ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย มีหน้าที่จัดหาโลหิตและส่วนประกอบของโลหิตอย่างมีคุณภาพ ปลอดภัย และเพียงพอ สำหรับประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งองค์การอนามัยโลกแนะนำว่า ควรมีผู้บริจาคโลหิต 3% ของประชากรทั้งประเทศ ซึ่ง 3% ของประชากร 67 ล้านคน คือ ประมาณ 2,010,000 คน และควรมีโลหิตเพียงพอสำหรับ 4-5% ของประชากร ถ้าคิดจาก 5% ก็คือ 3,350,000 ยูนิตต่อปี
จากรายงานประจำปีงบประมาณ 2559 ของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ พบว่าในปี 2559 มีผู้ทีมีจิตศรัทธามาบริจาคที่ศูนย์ฯ ทั้งปี321,405 ยูนิต หรือเฉลี่ยวันละ 881 ยูนิตเท่านั้น แต่ยังสามารถหาโลหิตจากหน่วยเคลื่อนที่ที่ออกไปจากศูนย์ฯ ตลอดปีงบประมาณ 2559 ถึง 339,782 ยูนิต หรือเฉลี่ยวันละ 931 ยูนิต รวมทั้งปีงบประมาณ 2559 ทั้งในและนอกศูนย์บริการโลหิต มีผู้บริจาคโลหิต 661,187 ยูนิต
แต่ข้อมูลมีอยู่ว่า ในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 (5/12/58) ได้มีผู้บริจาคโลหิตในศูนย์ฯ ถึง 3,302 ยูนิต ในวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ 12/8/59 มีผู้บริจาคถึง 3,191 ยูนิต ซึ่งช่วง 2 วันนี้ จะเป็นช่วงที่มีผู้บริจาคมากที่สุด ทำให้การดูแลท่านผู้มีจิตศรัทธาเหล่านี้เป็นไปอย่างไม่ทั่วถึง หรือไม่ดีเท่าที่ควร เช่น อาจต้องใช้เวลานาน ฯลฯ เท่าที่เคยถามเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ ทราบว่าจำนวนผู้บริจาคโลหิตที่ศูนย์รับได้ต่อวัน ณ ที่ศูนย์บริการโลหิต แบบไม่หนักมากเกินไปนัก คือ 2,000 คน (หรือยูนิต) ถ้าได้ 2,000 ยูนิตต่อวัน ทุกวัน 364 วัน (ยกเว้น 1 มกราคม) จะได้เฉพาะผู้ที่มาบริจาคที่ศูนย์ถึง 728,000 ยูนิตต่อทั้งปี นี่คิดเฉพาะโลหิตที่รับ ณ ที่ศูนย์เท่านั้น และจะยังมีอีกประมาณ 340,000 หน่วย จากหน่วยเคลื่อนที่ของศูนย์ทั้งปี ถ้าเป็นเช่นนี้ทางศูนย์จะได้โลหิตทั้งปี 1,068,000 ยูนิต แต่ก็ยังไม่พอต่อความต้องการของประเทศ
แต่นอกจากการรับบริจาคโลหิตของศูนย์แล้ว ยังมีภาคบริการโลหิตอีก 12 ภาค และงานบริการโลหิต สถานีกาชาดหัวหินเฉลิมพระเกียติ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งการรับบริจาคที่ภาคค่อยๆ เพิ่มขึ้นทุกๆ ปี ด้วยความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ภาคบริการโลหิตต่างๆ ท่านนายกและกรรมการเหล่ากาชาดของทุกจังหวัด โรงพยาบาลทุกๆ โรงพยาบาลในท้องที่ของแต่ละภาค รวมทั้งประชาชนที่มีจิตอาสามาบริจาคโลหิตเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี
ในปีงบประมาณ 2559 ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติได้จ่ายโลหิตให้โรงพยาบาลรัฐบาลในกรุงเทพฯ 151,912 ยูนิต เอกชนในกรุงเทพฯ 194,248 ยูนิต, โรงพยาบาลรัฐบาลในต่างจังหวัด 139,839 ยูนิต และโรงพยาบาลเอกชนในต่างจังหวัด 61,386 ยูนิต
จำนวนผู้บริจาคโลหิต ปี 2550, 51, 52, 53, 54, 55, 56, 57, 58 และ 59 มี 311,056 คน, 303,955 คน, 324,890 คน, 342,318 คน, 341,622 คน, 356,329 คน, 370,657 คน, 375,234 คน, 391,427 คน และ 373,396 คน ตามลำดับ จะเห็นได้ว่าผู้บริจาคในปี 2550 มี 311,056 คน จำนวนนี้ได้เพิ่มขึ้นเป็น 373,396 คนในปีงบประมาณ 2559
แต่ตัวเลขที่น่าสนใจ คือ มีผู้บริจาคโลหิต 1 ครั้ง, 2 ครั้ง, 3 ครั้ง และเกิน 4 ครั้ง สำหรับปีงบประมาณ 2550 (และ 2559) คือ 66.95% (55.64%), 16.41% (22.43%), 10.10% (13.99%) และ 6.54% (7.94%) ตามลำดับ
จะเห็นได้ว่าในปี 2550 มีผู้บริจาคโลหิตครั้งเดียวถึง 66.95% แต่ในปีงบประมาณ 2559 ผู้บริจาคโลหิตครั้งเดียวลดลงเป็น 55.64% (หมายความว่ามีผู้บริจาคเพิ่มขึ้นกว่า 1 ครั้ง) และบริจาค 2 ครั้งเพิ่มเป็น 22.43% 3 ครั้งเป็น 13.99% และ 4 ครั้งหรือมากกว่าเป็น 7.94% ผู้ที่บริจาคครั้งเดียวในปี 2559 ลดลง เมื่อเทียบกับปี 2550 แต่ก็ยังเป็นแสนคน ฉะนั้น ศูนย์ฯควรที่จะพยายามประชาสัมพันธ์ รณรงค์ให้ประชาชนผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเพิ่มจาก 1 ครั้งเป็น 2 หรือ 3 หรือ 4 ครั้ง ถ้าทำได้เช่นนี้ปัญหาการรับบริจาคโลหิตแทบจะหมดหายไป เพราะที่ศูนย์มีผู้บริจาคโลหิตในปี 2559 373,396 คน ถ้าทุกท่านจะกรุณาบริจาค 4 ครั้งต่อปี (373,396 คน) จะได้โลหิตถึง 1,493,584 ยูนิต นี่คิดเฉพาะที่รับบริจาคที่ศูนย์เท่านั้น ฉะนั้นศูนย์จะต้องพยายามดูแลผู้บริจาคครั้งเดียว(และทุกท่าน)ให้ดีที่สุด ให้ท่านเหล่านี้ติดใจ พอใจในการบริการ เอาใจใส่ของเจ้าหน้าที่
สำหรับผมๆ อยากให้มีผู้มีจิตศรัทราทยอยมาบริจาคตลอดเวลา โดยไม่ต้องเน้นไปที่วันที่สำคัญ เราสามารถบริจาคโลหิตถวายเป็นพระราชกุศลต่อในหลวงและสมเด็จพระราชินีด้วยการอธิษฐานถึงท่านในวันอื่นๆ ก็ได้ ผมเสนอว่าใครเกิดเดือนไหน ขอให้ไปบริจาคเดือนนั้น วันไหนก็ได้ที่สะดวก แล้วไปบริจาคทุก 3 เดือนหลังจากนั้น ถ้าทุกๆ คนทำแบบนี้ จะเป็นวิธีการวิธีหนึ่งในการกระจายผู้บริจาคโลหิต ไม่ต้องไปกระจุก ณ วันใดวันหนึ่ง เราสามารถทำบุญได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องไปวันที่สำคัญเท่านั้น อาจถือได้ว่าเป็นการ “ปิดทองหลังองค์พระปฏิมา” ด้วยวิธีหนึ่ง ใครไม่รู้ไม่เป็นไร แต่ฟ้ามีตา
การบริจาคโลหิตเป็นวิธีการช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ที่ง่ายที่สุด โดยไม่ต้องเสียเวลาในการคิดโครงการอะไรขึ้นมา ไม่ต้องใช้งบประมาณ นอกจากเสียเวลาเพียงเล็กน้อย ขอแจ้งให้นิสิตนักศึกษา ทราบด้วยว่า เวลาไปสมัครเรียน ทำงาน ที่ต่างประเทศ องค์กรที่พิจารณาเรา จะสนใจมาก ถ้าเราบริจาคโลหิตเป็นประจำ และหรือช่วยงานสภากาชาดไทย
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี