เมื่อพูดถึงการบริจาคเลือด หลายท่านมักจะมองถึงการบริจาคและการให้เลือดในคนเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว สัตว์เลี้ยง เช่น สุนัขและแมว ก็มีความจำเป็นต้องได้รับการให้เลือดเช่นเดียวกันกับในคน วันนี้ผมมีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการบริจาคเลือดในสัตว์ จาก “หน่วยธนาคารเลือด โรงพยาบาลสัตว์เล็กคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” มาฝากครับ
@โรคชนิดใดที่ทำให้สัตว์เลี้ยงต้องได้รับการถ่ายเลือด
- สัตว์ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง มีความจำเป็นในการได้รับเลือดทดแทน เพื่อการผ่าตัด หรือให้เคมีบำบัด
- สัตว์ที่ประสบปัญหาเลือดจาง เนื่องจากอาการป่วยเรื้อรัง เช่น จากโรคไตวาย หรือโรคตับวาย
- ปัญหาจากอุบัติเหตุ เช่น รถชน ตกจากที่สูง เลือดออกในปอด ในช่องอก หรือช่องท้องตับหรือม้ามได้รับความเสียหาย รวมถึงปอดฉีกขาด เป็นต้น
- ปัญหาเลือดจาง และเกล็ดเลือดต่ำ เนื่องจากการติดเชื้อพยาธิในเม็ดเลือด หรือที่เรียกกันว่าโรคไข้เห็บ
- สัตว์ที่ได้รับสารพิษ เช่น ยาเบื่อหนู
- สัตว์ที่ถูกงูเขียวหางไหม้กัด ที่ทำให้มีสภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
@ สุนัขและแมวมีกรุ๊ปเลือดเหมือนคนหรือไม่
สุนัขแบ่งกรุ๊ปเลือดตามแอนติเจน (antigen) บนผิวของเม็ดเลือดแดง ซึ่งแบ่งออกเป็นกรุ๊ปต่างๆ ดังนี้ DEA 1.1, 1.2, 3, 4, 5, 6, 7 และ 8
ส่วนในแมว จะแบ่งกรุ๊ปเลือดออกได้เป็นเป็นกรุ๊ป A, B และ AB
@ สุนัขที่สามารถบริจาคเลือดได้ ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร?
มีอายุระหว่าง 1-8 ปี
มีสุขภาพแข็งแรง มีน้ำหนักตั้งแต่ 20 กิโลกรัมขึ้นไป
ได้รับวัคซีนรวมประจำปีครบแล้ว มีการป้องกันเห็บหมัด พยาธิหนอนหัวใจเป็นประจำ
ไม่เคยได้รับเลือดมาก่อน
หากเป็นสุนัขเพศเมีย ควรทำหมันแล้ว
ไม่เป็นโรคติดต่อทางระบบเลือด
ไม่เคยเป็นโรคแท้งติดต่อ
@ แมวที่สามารถบริจาคเลือดได้ ควรมีคุณสมบัติอย่างไร?
มีอายุระหว่าง 1-8 ปี
มีสุขภาพแข็งแรง มีน้ำหนักตั้งแต่ 4 กิโลกรัมขึ้นไป
ทำวัคซีนรวมประจำปีครบแล้ว
เป็นแมวที่เลี้ยงในบ้าน (ไม่เลี่ยงแบบปล่อย) นิสัยไม่ดุร้าย
มีโปรแกรมการป้องกันและควบคุมหมัดอย่างต่อเนื่อง
หากเป็นแมวเพศเมียควรทำหมันแล้ว
ไม่เป็นโรคติดต่อทางระบบเลือด
@เลือดที่สุนัขและแมวสามารถบริจาคได้ในแต่ละครั้ง มีปริมาณเท่าใด?
ในสุนัข สามารถบริจาคเลือดได้ในปริมาณ 10-20 มล./กก. ซึ่งปกติแล้วในสุนัขพันธุ์ขนาดกลาง จะบริจาคได้ไม่เกิน 350 มล. ต่อตัว ส่วนสุนัขพันธุ์ใหญ่เช่น Great Dane และSaint Bernard สามารถบริจาคเลือดได้ถึง 450 มล. ต่อตัว
ส่วนแมวสามารถบริจาคเลือดได้ปริมาณ 10-12 มล./กก. ดังนั้นจะบริจาคได้ประมาณ 50 มล. ต่อตัว
@ขั้นตอนในการบริจาคเลือดสุนัข เป็นอย่างไรบ้าง?
1. การตรวจเลือดเพื่อเช็คสุขภาพสัตว์ ก่อนการเก็บเลือด
สัตวแพทย์จะตรวจเลือดเพื่อดูความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดง เกล็ดเลือด รวมทั้งตรวจการทำงานของตับ ไต และตรวจพยาธิในเม็ดเลือด
2. ขั้นตอนการเก็บเลือด
เมื่อผลเลือดผ่านเกณฑ์แล้ว สามารถเก็บเลือดสุนัขได้จากเส้นเลือดดำที่ขาหน้า ขาหลัง หรือที่คอก็ได้ ขึ้นอยู่กับขนาดของสุนัขและขนาดของเส้นเลือด
ระหว่างที่สุนัขบริจาคเลือด สัตวแพทย์จะทำการให้น้ำเกลือ เพื่อทดแทนปริมาณน้ำเลือดที่สูญเสียไป และป้องกันไม่ให้สุนัขมีสภาวะขาดน้ำ
3.ขั้นตอนหลังเก็บเลือด
หลังจากบริจาคเลือดเรียบร้อยแล้ว สุนัขจะนอนพักเป็นเวลาประมาณ 10-15 นาที
สุนัขจะได้รับอาหารบำรุงสุขภาพ และยาบำรุงเลือดกลับไปป้อนต่อเนื่องที่บ้าน
@เลือดที่รับบริจาคนั้น สามารถทำเป็นผลิตภัณฑ์รูปแบบใดบ้าง?
เลือดที่รับบริจาคนั้น ทางคณะสัตวแพทยศาสตร์ มีการเตรียมผลิตภัณฑ์ในหลายรูปแบบตามส่วนประกอบของเลือดเพื่อให้สามารถนำไปใช้ได้ตามความจำเป็นในการใช้ของสัตว์แต่ละตัว เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดในเลือดแต่ละยูนิต ดังนี้
เฉพาะเม็ดเลือด ได้แก่เม็ดเลือดแดงอัดแน่น (packed red blood cells)
เฉพาะน้ำเลือด ได้แก่ พลาสม่าแช่แข็ง (fresh frozen plasma)
เฉพาะเกล็ดเลือด ในรายที่เกล็ดเลือดต่ำ ได้แก่ เกล็ดเลือดเข้มข้น (platelet concentration)
@ในกระบวนการบริจาคเลือดนั้น ขั้นตอนการวางยาซึมแก่สัตว์เลี้ยงนั้น มีความจำเป็นและเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน?
สำหรับสุนัข สัตวแพทย์อาจทำการให้ยาซึมเพื่อทำการลดความตื่นกลัวและลดความเครียดในสุนัขที่มีอาการตื่นเต้น หรือค่อนข้างดุร้าย จนไม่สามารถควบคุมได้โดยยาซึมที่ใช้เป็นยาที่มีความปลอดภัย และหลังจากนั้นจะให้ยาแก้ฤทธิ์ของยากล่อมประสาทเสมอ ดังนั้นเมื่อสุนัขบริจาคเลือดเสร็จแล้ว สุนัขจะกลับมารับรู้เป็นปกติเกือบ 100% ก่อนกลับบ้านอย่างแน่นอน
ส่วนในแมวนั้น สัตวแพทย์มีความจำเป็นที่ต้องให้คลายเครียดหรือยากล่อมประสาทในทุกกรณี แต่จะอยู่ในระดับที่ปลอดภัยต่อตัวแมวอย่างแน่นอนครับ
@การพาสัตว์เลี้ยงมาบริจาคเลือด มีข้อดีอย่างไร?
สัตว์เลี้ยงจะได้รับการตรวจสุขภาพจากสัตวแพทย์อย่างละเอียด โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ร่างกายสัตว์ได้มีการหมุนเวียน ได้เปลี่ยนถ่ายเลือดใหม่ เป็นประจำทุก 3 เดือน
ถือเป็นการทำบุญเพื่อต่อลมหายใจให้แก่เพื่อนสัตว์ที่กำลังเจ็บป่วย
เมื่อเห็นประโยชน์ของการบริจาคเลือดดังนี้แล้ว หากท่านใดที่มีสุนัขและแมวมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ ผมขอเชิญชวนให้พาสัตว์เลี้ยงมาบริจาคเลือดเพื่อเป็นการต่ออายุ ต่อลมหายใจให้สัตว์ป่วยกันนะครับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี