ถ้าท่านอยากมีเงินใช้ใน 30 ปีข้างหน้า 30,000 บาทต่อเดือน และจะมีชีวิตอยู่หลังเกษียณอีก 30 ปี ท่านต้องคำนวณเรื่องเงินเฟ้อด้วย ถ้าคิดเงินเฟ้อปีละ 3% อีก 30 ปีข้างหน้า ตัวคูณ
สำหรับเงินเฟ้อคือ 2.4 ยอดเงินที่ท่านต้องมีคือ 30,000x2.4 หรือ 72,000 บาทต่อเดือน และถ้าท่านจะอยู่อีก 30 ปี ยอดเงินที่ต้องมีคือ 72,000 บาท x 12 x 30 เท่ากับ 25,920,000 บาท!?
ฟังดูอาจตกใจ แต่ถ้าท่านออมและลงทุนตั้งแต่อายุ 25 ปีอย่างต่อเนื่อง (มีเวลาออมและลงทุน 35 ปีก่อนเกษียณ) ท่านจะมีเงินเกิน 26 ล้านแน่ เพราะจะมีการออม ลงทุน ต่างๆ เช่น กองทุน กบข. (สำหรับข้าราชการสามารถออมได้ตั้งแต่ 3-15% โดยราชการสมทบให้ 3%) หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (เอกชน ออมได้ตั้งแต่ 2-15% ของเงินเดือน บริษัทอาจให้สมทบเท่าไหร่ก็ได้ระหว่าง 2-15%) ซึ่งทั้ง กบข.และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเราควรลงทุนให้เต็มที่ คือ 15% แต่ต้องเลือกลงทุนในกองที่ลงในหุ้นให้มากที่สุด (ทั้งหมดมีให้เลือกได้ 5 กอง) ถ้าเราไม่เลือก ผู้บริหารจะเลือกกองทุนระดับกลาง หรือแบบอนุรักษ์ให้ ซึ่งจะให้ค่าตอบแทนในระยะ 30 ปีสู้กองทุนที่เน้นหุ้นไม่ได้ นอกจากนั้นยังมีประกันสังคม กอช.(สำหรับแรงงานนอกระบบ) มี LTF, RMF, กองทุนรวม, หุ้น, ทองคำ,บ้านให้เช่า ฯลฯ อีก ยกตัวอย่าง ลูกศิษย์ผมได้เงินเดือน 28,000-30,000 บาท จากเงินเดือน ค่าอยู่เวร และมีอายุเพียง 28 ปี จะสามารถเก็บออม ลงทุน ได้เดือนละ 15,000- 20,000 บาทสมมุติว่าคุณหมอซื้อกองทุนรวมที่ไม่มีปันผล แต่นำกำไรไปทบต้น คุณหมอซื้อเดือนละเพียง 10,000 บาท ฝากระยะยาวไปเลย 30 ปีจนเกษียณ ถ้าคิดว่ากองทุนรวมนี้ได้ผล 10% ต่อปี (ต้องฝากระยะยาว เช่น 10 ปีขึ้นไป ถ้าฝากสั้น หุ้นอาจผันผวนได้มาก) ภายใน 30 ปี 10,000 บาท จะกลายเป็น 174,500 บาท นี่ผมพูดถึงเงิน 10,000 บาท เท่านั้นต่อ 1 เดือน แต่คุณหมอฝากทุกเดือน 30 ปี ฉะนั้นจะเห็นได้ว่าหลังอายุ 60 ปีคุณหมอจะมีเงินก้อนแต่ละเดือน 174,500 บาท (แต่การลงทุนเอาไปรวมหมดเป็นก้อนเดียว) ทั้งนี้ยังไม่ได้คำนวณถึงรายได้ที่คุณหมอจะได้เพิ่มขึ้น
ถ้าทำเอกชนบ้างในช่วงวันหยุดปลายสัปดาห์ ถ้าคิดแต่เพียงว่าคุณหมอจะลงทุน 10,000 บาททุกเดือน 30 ปี คุณหมอจะลงทุนทั้งหมด 12 x 30 หรือ 360 เดือน หรือ 3,600,000 บาทเท่านั้น แต่คุณหมอจะได้รับ 174,500 บาทต่อเดือน รวมแล้ว 360 เดือน หรือ 62,820,000 บาท! นี่คิดแบบง่ายที่สุด แต่ 10,000 บาทสุดท้าย ฯลฯ เพิ่งลงไปก่อนเกษียณเท่านั้น
ประเด็นที่สำคัญคือต้องเริ่มออม ลงทุน ตั้งแต่เงินเดือนเดือนแรกและทำอย่างสม่ำเสมอ ตลอดเวลา ทุกเดือน การลงทุนท่านอาจแบ่งเป็นเพื่อเกษียณ และในระยะสั้น เช่น เพื่อการศึกษา (ต่อ) แต่งงาน ซื้อบ้าน รถ ฯลฯ ซึ่งสำหรับระยะสั้นนี้ ท่านอาจลงทุนในกองทุนรวมที่ผสม คือมีทั้งหุ้นและตราสารหนี้ ฯลฯ การลงทุนระยะสั้นท่านอาจเลือกกองทุนที่มีปันผล ส่วนกองทุนสำหรับเพื่อใช้ตอนเกษียณอาจเลือกกองทุนที่ไม่มีปันผล แต่นำกำไรไปทบต้น เพราะการทำเช่นนี้จะทำให้เงินต้นของเรางอกงามเร็วมาก เช่น ทุก 7 ปี จะกลายเป็น 2 เท่าของเงินที่ลงทุน ถ้าได้ผลตอบแทนปีละ 10% ทุกปี
ท่านต้องทราบก่อนว่าการลงทุนนั้นท่านสามารถลงทุนได้ ตั้งแต่การฝากธนาคารในบัญชีออมทรัพย์ ฝากประจำตราสารหนี้ หุ้นกู้ LTF RMF กองทุนรวม หุ้น ซึ่งเริ่มจากการที่มีความเสี่ยงน้อย แต่มีรายได้ต่ำ (ต่ำมากจนต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ!) จนไปถึงหุ้นที่มีความเสี่ยงมาก แต่มีโอกาสที่จะมีรายได้มากยิ่งขึ้นด้วย ถ้าท่านอยากมีรายได้ที่มากกว่าเงินเฟ้อ และมีความเสี่ยงที่พอรับได้ ท่านอาจลงทุนในตราสารหนี้ หุ้นกู้ หรือกองทุนรวมที่มีตราสารหนี้ 80% หุ้น 20% หรือตราสารหนี้ 60 หุ้น 40% หรือตราสารหนี้ 40 หุ้น 60% ตามลำดับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ฯลฯ ยิ่งมีอัตราส่วนเป็นหุ้นมากก็มีความเสี่ยงมาก ยิ่งมีตราสารหนี้มากก็ยิ่งมีความเสี่ยงน้อย แต่ถ้ามีความรู้ทางด้านหุ้น ทางด้านการเงินดี เช่น กองทุนรวม จะมีผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้จัดการบริหารกองทุนนั้นให้ ความเสี่ยงก็จะลดลง (ดีกว่าเราลงทุนเองเป็นอย่างมาก) ถ้ามีความรู้มากจริง ความเสี่ยงที่มีมากก็จะลดลง และยิ่งถ้าเราลงทุนต่อเนื่อง 10 ปีขึ้นไป จะยิ่งมีความเสี่ยงน้อย เพราะหุ้น 1 ตัวใน 1 ปี อาจมีความผันผวนได้ตั้งแต่ ลบ 50% จนถึงบวก 120% แต่ในระยะยาว 10 ปีขึ้นไปแล้ว รายได้เฉลี่ยจากกองทุนรวมหรือหุ้น (บริหารโดยผู้ที่มีความรู้) น่าจะได้ 10% ต่อปี
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี