เมื่อวิถีการดำรงชีวิตของคนในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปจากสมัยก่อน จากบ้านเดี่ยวที่มีบริเวณกว้างขวางกลายเป็นคอนโดมิเนียมที่ขนาดไม่ใหญ่โตนัก ด้วยสภาพสังคมและเศรษฐกิจที่ต้องมีความรัดกุมมากขึ้น แม้จะมีข้อจำกัดในขนาดพื้นที่ แต่ความรักและความต้องการมีเพื่อนเลี้ยงสัตว์ในครอบครัวอาจไม่ได้ลดลงไป ตรงกันข้ามอาจมีความนิยมมากขึ้นด้วยเนื่องจากเมื่อวิถีชีวิตเปลี่ยนไป ความเป็นส่วนตัวมีมากขึ้น การปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านมีลดลง สัตว์เลี้ยงที่เป็นเพื่อนสมาชิกตัวหนึ่งในบ้านจึงมีความสำคัญ
เมื่อพูดถึงการเลี้ยงสุนัขหรือสัตว์เลี้ยงต่างๆ บนคอนโดมิเนียม หลายคนก็ทราบกันดีว่า คอนโดมิเนียมส่วนใหญ่ไม่อนุญาตให้เลี้ยงสุนัขหรือแมวรวมถึงสัตว์อื่นๆ ในคอนโดฯยกเว้นพวกปลาสวยงามที่เลี้ยงในตู้ปลา แต่เพื่อเอาใจคนรักสัตว์ใน Life style ของคนยุคใหม่คอนโดฯหลายๆ แห่ง ในปัจจุบันก็เปลี่ยน concept และโปรโมทกันตั้งแต่เริ่มขายว่า “อนุญาตให้เลี้ยงสุนัขได้”
แม้ว่าคอนโดฯจะอนุญาตให้เลี้ยงสุนัขได้ แต่การเลี้ยงสุนัขในคอนโดฯก็คงไม่เหมือนกับการเลี้ยงสุนัขที่บ้านอย่างแน่นอน วันนี้ผมมีข้อมูลที่น่าสนใจจากผศ.น.สพ.ดร.ชาญณรงค์ รอดคำ มาฝาก ซึ่งเป็นข้อแนะนำและข้อควรระวัง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการเลี้ยงสุนัขในคอนโดฯสำหรับคนรักสุนัขทั้งหลายครับ
ก่อนที่จะเลี้ยงสุนัขหรือแมวในคอนโดฯเราควรพิจารณาดังนี้
1.ต้องศึกษาและเข้าใจ Life style ของตัวเองเสียก่อน
ควรเข้าใจ Life style ของตัวคุณเองก่อน ลองตั้งคำถามให้ตัวเองดูว่าเรามีคุณสมบัติต่างๆ ที่เหมาะสมกับการดูแลชีวิตน้อยๆ ที่คอนโดฯหรือไม่ เช่น มีเวลาเพียงพอมั้ยที่จะดูแลสัตว์ คุณเป็นคนที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศหรือต่างจังหวัดบ่อยหรือไม่เพราะสุนัขไม่สามารถอยู่อาศัยเพียงลำพังได้ รวมถึงคุณเป็นคนมีระเบียบวินัยเพียงพอหรือไม่ที่จะจัดเก็บสิ่งของต่างๆ ที่สุนัขของคุณอาจทำเลอะเทอะและรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอหรือไม่ คุณเป็นคนอยู่ติดคอนโดฯหรือชอบออกไปผจญภัยข้างนอก หากคุณไม่ชอบการอยู่คอนโดฯเป็นเวลานานแล้ว หมายถึงคุณต้องปล่อยสุนัขของคุณไว้ที่คอนโดฯเพียงลำพัง ดังนั้นก็ไม่ควรคิดจะเลี้ยงครับ
2.ศึกษาข้อมูลก่อนว่าคอนโดฯที่ต้องการซื้อหรือเช่านั้น อนุญาตให้เลี้ยงในคอนโดฯได้หรือไม่
สำหรับคอนโดฯใหม่ๆ ที่ประกาศให้เริ่มจองที่มีจุดขายเรื่องการอนุญาตให้เลี้ยงสุนัขได้ จะมีข้อมูลประกาศให้ทราบกันอย่างชัดเจนตั้งแต่แรกเลยว่าคอนโดฯนั้นๆ สามารถเลี้ยงสุนัขได้ ส่วนคอนโดฯที่สร้างเสร็จแล้ว หากเราต้องการซื้อหรือเช่า ก็ควรสอบถามข้อมูลได้จากนิติบุคคลของคอนโดฯนั้นๆ ก่อน เพราะการที่จะเลี้ยงสุนัขได้หรือไม่นั้น มักจะเป็นกฎเกณฑ์ที่ทางนิติบุคคลของคอนโดฯตั้งขึ้นเพื่อให้ทุกห้องปฏิบัติตาม
3.ดูพื้นที่ของห้องที่คอนโดฯให้เหมาะสมกับพันธุ์และจำนวนของสุนัขที่จะเลี้ยง
คอนโดฯส่วนใหญ่ในปัจจุบันเป็นคอนโดฯที่มีขนาดพื้นที่ห้องกะทัดรัด ไม่ใหญ่โตมากนัก ดังนั้นหากเราต้องการเลี้ยงสุนัขและอยู่กับสุนัขของเราได้อย่างไม่อึดอัดจนเกินไปเราก็ควรพิจารณาเลือกสุนัขพันธุ์เล็กมาเลี้ยงมากกว่า รวมถึงต้องพิจารณาถึงจำนวนที่จะเลี้ยงด้วย ไม่เลี้ยงจำนวนมากจนเกินพอดี จนทำให้เกิดความแออัด ซึ่งจะทำให้สุนัขทะเลาะกันเองและเห่าโวยวายส่งเสียงดังรบกวนเพื่อนบ้านจนเกิดปัญหาได้
ที่สำคัญควรเลือกห้องที่มีการระบายอากาศค่อนข้างดี ไม่อับแสงหรือลม เนื่องจากห้องที่คอนโดฯมักมีพื้นที่ไม่มากเหมือนบ้านเดี่ยว ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้เลี้ยงสำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้หรือแพ้ขนสัตว์ได้ง่าย
4.ศึกษาลักษณะของสายพันธุ์สุนัขที่เหมาะสมที่จะเลี้ยงที่คอนโดฯ
สุนัขพันธุ์ที่เหมาะสมที่จะเลี้ยงที่คอนโดฯควรเป็นสุนัขพันธุ์เล็กที่มีอุปนิสัยค่อนข้างเรียบร้อย รักสะอาด ไม่ซุกซนจนเกินไป ไม่ค่อยส่งเสียงเห่าจนเพื่อนบ้านที่คอนโดฯรำคาญ พันธุ์สุนัขที่แนะนำ ได้แก่ ชิวาวา ปอมเมอเรเนียน ชิห์สุ หรือทีคัพพุดเดิ้ล เป็นต้น อย่างไรก็ตามสุนัขพันธุ์ขนาดเล็กหรือขนาดกลางบางพันธุ์ก็คงไม่เหมาะกับการอยู่ในคอนโดฯเนื่องจากมีนิสัยซุกซนมากเป็นพิเศษและชอบกัดแทะสิ่งของ เช่น พันธุ์แจ๊ครัสเซล เป็นต้น
5.การเตรียมความพร้อมของสถานที่
5.1 ลักษณะของระเบียง
ห้องที่เลี้ยงสุนัขที่คอนโดฯไม่ควรเป็นห้องที่มีซี่ตะแกรงของระเบียงที่ห่างเกินไปเนื่องจากอาจเป็นอันตรายเรื่องการพลัดตกลงมาของสุนัขได้ หากจำเป็นต้องเลี้ยงในห้องที่มีซี่ระเบียงห่างและความสูงของระเบียงไม่มากพอ ก่อนที่จะนำสุนัขเข้ามาเลี้ยง ก็ควรมีการจัดการปรับปรุงสถานที่ก่อน เช่น หาลวดกรือตะแกรง (ที่แข็งแรง) มาเสริมหรือกั้น รวมถึงทำให้ถี่และสูงขึ้น จนสุนัขไม่สามารถปีนหรือลอดออกมาได้ เพื่อป้องกันอันตรายจากการตกจากคอนโดฯ
5.2 ทิศทางของระเบียง
หากต้องการให้สุนัขอยู่ในห้องคุณที่คอนโดฯอย่างสบายแนะนำให้เลือกทิศของระเบียงห้องเป็นทิศเหนือ หรือทิศตะวันออกเพราะเมื่อสุนัขต้องอยู่ในห้องทั้งวันพวกเขาจะไม่ร้อน อย่าลืมว่าคุณอยู่คอนโดฯเป็นบางช่วงเวลาแต่สุนัขของคุณต้องอยู่ในห้องตลอดเวลา ดังนั้นควรเลือกทิศที่ห้องจะร่มเย็นสบายไปทั้งวัน
5.3 หน้าต่างระบายอากาศ
จะดีมากหากห้องของคุณมีหน้าต่างบานเล็กที่เปิดระบายอากาศภายในห้องได้ตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นหากต้องปิดห้องไว้ตลอดทั้งวัน ความชื้นและกลิ่นรวมถึงความสกปรกต่างๆ จะหมักหมมในห้อง แนะนำว่าควรหาเครื่องฟอกอากาศเพื่อปรับสภาพอากาศในห้องเพื่อคุณภาพอากาศที่ดีด้วยครับ
5.4 บริเวณสำหรับขับถ่าย (ห้องน้ำสำหรับสุนัข)
คุณควรจัดบริเวณขับถ่ายไว้ให้สุนัขและควรจะมีการฝึกพฤติกรรมการขับถ่ายให้สุนัขด้วย เพื่อไม่ให้ห้องของคุณต้องเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปด้วยอุจจาระและปัสสาวะของสุนัข หลายๆ ท่านมักเตรียมบริเวณขับถ่ายสำหรับสุนัขไว้ในห้องน้ำ ซึ่งก็จะง่ายต่อการทำความสะอาดครับ
5.5 เครื่องปรับอากาศ
แนะนำว่าห้องที่เหมาะสมในการเลี้ยงสุนัขควรเป็นห้องที่ใช้เครื่องปรับอากาศ หากเป็นห้องใช้พัดลมแล้ว โอกาสที่ห้องของคุณจะตลบอบอวลไปด้วยขนของสุนัขจึงมีความเป็นไปได้สูงครับ
6.การกำจัดของเสียและการจัดการขยะ
ของเสียที่เกิดจากการเลี้ยงสุนัข ไม่ว่าจะเป็นมูลสุนัข กระดาษรองซับปัสสาวะของสุนัข หรือของเสียอื่นๆ ควรมีการแยกเก็บใส่ถุงขยะและผูกปิดให้มิดชิดก่อนทิ้ง เพื่อไม่ให้ส่งกลิ่นรบกวนออกมาจากห้องพักขยะ ไปรบกวนเพื่อนบ้าน ภาชนะและอุปกรณ์สำหรับสุนัขก็ควรมีการล้างทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ไม่ปล่อยให้หมักหมมจนเกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อตัวสุนัข ต่อตัวคุณเอง และต่อเพื่อนบ้านแน่ครับ
เมื่อทุกท่านศึกษาและเตรียมพร้อมตัวเองได้ครบดังนี้แล้ว การเลี้ยงสุนัขในคอนโดฯหรือดำรงชีวิตโดยมีสุนัขเป็นเพื่อนในคอนโดฯ (ที่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้) ก็จะจะราบรื่น และทำให้เราใช้ชีวิตอยู่ในสังคมคอนโดได้อย่างมีความสุขโดยเฉพาะไม่เกิดปัญหาต่อกันครับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี