ท่านต้องไม่ขับรถเร็วกว่าที่ป้ายต่างๆ กำหนด หรือในบางกรณี ควรขับช้ากว่าที่กฎหมายกำหนดอีกด้วย เช่น ในช่วงถนนที่มีคนมากๆ โรงเรียน หรือช่วงนั้นมีคน เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ฯลฯ เดินอยู่ รวมทั้งสัตว์เลี้ยงต่างๆ ด้วย เพราะไม่ทราบว่าสัตว์จะวิ่งตัดหน้ารถหรือไม่เมื่อไหร่ ท่านต้องขับรถของท่านห่างจากรถคันหน้าพอสมควร เพราะถ้าขับติดรถคันหน้ามาก เวลารถคันหน้าเบรกกะทันหัน ท่านจะชนรถข้างหน้า เพราะการเบรกรถกว่าจะหยุดจะต้องใช้เวลาและระยะทางพอสมควร ท่านจะต้องมีแว่นตากันแดด ถ้าวันไหน ช่วงไหนแดดจ้าต้องใส่แว่นตา ฯลฯ
ท่านจะต้องมีอัธยาศัยที่ดี ให้โอกาสรถคันอื่นบ้าง อย่าแซงรถและล้ำเข้าไปในทางของรถที่วิ่งสวนมา ยกเว้นในที่ที่มีเครื่องหมายให้แซงได้และไม่มีรถสวนมา ถ้าเป็นทางโค้งมองไม่เห็น อย่าแซงเป็นอันขาด ถ้าท่านเป็นคันหน้า และคันหลังจะแซง ท่านต้องให้สัญญาณแก่รถคันหลังว่าเขาจะแซงได้แล้วหรือยัง ฯลฯ
อีกประเด็นหนึ่ง ที่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายและประชาชนยังไม่ค่อยรู้จัก คือ การใช้ที่นั่ง ที่รัดเข็มขัด สำหรับเด็กโดยเฉพาะ ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Child Restraint เด็กที่มีอายุน้อยกว่า 12 ขวบ หรือมีความสูงต่ำกว่า 135 ซม. ต้องมีที่นั่งโดยเฉพาะ รวมทั้งต้องไม่ให้เด็กๆ นั่งที่ข้างหน้ารถ ต้องให้นั่งเบาะหลังพร้อม Child Restraint เราต้องช่วยกันรณรงค์เรื่องนี้ให้ประชาชนทั่วๆ ไปรู้เกี่ยวกับ Child Restraint แล้วจึงขอทางการให้ออกกฎหมายเกี่ยวกับการใช้ Child Restraint ถ้าท่านเห็นคนจะเดิน หรือกำลังเดินข้ามถนนบนทางม้าลาย ท่านต้องหยุดให้เขาเดินข้ามก่อน ที่ต่างประเทศทุกๆ คนมีวินัยมาก ถ้ามีไฟสำหรับข้ามถนน ถึงไม่มีรถมา ถ้าเป็นไฟแดงห้ามเดิน เขาก็จะหยุด ไม่เดิน ถ้าเป็นไฟเขียวจึงจะเดินได้ ถ้าไม่มีไฟที่จะบอกให้คนเดินเดินข้ามถนน ท่านต้องหยุดให้คนเดินข้าม ถ้าเขายืนรอที่จะข้าม
และที่สำคัญอีกอันหนึ่งคือ ผู้ขับจะต้องไม่ใช้โทรศัพท์เลย ถึงแม้จะเป็นไร้สาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการส่งข้อความ เพราะมีข้อมูลเชิงประจักษ์ว่าการใช้โทรศัพท์ไม่ว่าจะไร้สาย หรือไม่ มี
ความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้ามใช้โทรศัพท์ส่งข้อความ เพราะจะทำให้มีความเสี่ยงสูงมากต่อการเกิดอุบัติเหตุ ถ้ามีความสำคัญที่จะต้องใช้โทรศัพท์ ให้หยุดรถ
จอดในที่ที่ให้จอดอย่างปลอดภัย แล้วจึงค่อยใช้โทรศัพท์
ในตอนกลางคืน ถ้าขับรถตามคันอื่นๆ หรือเวลาสวนทางกับรถอื่นๆ อย่าเปิดไฟรถสูง เพราะจะเข้าตาผู้ขับคันหน้า หรือรถที่มาตรงข้าม ถึงแม้จะอยู่ในเลนของเขา เวลาเห็นรถที่วิ่งมาตรงข้าม บนถนนที่ไม่มีเกาะกลางถนน ถ้าเขาวิ่งมาในเลนเรา ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ อย่าขับตรงไปหาเขา โดยหวังว่าเขาจะหลบรถหนีเราเข้าไปในเลนของเขา เพราะเขาอาจจะขับรถโดยไม่มีมารยาท หรือรถเขาอาจจะเบรกเสีย หรือพวงมาลัยค้าง หรือเขาไม่สบาย หรืออะไรก็แล้วแต่ ควรบีบแตรเบาๆ เตือนเขาแล้วถ้ายังไม่เกิดอะไร หลบไปทางซ้ายเท่าที่จะมีที่ดีกว่า เราถูก เขาผิด แต่ถ้าเราบาดเจ็บและเสียชีวิตมันไม่คุ้มเลย
การขับรถนอกจากรู้กฎหมายจราจรแล้ว ยังต้องมีความสุภาพเรียบร้อย มีคุณสมบัติเป็นผู้ดีด้วย ต้องถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน
ผมพูดอย่างนี้หวังว่าท่านจะระวังตัว แต่ก็ยังมีอีกหลายท่านที่ไม่ค่อยนึกถึงเรื่องเหล่านี้ แต่ถ้าผมยกตัวอย่างว่า สมมติว่าท่านได้ขับรถเกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิตหรือบาดเจ็บแล้ว แต่เทวดาท่านใจดี ให้โอกาสแก่ท่าน ย้อนเวลากลับมาถึงช่วงที่ท่านยังไม่ได้เดินทาง เพื่อให้โอกาสท่านใหม่ในการขับรถ ท่านจะขับรถปฏิบัติตนเองเหมือนเดิมไหม ถ้าทำแบบเดิมคือ จะเสียชีวิต จะบาดเจ็บ ท่านจะถือโอกาสนี้ปรับปรุงการปฏิบัติตัวของท่านไหม จะขับรถ(ครั้งนี้) ด้วยความระมัดระวัง ด้วยความถ้อยทีถ้อยอาศัย ไม่หงุดหงิด ไม่ด่าผู้ขับคนอื่นๆ ฯลฯ เพื่อที่จะมีโอกาสรอดจากการเสียชีวิต บาดเจ็บ ตามที่เทวดาท่านให้โอกาสแก่คุณ ผมว่าท่านจะเปลี่ยนพฤติกรรมของท่านแน่ๆ
สวัสดีปีใหม่ไทยครับ ขอให้ท่านสนุกกับปีใหม่ไทย ถ้าท่านเดินทางก็ขอให้ปลอดภัยจากภัยอันตรายทั้งปวงครับ
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี