“ปีใหม่” เป็น ”เทศกาลแห่งความสุข” เป็นช่วงเวลาแห่งความยินดีการรื่นเริงและการเลี้ยงฉลอง สำหรับคนที่มีสัตว์เลี้ยงต้องพึงระวังว่าสิ่งที่เรานำมาฉลองเพื่อให้เกิดความสนุกสนานในกลุ่มครอบครัวและมิตรสหายนั้น จะต้องไม่ทำให้เกิดอันตรายกับสัตว์เลี้ยงของเรานะครับสัปดาห์นี้ เรามาคุยกันเรื่องที่ควรระวังสำหรับสัตว์เลี้ยงในช่วงเทศกาลมาคุยกันครับ
สิ่งแรกก็คือ “เสียงดังของการจุดดอกไม้ไฟ” เราพบว่าในช่วงเทศกาลใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นปีใหม่ ตรุษจีน หรือลอยกระทง จะเป็นเทศกาลที่มีการฉลองโดยการจุดพลุ ดอกไม้ไฟและประทัด ที่ทำให้เกิดเสียงดัง ซึ่งในช่วงนี้ของทุกปีที่ผ่านมาจะมีสุนัขและแมววิ่งเตลิดหายไปจากบ้านเป็นจำนวนมากเนื่องจากตกใจเสียงดังของประทัด ตัวที่ตามกลับมาได้ก็มีบ้าง ตัวที่หายไปเลยก็มีไม่น้อย เนื่องจากสุนัขจะมีปฏิกิริยาไวต่อเสียงดัง จะมีอาการกระวนกระวาย ตื่นเต้น และหวาดกลัว สิ่งที่เราควรทำคือ พยายามปลอบและดูแลอย่างใกล้ชิดในช่วงที่มีการจุดประทัด และที่สำคัญ อย่าลืมที่จะปิดประตูและกั้นช่องทางต่างๆ ที่สุนัขสามารถลอดผ่านออกมาและวิ่งเตลิดหายออกไปนอกบ้านได้ด้วยนะครับ
ถัดมาคือเรื่อง “อาหาร ขนม และของกิน” ที่เราใช้ฉลองกันในช่วงเทศกาลนั้น มีหลายอย่างที่อร่อยสำหรับคน แต่เป็นอันตรายกับสัตว์เลี้ยงครับ ตัวอย่างสิ่งที่ “ไม่” เป็นผลดีต่อสุขภาพสุนัขก็ได้แก่...
1.เค้กและคุกกี้ช็อกโกแลต ขนมหวานแสนอร่อย ที่ทำมาจากผงโกโก้ จะมีส่วนผสมของสารธีโอโบรมีน (theobromine) และกาเฟอีน(caffeine) ซึ่งสารทั้ง 2 ชนิดนี้ เป็นองค์ประกอบของเมธิลแซนทีน(methylxanthine) ซึ่งออกฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางและระบบไหลเวียนโลหิต ผลก็คือจะทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง เกิดอาการกระวนกระวาย ตื่นเต้น ตื่นตัวมากกว่าปกติ หากได้รับปริมาณมากเกินไปอาจทำให้หายใจหอบ ปัสสาวะมาก คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสียกล้ามเนื้อกระตุก ไปจนถึงชักได้
2.องุ่นและลูกเกด (raisin) ในเค้กผลไม้ อาจทำให้สุนัขและแมวเกิดภาวะไตวายได้ สัตว์จะมีอาการอาเจียน ท้องเสีย อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ตัวสั่น ขาดน้ำ ปัสสาวะน้อย จนกระทั่งไม่มีปัสสาวะเลยโดยมักเริ่มแสดงอาการหลังกินเข้าไป 6-12 ชั่วโมง สารที่คาดว่าทำให้เกิดพิษคือ ฟลูออไรด์ (fluoride) ถึงแม้ว่าจะยังไม่ทราบกลไกที่แน่ชัดแต่ก็อาจทำให้สุนัขเสียชีวิตได้ เราควรต้องระวังครับ
3.กระดูกไก่และก้างปลา โดยเฉพาะก้างกลางหรือกระดูกชิ้นใหญ่อื่นๆ ในปลาตัวโตๆ เนื่องจากลักษณะฟันของสุนัขและแมว ไม่ได้สร้างมาเพื่อการเคี้ยวอาหาร ดังนั้นสุนัขและแมวจะฉีกหรือกัดอาหาร เพียงแค่พอให้แตกให้พอกลืนได้ แล้วสัตว์จะ “กลืนเลย”
เราจะสังเกตได้ว่ากระดูกไก่ (โดยเฉพาะส่วนกระดูกน่อง) เมื่อกัดหรือถูกทำให้แตก จะมีลักษณะที่แหลม และพร้อมที่จะทิ่มตำทางเดินอาหารได้ง่าย ซึ่งเป็นอันตรายมากครับ กระดูกสันหลัง (กระดูกแกนกลาง) ของปลาตัวโตๆ ก็มีอันตรายต่อทางเดินอาหารของทั้งน้องแมวและน้องหมาเช่นกันครับ
4.หัวหอมและกระเทียม เนื่องจากมีส่วนประกอบของ thiosulphate ซึ่งสุนัขและแมว ไม่มีเอนไซม์สำหรับย่อยสารนี้ เมื่อได้รับสารนี้เข้าไปจะไปทำปฏิกิริยากับฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ทำให้ผนังเม็ดเลือดแดงอ่อนแอ อายุสั้น และแตกในที่สุด จะเกิดภาวะโลหิตจาง เกิดอาการหอบ หายใจลำบาก เหงือกซีด หัวใจเต้นเร็ว (ส่วนกระเทียม จะมีส่วนประกอบของ thiosulphate น้อยกว่าในหัวหอม จึงอาจมีพิษน้อยกว่า)
@ แต่ถ้าหากเจ้าตูบ-เจ้าเหมียวของเราเผลอไปกินอาหารต้องห้ามเหล่านั้นเข้าไปแล้ว เราก็มีหลักในการจัดการเบื้องต้น ดังนี้ครับ
-อย่าให้เจ้าตูบกินเข้าไปเพิ่มขึ้น โดยรีบเอาของอาหารเหล่านั้นที่ยังคาอยู่ที่ปากออกมา
-พยายามทำให้สุนัขอาเจียนเอาอาหารที่กลืนเข้าไปแล้วออกมา(แต่ควรทำภายใน 1-2 ชม. แรกที่ได้รับเข้าไปเท่านั้นนะครับ เพราะเราหวังผลว่าสารพิษเหล่านั้นยังไม่ถูกดูดซึมมากนัก) แต่หากทิ้งระยะเวลาไว้นานกว่านี้ สารเคมีเหล่านั้นถูกดูดซึมไปมากแล้ว การทำให้สัตว์อาเจียนตอนนั้น จะไม่มีผลอะไร เนื่องจากสารเคมีเหล่านั้นถูกดูดซึมไปมากแล้ว
-ส่วนสารบางประเภทที่มีฤทธิ์ระคายเคืองทางเดินอาหารมากๆ อาจต้องใช้วิธีลดการดูดซึมสารพิษในทางเดินอาหารสู่กระแสเลือดแทนที่จะให้ขย้อนออกมา โดยการป้อนผงถ่าน (activated charcoal)
-รีบพาไปพบสัตวแพทย์ให้เร็วที่สุด อย่าปล่อยทิ้งไว้นานจนอาการแย่ จะทำให้การรักษายากมากขึ้น และที่สำคัญต้องพยายามให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับคุณหมอให้มากที่สุดด้วย เพื่อการรักษาที่ถูกต้องและทันท่วงทีครับ
เมื่อเราทราบถึงอันตรายที่สามารถเกิดขึ้นได้แล้ว เราจึงควรระมัดระวัง และป้องกันผลเสียที่จะเกิดขึ้นด้วยครับ ตัวการสำคัญก็คือ “ตัวเราเอง” เมื่อฉลองปีใหม่หรือรับประทานอาหาร ขนม และผลไม้ที่มีส่วนประกอบของสารที่กล่าวมาแล้วละก็ ห้ามเผลอและห้ามใจอ่อน เอาของเหล่านั้นให้กับน้องหมา-น้องแมวเด็ดขาด และที่สำคัญควรเก็บอาหารเหล่านั้นให้มิดชิด ไม่ให้สัตว์เลี้ยงรื้อค้นได้ด้วย รวมถึงแม้แต่เศษที่เหลือทิ้ง ก็ควรทิ้งในที่ที่สัตว์เลี้ยงไม่สามารถคุ้ยเขี่ยมากินได้ เพียงเท่านี้เราก็สามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่สัตว์เลี้ยงจะได้รับสารที่เป็นอันตรายในอาหารในช่วงเทศกาลได้แล้วล่ะครับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี