สัปดาห์นี้เรามาคุยกันถึงเรื่อง “ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้า” กันต่อนะครับ
“เฉพาะสุนัขและแมวเท่านั้น ที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้าได้”
ไม่จริง: เป็นความเข้าใจที่ผิดถนัดเลยครับ! โรคพิษสุนัขบ้าสามารถเป็นได้กับ “สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม” ทุกชนิดครับ ไม่ว่าจะเป็น “สัตว์เลี้ยง” เช่น หนู กระรอก กระแต กระต่าย เม่นแคระจิงโจ้บิน “สัตว์ปศุสัตว์” เข่น ม้า สุกร โค กระบือ รวมถึง “สัตว์ป่า”เช่น เสือ สิงโต ลิง ม้าลาย เก้ง กวาง บ่าง ชะนี อีกด้วย
“หากถูกสุนัขหรือแมวที่มีอาการปกติกัด ก็ไม่เป็นไร”
ไม่จริง : สุนัขและแมวสามารถแพร่เชื้อโรคได้ถึง 10 วันก่อนที่จะแสดงอาการ ดังนั้นหากถูกสุนัขหรือแมวกัดในช่วงที่มีการแพร่ของเชื้อก่อนที่จะแสดงอาการแล้วล่ะก็ เราอาจชะล่าใจ ดังนั้นเราจึงต้องฉีดวัคซีน (ให้ผู้ถูกกัดเอง) และกักสัตว์ต่ออีกสัก 1-2 สัปดาห์เพื่อดูอาการด้วยครับ
“การฉีดวัคซีนในสุนัขและแมว สามารถป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าได้ 100%”
ไม่จริง : การฉีดวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้าสามารถ “ลดความเสี่ยง”ของการเกิดโรคเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีโอกาสเกิดโรคครับ รวมถึงหากสัตว์ได้รับเชื้อพิษสุนัขบ้าอยู่ก่อนแล้ว และอยู่ในระยะฟักตัว ก็จะทำให้การฉีดวัคซีนไม่ได้ผลตามที่คาดไว้ครับ
“การฉีดวัคซีนให้สุนัขหรือแมวเพียงครั้งเดียว ก็สามารถป้องกันได้แล้ว”
ไม่จริง : การฉีดวัคซีนเพียงเข็มแรกเข็มเดียว ก็ยังมีโอกาสเป็นโรคพิษสุนัขบ้าได้ เพราะภูมิคุ้มกันที่ได้รับนั้นไม่สูงเพียงพอ สัตว์ควรได้รับการกระตุ้นวัคซีนเป็นครั้งที่ 2 (ในขวบปีแรก) และต้องกระตุ้นซ้ำเป็นประจำทุกปีด้วยครับ
“การถูก “กัด” เท่านั้น ถึงจะสามารถทำให้ติดเชื้อพิษสุนัขบ้าได้”
ไม่จริง : การติดต่อของโรค ไม่เพียงแค่การโดนกัดเท่านั้นครับการถูกเลียที่แผล หรือถูกข่วน ก็อาจทำให้ติดโรคได้ หากสุนัขหรือแมวตัวที่มีเชื้อพิษสุนัขบ้านั้นเลียอุ้งเท้าและเล็บตัวเอง ก็อาจมีไวรัสจากน้ำลายติดค้างอยู่ที่เล็บ และสามารถแพร่เชื้อได้ครับ
“ถ้าถูกสุนัขกัด ให้รีบเอารองเท้าตบ หรือราดแผลด้วยน้ำปลา”
ไม่จริง : ขอยืนยันว่าการเอารองเท้าตบที่แผลนั้น ไม่ได้ช่วยรักษาโรคนี้เลยครับ กลับยิ่งจะทำให้สิ่งสกปรกและฝุ่นเข้าบาดแผลที่ถูกกัดมากขึ้นด้วย ส่วนการราดด้วยน้ำปลานั้น หากเป็นน้ำปลาแท้ที่มีความเข้มข้นสูงอาจช่วยฆ่าเชื้อได้บ้าง แต่สารปรุงแต่งในน้ำปลาก็จะเข้าไปในแผลด้วยนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นน้ำปลาปลอมหรือน้ำปลาที่มีความเข้มข้นต่ำและมีสิ่งเจือปนมากแล้ว ยิ่งนอกจากจะทำลายเชื้อไม่ได้แล้ว ยิ่งจะทำให้ผู้ถูกกัดได้รับสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้นเข้าบาดแผลมากยิ่งขึ้นด้วย
ถ้าจะให้ดี ควรล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่ เป็นเวลา 5-10 นาที จากนั้นล้างแผลซ้ำด้วยแอลกอฮอล์ และใส่แผลด้วยทิงเจอร์ไอโอดีนหรือโพรวิโดนไอโอดีน (เบตาดีน) จากนั้นรีบไปพบแพทย์ครับ (ตามสูตรล้างแผล-ใส่ยา-กักหมา-หาหมอ)
“รอให้สุนัขและแมวที่กัดตายเสียก่อน จึงค่อยไปพบแพทย์ก็ได้”
ไม่จริง : เมื่อถูกสุนัขที่ไม่ทราบประวัติการฉีดวัคซีนกัด หากสุนัขตัวที่กัดไม่มีเชื้อพิษสุนัขบ้าก็คงไม่น่าวิตกอะไร แต่ถ้าเราไม่ทราบประวัติสุนัขแน่นนอนแล้วละก็ การไปพบแพทย์ เพื่อรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า เป็นสิ่งจำเป็นมากครับ เนื่องจากการฉีดวัคซีนป้องกันที่ได้ผลสูงสุด จะต้องไม่เกิน 48 ชั่วโมงหลังถูกกัด ในบางกรณีที่บาดแผลใหญ่ บริเวณที่มีเส้นประสาทมาเลี้ยงมาก หรืออยู่ใกล้สมองมาก หรือมั่นใจว่าสัตว์มีเชื้อพิษสุนัขบ้าแน่ๆ แพทย์จะพิจารณาในการฉีดอิมมูโนโกลบูลิน (เซรุ่ม) เข้าที่บาดแผลเพื่อทำลายเชื้อได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที แต่มีข้อเสียคือ “ราคาแพง !!”
“เมื่อสุนัขของเรา ถูกหมาบ้ากัดแล้ว สุนัขของเราจะเสียชีวิตภายใน7- 14 วัน ถ้าเกิน 14 วันไปแล้วก็หมดห่วง”
ไม่จริง : แม้ว่าสัตว์ป่วยส่วนใหญ่มักจะเสียชีวิตภายใน 14 วันหลังแสดงอาการ แต่เนื่องจากระยะฟักตัวของโรคพิษสุนัขบ้าขึ้นอยู่กับ “ตำแหน่งที่โดนกัด” หากน้องหมาของเราถูกสุนัขบ้ากัดที่บริเวณหาง กว่าที่เชื้อจะใช้เวลาเดินทางไปถึงสมอง ก็ต้องใช้เวลานาน อาจจะเป็นเดือนเพราะฉะนั้นระยะฟักตัวของโรคพิษสุนัขบ้าจะไม่เท่ากัน ในคนบางทีจะพบว่าอาจจะถึงสิบปีเลยทีเดียว ดังนั้น “การฉีดวัคซีนป้องกัน หลังถูกสุนัขที่มีความเสี่ยงกัด จึงมีความจำเป็นมาก”
เมื่อได้ทราบอย่างนี้แล้ว หวังว่าผู้อ่านคงจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้าดีขึ้นนะครับ ฝากเรียนย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า เมื่อถูกสุนัขหรือแมวกัด สิ่งที่เราควรคำนึงถึงและควรกระทำเป็นสูตรง่ายๆ คือ “ล้างแผล-ใส่ยา-กักหมา-หาหมอ” ครับผม
** โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคที่อันตรายถึงชีวิต แต่สามารถป้องกันได้ครับ**
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี