช่วงใดของการฉายแสง และอาจมียาให้กินเพื่อป้องกันหรือลดผลข้างเคียงดังกล่าวได้
พ.ต.หญิง.พญ.สุวิชชา คำพันธุ์นิพ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี