โดยทั่วๆ ไปคนที่ไม่รู้เรื่องหุ้นไม่ควรซื้อหุ้นเอง เพราะ 80-90% ของผู้ที่ลงทุนในหุ้นมักขาดทุน เพราะเล่นหุ้นโดยไม่ได้ศึกษามาก่อน ต้องศึกษาเรื่องหุ้นจนเข้าใจอย่างดีก่อน เช่น การดูพื้นฐาน
ของหุ้น ดูกราฟหรือดูทางเทคนิเคิลของหุ้นจนช่ำชอง เมื่อมีความรู้แล้วจึงค่อยซื้อหุ้นเอง เลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี แต่ต้องซื้อให้ถูกจังหวะด้วย คือถึงแม้หุ้นมีพื้นฐานดีแต่ไม่ต้องซื้อตอนที่ราคาแพงเกินไป และควรเลือกหุ้นที่มีการปันผลที่ดีด้วยในระหว่างที่เรารอให้ต้น (capital) ของหุ้นเราโต (อาจใช้เวลาหลายปี เช่น 7 ปีขึ้นไป ยิ่งนานยิ่งมีโอกาสโต) เราควรถือหุ้นยาว ระหว่างนี้เราจะได้รับปันผลไปพลางๆ ก่อน บางหุ้นมีการปันผล 5-7% ซึ่งดีกว่าฝากธนาคารมาก
การซื้อ LTF, RMF หรือกองทุนรวม ควรซื้อเป็นประจำทุกเดือน เพราะวิธีนี้จะช่วยเฉลี่ยราคาของกองทุน เช่น เราจะซื้อปีละ 60,000 บาท เราควรทยอยซื้อเดือนละ 5,000 บาทแทนที่จะค่อยๆ เก็บเงินไว้จนครบ 60,000 บาท แล้วจึงซื้อแต่ในช่วงที่เราเริ่มทำงาน เราคงมีเงินที่ลงทุนได้เพียงประมาณนี้ในแต่ละเดือน จึงไม่สามารถซื้อกองทุนทีเดียวเป็นก้อนใหญ่ไปเลยการซื้อ LTF, RMF หรือกองทุนรวม มีข้อดีหลายอย่างคือซื้อได้ทุกเดือนโดยไม่ต้องซื้อมาก บาง LTF, RMF กองทุนรวม อาจต้องซื้อเพียง 1,000 บาทต่อเดือนเท่านั้น (มีหุ้นหลายตัวที่ซื้อด้วยเงิน 1,000 บาทไม่ได้ เพราะการที่จะซื้อหุ้นแต่ละตัวจะต้องซื้ออย่างน้อย 100 หุ้น) สอง ทุกกองทุนจะมีผู้เชี่ยวชาญดูแลกองทุนให้ (ดี เพราะเราไม่มีความรู้ที่จะรู้ว่าจะซื้อ หรือขายอะไร เมื่อไหร่) สาม เราไม่มีเวลาที่จะติดตาม และสี่ การซื้อ LTF, RMF ยังสามารถนำยอดที่ซื้อ ไปคำนวณในการลดหย่อนภาษีรายได้ได้อีกด้วย
เงินที่เราฝากประจำจะต้องเสียภาษี เงินปันผลที่ได้จากหุ้นหรือกองทุนจะต้องเสียภาษีเช่นกัน แต่ถ้าเราซื้อกองทุนที่ไม่มีปันผล เพราะนำกำไรไปสมทบต้น ถ้าเราขายกองทุน กำไรที่ได้ไม่ต้องเสียภาษี สำหรับผู้ที่ไม่มีความรู้ แต่มีเงินเหลือในแต่ละเดือน ผมแนะให้ซื้อ LTF, RMF และกองทุนรวมเท่านั้น ก่อนที่จะซื้อหุ้นด้วยตนเองจะต้องศึกษา เรียนรู้ จนมีความรู้ดีมาก จึงค่อยๆ ซื้อหุ้นเอง ผมแนะนำให้หาความรู้จากการฟังข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นใน You tube ฟังทุกๆ วัน เป็นงานอดิเรก วันละ 30 นาที หรือเท่าที่แต่ละท่านว่าง ฟังในช่วงที่ท่านกำลังออกกำลังกาย (คือ เก่งเวลา ใช้เวลาให้เป็น) ฟังทุกๆ วัน หรืออาจดูทีวีช่อง Money Channel ไปด้วย ท่านก็จะค่อยๆ เก่งเอง ฯลฯ การจะซื้อ LTF, RMF หรือกองทุน อาจไปปรึกษาบริษัทหลักทรัพย์ (บลจ.) ซึ่งทุกธนาคารมี บลจ. หมด แต่ถ้าเราไปปรึกษาธนาคารหนึ่งธนาคารใด หรือ บลจ.ของธนาคารนั้นๆ ธนาคารนั้นจะแนะนำเพียง LTF, RMF และกองทุนรวมของเขาเท่านั้น จึงควรไปปรึกษาบริษัทที่มี LTF, RMF กองทุนรวม จากทุกบริษัทและธนาคารทั้งหมด โดยเปิดดูข้อมูลได้ใน settrade.com หรือ morningstar.com ซึ่งสามารถหาข้อมูลต่างๆ ได้ ดูย้อนหลัง ผลประกอบการ ฯลฯ เมื่อเลือกกองทุนที่ท่านคิดว่าดีที่สุดได้แล้ว จึงสั่งซื้อแบบรายเดือน หรือ DCA (Dollar Cost Average) เหตุผลหลักๆ คือ เพราะเรามีเงินแค่นี้เหลือต่อเดือน และเป็นการสร้างวินัยในการออมให้ตัวเอง ด้วยการซื้อทุกเดือน โดยไม่ต้องไปติดตามหรือคอยจำว่าเมื่อไหร่จะครบเดือน ฯลฯ
การออม การลงทุน ควรมีเป้าหมายชัดเจนว่าจะออม ลงทุน ไปเพื่ออะไร อย่างแรกเลยก็เพื่อตอนเกษียณอายุ ควรมีเป้าหมายว่า เราอยากจะเกษียณอายุเมื่อไหร่ โดยทั่วๆ ไปก็ 60 ปี (อีกหน่อยราชการอาจจะให้เกษียณตอนอายุ 65 ปี)เรามีเวลาเหลือที่จะลงทุนได้กี่ปี ควรออมตั้งแต่เริ่มทำงานและได้เงินเดือนๆ แรก ฉะนั้นเราก็น่าจะมีเวลา 30-38 ปี แล้วแต่ว่าเราเรียนอะไร เริ่มต้นทำงานเมื่ออายุเท่าไหร่ อย่างแพทย์กว่าจะได้เป็นอาจารย์ก็มัก 35 ปีไปแล้ว แต่น่าที่จะมีเงินเดือนตั้งแต่อายุ 22-24 ปี (จบ พ.บ.) เมื่อทราบว่าท่านมีเวลาที่จะลงทุนกี่ปี ต้องคิดต่อไปว่าจะมีชีวิตอยู่หลังเกษียณอีกกี่ปี สมัยนี้ประชาชนมีอายุยืนขึ้น เด็กที่เกิดปีนี้จะมีอายุยืนถึง 80 ปี ฉะนั้นเพื่อความปลอดภัย อาจต้องคำนวณว่าท่านอาจจะมีอายุยืนต่อไปหลังเกษียณอายุอีก 25-30 ปี หลังจากนั้นจึงคำนวณว่าท่านต้องการจะใช้เงินเดือนละเท่าไหร่ เช่น เดือนละ 30,000 บาท แต่ราคา 30,000 บาท ในปัจจุบัน จะมีค่าน้อยกว่านั้นมากในอีก 30 ปีข้างหน้า เพราะเงินเฟ้อทำให้ของแพงขึ้น ค่าของเงิน 30,000 บาทตอนนี้ อีก 30 ปีข้างหน้าอาจเป็น 72,000 บาท (ถ้าคำนวณจากเงินเฟ้อ 3% ต่อปี 30 ปี ตัวคูณคือ 2.4(ที่มา: หนังสือคนไทยฉลาดการเงิน – MONEY LITERACY, จักรพงษ์ เมษพันธุ์:ศักดา สรรพปัญญาวงศ์ : ถนอม เกตุเอม; 2559)) ฉะนั้นยอดเงินที่ท่านต้องมีเพื่อที่จะอยู่ได้อีก 30 ปี คือ 72,000 บาท x 12 x 30 ปี หรือ 25,920,000 บาท?!
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี