(ต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว)
เสวนา “การพัฒนากลไกป้องกันเด็กและเยาวชนจากการพนันฟุตบอลออนไลน์ สรุปได้ ดังนี้
๑.นายพชรพรรษ์ ประจวบลาภ สถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย ได้กล่าวว่า การถอดบทเรียนการดำเนินงานลดผลกระทบจากการพนันฟุตบอลออนไลน์ โดยสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย ซึ่งทำงานร่วมสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทยมาอย่างเข้มแข็ง ผลการเฝ้าระวังติดตาม (monitor) พบว่ากลไกการตลาดหรือกลยุทธ์ธุรกิจการพนันออนไลน์ใช้ ๓ หลัก ในการทำการตลาดกับเยาวชน ได้แก่(๑) การทำซ้ำ (Repetition : R) คือ เป็นการทำให้เยาวชนเห็นสื่อโฆษณาหรือเห็นเรื่องราวเกี่ยวกับพนันบ่อยๆ ซ้ำๆ ซึ่งจะทำให้เด็กหรือเยาวชนคุ้นเคยกับสื่อการพนันบ่อยๆ จนเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ (๒) โฆษณาแฝง (Tie in : T) ในเว็บไซต์ต่างๆ รวมถึงเว็บไซต์ข่าวกีฬา จะมีการแปะลิงก์โฆษณาไว้ เมื่อคลิกเข้าไปจะกลายเป็นเว็บไซต์พนันฟุตบอล ทำให้เด็กและเยาวชน
เข้าถึงเว็บไซต์พนันออนไลน์ได้ง่ายจากโฆษณาแฝงที่อยู่ตามสื่อต่างๆ และ (๓) การจัดส่ง (Delivery :D) ปัจจุบันการพนันออนไลน์สามารถเข้าถึงเด็กและเยาวชนได้ทุกที่ทุกเวลาบนออนไลน์ ซึ่งนอกเหนือข้อมูลข่าวสารทั่วไปที่เข้าถึงเด็กและเยาวชนได้อย่างรวดเร็วแล้ว ปัจจัยเสี่ยงและผลกระทบจากพนันออนไลน์ก็เข้าถึงเด็กและเยาวชนได้อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน
หลักการทำงานสำคัญภายใต้หลัก ๓ ON ดังนี้
(๑) ออนไลน์ (ON LINE) เป็นช่องทางสำคัญที่จะสื่อสารเรื่องราวเกี่ยวกับการพนันไปยังเด็กและเยาวชน เพราะช่องทางออนไลน์เด็กและเยาวชนจะใช้เป็นอันดับหนึ่ง ดังนั้น หากจะสื่อสารเรื่องนี้ให้ประสบความสำเร็จ จะต้องสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งนี้ สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทยและสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทยได้ผลิตคลิปต่างๆ เผยแพร่ผ่านออนไลน์และรวมถึงฉายในโรงภาพยนตร์ อาทิ “คลิป แทงบอลหรือแทงใคร” ภายใน ๓ วัน ยอดแชร์กว่า ๘ พันแชร์ ยอดวิวกว่า ๓ หมื่นวิว และมีความคิดเห็นต่างๆ มากมาย เป็นต้น
(๒) ออนแอร์ (ON AIR) การให้ความรู้พ่อแม่ผู้ปกครอง ถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญ เพื่อดูแลและช่วยเหลือเด็กและเยาวชน ซึ่งสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทยได้ผลิตรายการ “แทงไม่ยั้ง” ในรูปแบบของรายการกีฬาและแทรกเนื้อหาผลกระทบจากการพนันเข้าไป
(๓) ออนกราวด์ (ON GROUND) การลงพื้นที่ให้ความรู้กับเด็กและเยาวชนในพื้นที่เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกันก็ยังเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน
ข้อเสนอแนะจากการเฝ้าติดตามสถานการณ์การพนันในสังคมออนไลน์ (Media Monitor) มีดังนี้
(๑) ข้อเสนอเกี่ยวกับภาครัฐ ควรปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้มีความทันสมัย และเป็นปัจจัยสำคัญในการที่จะทำให้การทำงานเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ เพราะปัจจุบันกฎหมายยังไม่มีบทกำหนดโทษผู้กระทำผิดเกี่ยวกับพนันออนไลน์ และควรมีคณะกรรมการการควบคุมการพนันแห่งชาติเพื่อทำหน้าที่โดยเฉพาะ
(๒) ผู้ปกครองและประชาชนในสังคมไทยต้องมีความรู้ ความเข้าใจและรู้เท่าทันสื่อเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลง
(๓) ภาคประชาชน ต้องรวมตัวกันเป็นเครือข่ายในการเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นพลเมืองในการช่วยเหลือและหนุนเสริมในการจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น
(๔) สื่อมวลชน ควรระมัดระวังในการนำเสนอข่าวการจับกุมการพนันออนไลน์ ซึ่งต้องไม่เป็นการกระตุ้นให้เด็กและเยาวชนเข้าไปสู่วงการพนัน เช่น การนำเสนอข่าวถึงจำนวนเงินมหาศาลจากการจับกุมบ่อนการพนัน เป็นต้น ทั้งนี้ สื่อมวลชนถือเป็นช่องทางสำคัญที่ร่วมแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างเป็นรูปธรรม
๒.รองศาสตราจารย์ คณาธิป ทองรวีวงษ์ผู้อำนวยการสถาบันกฎหมายสื่อดิจิทัล มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต ได้กล่าวว่า การพนันไม่ใช่ความผิดตามหลักสากลซึ่งตามหลักทฤษฎีความผิดบางอย่างเป็นความผิดที่ทุกประเทศมีเหมือนกัน เช่น ฆาตกรรม และลักทรัพย์ เป็นต้น แต่การพนันถือเป็นความผิดที่แต่ละประเทศห้ามแตกต่างกันออกไป ซึ่งมีทั้งห้ามเด็ดขาดและการพนันที่ต้องขออนุญาตโดยใช้ระบบใบอนุญาตเข้ามากำกับ ทั้งนี้ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ศาลสหรัฐอเมริกาได้ตัดสินในคดีสำคัญเรื่องการพนันออนไลน์ว่าต่อไปนี้แต่ละมลรัฐมีอำนาจในการออกใบอนุญาตการพนันให้ถูกต้องตามกฎหมาย (Legalize) โดยเฉพาะการพนันกีฬา (Sports Betting) ทั้งฟุตบอล บาสเกตบอล จึงนำไปสู่ปัญหาว่าการควบคุมพนันออนไลน์ถือเป็นปัญหาระดับโลก เนื่องจากเกาะเกี่ยวอยู่กับเครือข่ายต่างๆ และหลายประเทศตอนนี้หันไปในทิศทางที่จะเปิดเสรีการพนันมากขึ้น ดังนั้นการควบคุมพนันออนไลน์ จึงต้องอยู่ภายใต้บริบทของสังคมโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
ประเด็นกลไกกฎหมายควบคุมการพนันเพื่อคุ้มครองเด็กและเยาวชน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่หลายประเทศในโลกให้ความสำคัญ ยอมรับ และให้การคุ้มครองเด็กและเยาวชนจากการพนัน ผลการวิจัยพบประเด็นปัญหาทางกฎหมายไทย ๓ ฉบับ ดังนี้
(๑) พระราชบัญญัติการพนัน พุทธศักราช ๒๔๗๘ ยังปัญหาขาดบทนิยามการพนันที่ชัดเจน กฎหมายฉบับนี้ไม่ได้กำหนดบทนิยาม “การพนัน” ไว้ ใช้วิธีไปกำหนดชนิดของการพนันที่ผิดกฎหมายไว้ในบัญชี ก. บัญชี ข. แนบท้ายพระราชบัญญัติ ซึ่งบัญชีเหล่านี้ก็มีความเก่าแก่มาก ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๗๘ และยังไม่ครอบคลุมการพนันออนไลน์ ดังนั้น เมื่อเกิดปัญหาขึ้นจะต้องตีความว่าพนันออนไลน์นั้นอยู่ในการพนันบัญชีใด โดยส่วนใหญ่จะอ้างอิงคำพิพากษาศาล ที่มีอยู่หลายแนว โดยต้องตีความให้ได้เสียก่อนว่าเป็นการพนันที่ผิดในบัญชีใดที่กำหนดไว้ และแต่ละคดีก็ต้องขึ้นอยู่กับองค์ประกอบต่าง ๆ ทั้งองค์ประกอบด้านผู้เกี่ยวข้องจะต้องมีผู้เล่นสองฝ่ายขึ้นไป จึงจะถือว่าเป็นการพนัน หรือองค์ประกอบด้านการเสี่ยงโชคหรือความไม่จะขึ้นอยู่กับปัจจัยในอนาคตที่ไม่แน่นอน ดังนั้น ปัญหาของกฎหมายว่าด้วยการพนัน คือ การขาดบทนิยามการพนันให้ชัดเจนทำให้เกิดการตีความ นอกจากนี้กฎหมาย การพนันยังไม่มีกลไกการคุ้มครองเด็กและเยาวชนไว้โดยเฉพาะ ซึ่งพบว่าการพนันออนไลน์ปัจจุบันมีการชักชวน กระตุ้นยั่วยุ ด้วยวิธีการต่างๆ ให้เด็กและเยาวชนมาเล่นการพนัน ซึ่งหากจะมีการพิจารณาออกกฎหมายใหม่ ควรกำหนดนิยามไว้ชัดเจนเช่นเดียวกับกฎหมายเหล้าบุหรี่ ให้รวมถึงการสื่อสารการตลาด ที่เป็นการชักชวนโดยอ้อมด้วย
(๒) พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.๒๕๕๐ ซึ่งเจตนารมณ์ไม่ได้ใช้กับเรื่องการพนัน มีไว้ใช้กับอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ ซึ่งการพนันออนไลน์ไม่ได้เป็นฐานความผิดตามกฎหมายฉบับนี้ แต่มีการนำกลไกของกฎหมายฉบับนี้มาใช้ในการแก้ไขปัญหาพนันออนไลน์ ซึ่งได้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเมื่อปี ๒๕๖๐ ที่ผ่านมาโดยมีกลไกสำคัญใน ๓ ส่วน คือ (๑) มาตรา ๑๔ การกำหนดความผิดเนื้อหาสำหรับเว็บไซต์พนันออนไลน์ (๒) มาตรา ๑๕ การกำหนดหลักแจ้งเตือนและนำออก และ (๓) มาตรา ๒๐ การใช้อำนาจศาลสั่งปิดกั้นเว็บไซต์ แต่ก็ยังมีปัญหาเนื่องจากไม่ใช่กฎหมายโดยตรงและไม่ได้กำหนดให้การพนันเป็นความผิดตามกฎหมายคอมพิวเตอร์ จึงยังเกิดปัญหาในทางปฏิบัติ โดยในมาตรา ๒๐ ได้กำหนดว่าแม้พฤติกรรมนั้นไม่ใช่ความผิดตามกฎหมายคอมพิวเตอร์แต่หากผิดกฎหมายอื่น ก็สามารถดึงกลไกปิดกั้นเว็บไซต์ตามกฎหมายคอมพิวเตอร์ไปใช้ได้ ถือเป็นการยืมกลไกของกฎหมายคอมพิวเตอร์มาใช้ปิดกั้นเว็บไซต์พนันออนไลน์ ทั้งนี้ ยังมีปัญหาในทางปฏิบัติ หากการพนันออนไลน์ดังกล่าวไม่ผิดตามกฎหมายการพนันก็ไม่สามารถโยงมายังกฎหมายคอมพิวเตอร์ได้ และเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายฉบับนั้นจะต้องมาร้องกับเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายคอมพิวเตอร์เสียก่อนจึงจะสามารถดำเนินการได้ เว้นแต่กรณีเว็บไซต์มีเนื้อหาที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี ของประชาชน เจ้าหน้าที่ตามกฎหมายคอมพิวเตอร์สามารถดำเนินการเองได้ แต่ยังไม่มีแนวคำพิพากษา
ศาลว่าเนื้อหาเว็บไซต์พนันออนไลน์จะถือว่าขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือไม่ แต่เห็นว่าน่าจะใช้กลไกดังกล่าวได้ด้วย อย่างไรก็ตามกลไกตามกฎหมายคอมพิวเตอร์นี้เป็นการแก้ไขปัญหาปลายเหตุ คือ การปิดเว็บไซต์ ก็สามารถเปิดใหม่ได้ เนื่องจากกฎหมายคอมพิวเตอร์ไม่มีกลไกทั้งกระบวนการในการจัดการเรื่องนี้และในทางปฏิบัติส่วนใหญ่จะบังคับใช้กฎหมายคอมพิวเตอร์กับลักษณะความผิดอื่นมากกว่าการพนัน เช่น กฎหมายลิขสิทธิ์ เป็นต้น
(๓) พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ กฎหมายนี้มีเจตนารมณ์เพื่อคุ้มครองเด็ก แต่ในกฎหมายฉบับนี้ไม่มีฐานความผิดเกี่ยวกับพนันหรือการชักชวน ยั่วยุเกี่ยวกับการพนัน สำหรับบทบัญญัติใน มาตรา ๒๖ “ผิดสำหรับการใช้หรือยินยอมให้เด็กเล่นการพนัน หรือเข้าไปในสถานที่พนัน” กฎหมายยังกำหนดความผิดในลักษณะของพื้นที่ทางกายภาพ ยังต้องมีการตีความว่า การเข้าเว็บไซต์ที่ไม่ใช่สถานที่ ไม่ใช่อสังหาริมทรัพย์ เข้าฐานความผิดดังกล่าวหรือไม่ กลไกการแก้ไขปัญหาการพนันกับเด็กตามกฎหมายคุ้มครองเด็กจึงยังมีข้อจำกัด ทั้งนี้ ตัวอย่างกฎหมายอังกฤษ มีการห้ามโฆษณาการพนันซึ่งเป็นการกระตุ้นยั่วยุเด็กและเยาวชนและในหลายประเทศที่เปิดเสรี การพนันก็จะมีบทบัญญัติห้ามโฆษณากระตุ้นยั่วยุการพนันกับเด็กและเยาวชนอยู่เสมอ ดังนั้น กลไกการควบคุมและจำกัดการพนันออนไลน์เพื่อคุ้มครองเด็ก จึงควรถูกกำหนดไว้ในกฎหมายฉบับนี้
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ถนนอู่ทองใน ดุสิต กทม. 10300 email : dek_senate@hotmail.co.th
หรือ Facebook: กมธ.พัฒนาสังคม หรือกลุ่มงานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็กฯ วุฒิสภา
โทร.02-8319225-6 แฟกซ์ 02-8319226
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี