ท่านนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยากให้ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน แล้วเราจะต้องทำอะไรบ้างที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นเช่นนี้ ประเทศไทยมีศักยภาพ
ที่จะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วเป็นอย่างมาก เรามีทรัพยากรตามธรรมชาติอย่างมากมาย อย่างที่พูดกันว่า “ในน้ำมีปลาในนามีข้าว” เราเป็นประเทศเกษตรกรรม ที่สามารถผลิตอาหารต่างๆ พืช ผัก ผลไม้ (ตลอดทุกฤดูกาล) เนื้อสัตว์ต่างๆ เช่น ไก่ หมู ปลา กุ้ง อาหารทะเลอื่นๆ ฯลฯ เราผลิตได้มากกว่าที่เรากิน เราใช้เอง และยังส่งออกไปนอกอีกด้วย และเรายังมีอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น รถยนต์อิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ ที่เราส่งออกนอกด้วย ประเทศที่เจริญแล้วหลายๆ ประเทศ ไม่มีทรัพยากรทางธรรมชาติเลย ยังปลูกพืช ผัก ผลไม้ หรือเลี้ยงสัตว์ต่างๆ ไม่พอกินพอใช้ในประเทศของตนเอง ต้องอาศัยการนำเข้าของสิ่งต่างๆ เหล่านี้มาจากต่างประเทศ รวมทั้งก๊าซ น้ำมัน ฯลฯ ตัวอย่างของประเทศเหล่านี้คือ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลี ฯลฯ ประเทศต่างๆ เหล่านี้แทบไม่มีทรัพยากรอะไรเลย ซ้ำประเทศยังมีพื้นที่น้อย ไม่เพียงพอต่อการเพาะปลูก เพราะเป็นภูเขาทั้งนั้น (ญี่ปุ่น) บางประเทศแม้แต่น้ำกินยังต้องนำเข้า (สิงคโปร์) แต่ประเทศต่างๆ เหล่านี้มีความมั่นคง เป็นประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งนั้น มีคนที่มีคุณภาพ มหาวิทยาลัยของประเทศต่างๆ เหล่านี้ ติดอันดับต้นๆ ของโลก (สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ฯลฯ) คนของเขามีระเบียบวินัยมาก ขยัน ซื่อสัตย์รับผิดชอบ ที่มีมากที่สุด คือ เขามีวินัย ทุกๆ คนรู้จักหน้าที่ของตนเอง ไม่ต้องมีการบอก บังคับ ตรงกันข้าม ประเทศไทยมีทุกอย่าง มีชายทะเลเป็นพันกิโลเมตร มีภูเขา ป่า แม่น้ำ ทะเลสาบ มีที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมชมชื่นของชาวโลก แต่พวกเราไม่ค่อยมีวินัย อาจจะเป็นเพราะว่าเรามีทุกอย่าง จึงไม่ต้องรีบทำงาน ไม่ต้องมีวินัย ค่อยๆ ไป “ไม่เป็นไร” “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” ถึงไม่ทำงานอะไรก็ไม่อดตาย ไปเก็บพืช ผักในคลองกินได้ ฯลฯ
ผมเคยถามชาวเกาหลีใต้ว่าทำไมประเทศเขาจึงเจริญมากมายเช่นนี้ ทั้งๆ ที่ประเทศเขาไม่มีทรัพยากร ไม่มีอะไรเลย มีพื้นที่ประเทศเพียง 100,210 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น ประเทศไทยมีถึง 513,120 ตารางกิโลเมตร และยังมีทรัพยากรอีกมากมาย ท่านทราบไหมว่าชาวเกาหลีเขาตอบว่าอย่างไร เขาตอบว่าเพราะเราไม่มีอะไรนะสิ เราจึงต้องขยัน อดทน สู้ ผมไม่อยากจะตอบเขาว่า เรามีทุกอย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว รวมทั้งวัฒนธรรม คนไทยเป็นคนที่น่ารัก มีศักยภาพสูง แต่ไม่มีโอกาส หรือคนมีโอกาสแต่ขี้เกียจ ไม่มีวินัย ไม่ “หนักเอาเบาสู้” ชาวต่างชาติชอบประเทศไทยมาก มาเที่ยวกันบ่อย เพราะเรามีที่เที่ยวมากมาย หลากหลาย คนไทยเป็นคนใจดี ต้อนรับคนเก่ง โดยเฉพาะแขกบ้านแขกเมือง เราต้อนรับหมด ไม่ว่าเชื้อชาติ ศาสนา คนประเทศใด เรามีความเป็นกลาง ใจดี มีน้ำใจ ถ้าเรามีแขกมาเยือน ถึงเราไม่มีฐานะดี เราก็ยังดูแลแขกของเราอย่างดี บางครั้งถึงกับไปกู้ยืมมาเลี้ยงแขกของเราด้วย อันนี้ก็เกินไป แต่คนไทยเป็นแบบนั้นจริงๆ ฝรั่ง แขก ใครมาประเทศไทย ต่างติดใจในเมืองไทยและน้ำใจคนไทยทั้งนั้น จะเห็นตัวอย่างได้ในกรณีของทีมหมูป่า 13 คนที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง ที่ชาวโลกต่างทึ่งในน้ำใจของคนไทย
แล้วทำไมเราจึงเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา เรา “กำลังพัฒนา” มานานมากแล้ว สมัยก่อน ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ฯลฯ มาดูงานที่ประเทศไทย แต่เดี๋ยวนี้ 3 ประเทศก้าวหน้าข้ามประเทศไทยไปไกล
สุดโต่ง ทำไม? ทำไม? ทำไม?
เป็นเพราะว่าคนไทยเรายังไม่มีคุณภาพ เรายังไม่ใช่นักสู้ ยังไม่ค่อยมีวินัย เพราะบางคนเกิดมาสบาย ไปเรื่อยๆ บางคนไม่มีโอกาส ไม่มีโอกาสที่จะเรียนในโรงเรียน หรือโรงเรียนที่ดีๆ ระบบการสอนของเรายังไม่ดี ครูยังไม่มีคุณภาพ และมีความแตกต่างอย่างมาก ระหว่างโรงเรียนที่อยู่ในกรุงเทฯพกับโรงเรียนที่อยู่ในต่างจังหวัด เด็กที่เกิดท่ามกลางความยากจน ถ้ามีโอกาสเรียนมักจะเรียนได้ดี เพราะเขาเคยขาดสิ่งต่างๆในชีวิตที่นำมาสู่ความสุข ความเจริญ เด็กพวกนี้จะมีวินัย จะขยัน เห็นคุณค่าของเงินทอง จะกัดไม่ปล่อย ฯลฯ
คนเป็นทรัพยากรที่มีค่า มีความสำคัญมากที่สุด ของแต่ละประเทศ ของแต่ละสังคม ฉะนั้นทุกประเทศจะต้องลงทุนในการพัฒนาคนให้มากที่สุด ประเทศไทยเองก็ทราบถึงประเด็นนี้ จึงได้ทุ่มงบประมาณให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นระดับต้นๆ ของกระทรวงที่ได้งบประมาณมากที่สุด คือ ประมาณ 5 แสนล้านบาทต่อปีมาหลายปีดีดัก แต่เรายังแก้ไม่ถูกจุด เพราะคนของเรายังไม่มีคุณภาพดีพอ เรียนจบปริญญาตรี ฯลฯ แต่หางานทำไม่ได้ หรือทำงานได้ไม่ดี ผลิตบัณฑิตออกมาแล้วไม่ตรงกับความต้องการของตลาด หรือทำงานไม่ได้ตามเป้าหรือตามความต้องการของหน่วยงานนั้นๆ ฯลฯ ผมพูดมานานแล้วว่าเราควรมีคณะกรรมการแห่งชาติที่ดูแลเรื่องกำลังคนในสาขาอาชีพ วิชาชีพ ต่างๆ ในระยะสั้น กลาง ยาว รวมทั้งอาชีวะ อนุปริญญา ปริญญาตรี โท เอก นักวิจัย ฯลฯ เพื่อที่จะป้องกันการผลิตมากไปของบางอาชีพและจะได้ผลิตอาชีพที่ประเทศต้องการ ขณะนี้บ้านเราขาดอาชีวะมาก ขาดแพทย์ทั้งในภาพรวมและเฉพาะอนุสาขา พยาบาลขาดมาก หลายหมื่นคน และอาชีพอื่นๆ อีกมากมาย เราต้องลงทุนเรื่องการวิจัย มีเงินเดือนให้เพียงพอสำหรับนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัยเหล่านั้น และต้องดูแลบุคลากรต่างๆ ให้ครบวงจร ไม่ใช่สักแต่ผลิตลูกเดียว เช่น การผลิตแพทย์ประจำครอบครัว (general practitioner) ต้องผลิตอย่างมีคุณภาพ แล้วต้องมีงานให้เขาทำ โดยมีเงินเดือนที่สมศักดิ์ศรี ฯลฯ ด้วย สำหรับแพทย์ทุกสาขาต้องผลิตให้มีปริมาณและคุณภาพที่ดีและพอเพียง และต้องมีวิธีกระจายแพทย์เหล่านี้ให้ไปอยู่ได้ทั่วประเทศ ด้วยความสมัครใจ ต้องดูแลเรื่องเงินเดือน ที่พัก ความปลอดภัย ความก้าวหน้า และโรงเรียนที่ดีสำหรับลูกหลาน ฯลฯ
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี