สัปดาห์ที่ผ่านๆ มา เราได้คุยกันถึงโรคพิษสุนัขบ้า สาเหตุและแนวทางการปฏิบัติตัวเมื่อถูกสุนัขกัดไปแล้ววันนี้เรามาดู “วิธีการป้องกัน” โรคพิษสุนัขบ้า และมาทำความเข้าใจกับ “ความเชื่อผิดๆ” ที่พูดต่อกันมาเกี่ยวกับโรคนี้กันครับ
การป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า สามารถทำได้ไม่ยากเลยครับมีวิธีการดังนี้
1.พาสุนัขและแมวที่เลี้ยงไว้ ไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ตั้งแต่อายุ 3 เดือน และฉีดกระตุ้นซ้ำอีกครั้งห่างจากเข็มแรก 1 เดือน จากนั้นฉีดกระตุ้นอย่างสม่ำเสมอทุกปี (ปีละครั้ง)
2.เมื่อได้รับสุนัขและแมวใหม่มาเลี้ยง ควรทราบประวัติการฉีดวัคซีน และพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อรับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้ารวมถึงโรคอื่นๆ ด้วย
3.อย่าปล่อยให้เด็กเล็กเล่นกับสุนัขหรือแมวที่ไม่คุ้นเคยตามลำพัง รวมถึงควบคุมไม่ให้แกล้งหรือรบกวนสัตว์ เพราะมีความเสี่ยงต่อการโดนงับสูงครับ
4.เลี่ยงการสัมผัสน้ำลายของสัตว์ที่ไม่มีประวัติการฉีดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า
5.ไม่ควรใช้มือเปล่าล้วงปากหรือคอ เพื่อช่วยเหลือสุนัขหรือแมวที่แสดงอาการเหมือนมีอะไรติดคอ โดยที่ไม่เห็นว่าสัตว์คาบหรือกลืนอะไรลงไป เพราะนั่นอาจเป็นอาการของโรคพิษสุนัขบ้าครับ
6.ไม่คลุกคลีกับสัตว์นอกบ้าน ที่ไม่มีเจ้าของ หรือสัตว์ที่ไม่ทราบประวัติการฉีดวัคซีนแล้วหรือยัง
หากทำได้ดังนี้แล้วก็สามารถป้องกันตนเองจากโรคพิษสุนัขบ้าได้ระดับหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายท่านที่มีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า ทั้งยังมี “ความเชื่อที่ผิดๆ แปลกๆ” ที่พูดต่อๆ กันมา เช่น
@ “สุนัขและแมวเป็นโรคพิษสุนัขบ้า เฉพาะในฤดูร้อนเท่านั้น”?!?
ไม่จริง : สุนัขและแมว เป็นโรคพิษสุนัขบ้าได้“ทุกฤดูกาล” ครับ ไม่เกี่ยวกับสภาพอากาศเลย คนส่วนใหญ่คิดว่าอากาศร้อนจะทำให้สุนัขบ้า (เหมือนคนที่เครียด)ซึ่งจริงๆ แล้ว โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับ “ระบบประสาท” ไม่ใช่ “โรคประสาท” หรือ “โรคทางจิต” (ตามที่คนเข้าใจ หรือที่คนเป็นกัน ที่ว่าเมื่อเจออากาศร้อนมากๆก็จะเครียดจนเป็นบ้า)
สาเหตุ ที่พบมากในช่วงฤดูร้อนนั้น มักจะมีสาเหตุมาจาก
1.โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัส ที่มีระยะฟักตัวของโรคตั้งแต่เพียงไม่กี่สัปดาห์จนถึงนานเป็นปี โดยทั่วไปก็จะประมาณ 3 เดือน (ระยะฟักตัว หมายถึงระยะเวลาตั้งแต่ได้รับเชื้อจนถึงแสดงอาการ)
2.ในอดีต ช่วงฤดูผสมพันธุ์ของสุนัข มักเป็นช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม ระยะนี้สุนัขตัวผู้มักจะ“โชว์เพาเวอร์” ด้วยการกัดกันเพื่อแย่งชิงสุนัขตัวเมียหากตัวใดมีเชื้อโรคอยู่แล้ว ก็จะแพร่เชื้อติดไปยังสุนัขตัวอื่นได้เต็มที่
3.ช่วงหน้าร้อน เป็นช่วงปิดภาคเรียนของโรงเรียนเด็กๆ จึงมีโอกาสถูกกัดได้มากกว่า
@ “ลูกสุนัขหรือแมวเด็กๆ ไม่มีเชื้อพิษสุนัขบ้าหรอก”?!?
ไม่จริง : สุนัขและแมวที่อายุน้อย หากได้รับเชื้อก็สามารถแพร่โรคพิษสุนัขบ้ามายังคนและสัตว์อื่นได้ ดังนั้นในลูกสัตว์ก็มีโอกาสเป็นโรคพิษสุนัขบ้าได้ครับ
เรื่องความเชื่อแปลกๆ เกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้ายังไม่หมดแค่นี้ครับ เรามาคุยกันต่อสัปดาห์หน้าครับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี