จากข้อมูลของ “Global Status Report on Road Safety 2018” (ข้อมูลของปี ค.ศ.2016) พบว่า อัตราการเสียชีวิตบนท้องถนนยังสูงเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้นด้วยซ้ำไป
กล่าวคือ ในรอบ 15 ปีที่ผ่านมามีประชาชนชาวโลกเสียชีวิตปีละ 1,250,000 คน บาดเจ็บ 20-50 ล้านคน นำความสูญเสียทางด้านเศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวง คือ ประมาณ 1-3% ของ GDP จากแต่ละประเทศ แต่ถ้ามองจากอัตราการเสียชีวิตต่อประชากรแสนคน ปรากฏว่ายังเหมือนเดิม คือ 18 คน/แสนคนในโลก และถ้าดูจากอัตราการเสียชีวิตของประชากรโลกต่อรถแสนคัน ปรากฏว่าอัตราการตายลดลง คือ ในปี ค.ศ. 2000 มีอัตราการตาย 165 คนต่อรถแสนคัน แต่ในปี 2016 พบว่าอัตราการตายต่อรถแสนคันเพียง 64 ราย ซึ่งแสดงว่าการทำงานของ UN, WHO, IFRC และประเทศต่างๆ ได้ผลบ้าง แต่ยังไม่ดีพอ หรือเร็วพอ ที่จำนวนการเสียชีวิตของชาวโลกยังเพิ่มขึ้นคงเป็นเพราะในโลกนี้มีทั้งประชาชน และรถมากขึ้น เมื่อมีคนมากขึ้นก็จะมีการเสียชีวิตมากขึ้นนั่นเอง
การเสียชีวิตบนท้องถนนเป็นสิ่งที่เสียหาย และเสียดายมาก เพราะทั้งหมดเป็นสิ่งที่ป้องกันได้ ทุกๆ คนในโลกนี้จึงควรมีความรู้ ความเข้าใจ ในทุกส่วนของ Road Safety และต้องมีวินัยในการปฏิบัติตนเองในการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ ลดการเสียชีวิต การบาดเจ็บ
การเสียชีวิตปีละ 1,300,000 คน/ปี หรือประมาณ 3,700 คน/วัน 3,700 คนต่อวันนั้นเทียบเท่ากับเครื่องบินขนาดใหญ่บรรทุกผู้โดยสารเต็มลำทุกลำ ตก 10 ลำทุกวัน และผู้โดยสารเสียชีวิตหมด!? และเป็นอย่างนี้ทุกวัน ทุกวัน ทุกวัน ในปกติของชีวิตประจำวัน ถ้าเครื่องบินโดยสารตก 1 ลำ ก็เป็นข่าวใหญ่แล้ว แต่ Road Safety มีประชาชนเสียชีวิตเทียบเท่าเครื่องบินตกเสียชีวิตหมดทั้งลำ 10 ลำทุกวัน แต่คนในโลกก็ยังไม่รู้สึกอะไร เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวเขา หากวันหนึ่งเรื่องเกิดกับคนที่เขารัก เขาจึงจะมีความรู้สึก
ปัจจุบันนี้อุบัติเหตุบนท้องถนน เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับที่ 1 ของกลุ่มอายุ 5-29 ปีของชาวโลก และเป็นสาเหตุอันดับที่ 8 ของการเสียชีวิตของทุกกลุ่มอายุ การเสียชีวิตบนท้องถนน มีมากกว่าการเสียชีวิตจากโรค HIV/AIDS, วัณโรค และจากโรคท้องร่วง แต่อุบัติเหตุบนท้องถนนได้งบประมาณน้อยมาก เมื่อเทียบกับงบประมาณที่ได้ในการดูแล 3 กลุ่มโรคนี้
ประเด็นที่น่าสนใจคือ ประเทศที่มีรายได้น้อยและปานกลางมีสถิติการเสียชีวิตมากกว่าประเทศที่มีรายได้สูงถึง 3 เท่าในระหว่างปี 2013-2016 ไม่มีการลดอัตราการเสียชีวิตในประเทศที่มีรายได้น้อย แต่ใน 48 ประเทศที่มีรายได้สูงและปานกลาง มีการลดลง
สาเหตุต่างๆ ของการเสียชีวิตบนท้องถนนมาจากการที่เมืองต่างๆ เติบโตอย่างต่อเนื่อง ประเมินกันว่าครึ่งหนึ่งของชาวโลกอยู่ในเมืองใหญ่ เกิดจากมาตรฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกฎหมาย รถ ถนน หรือแม้แต่คนยังไม่มีวินัย บางประเทศมีกฎหมายที่เก่าหรือยังไม่ดีพอ หรือแม้แต่มีกฎหมายที่ดี แต่ก็ไม่มีการบังคับใช้ที่ดีพอ การไม่ใช้เข็มขัดนิรภัย ไม่สวมหมวกนิรภัย การที่ขับรถเร็วเกินไป ดื่มแอลกอฮอล์แล้วขับรถ เช่นในประเทศไทยมีกฎหมายที่ดีพอสมควรเกี่ยวกับเรื่องนี้ คือ ในการขับรถทั่วๆ ไป ต้องมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดให้น้อยกว่า 0.05% หรือ 50 mg/dl. หรือ 50 mg/100 ml. และในเยาวชนและผู้ที่เริ่มขับรถใหม่ให้มีระดับแอลกอฮอล์ (BAC-Blood Alcohol Concentration)ไม่เกิน 20 mg/dl. เพราะเยาวชนและผู้ที่ขับรถใหม่ยังมีประสบการณ์น้อย การตอบสนองในการขับขี่จึงอาจยังไม่ดีพอ ถามว่าดื่มแอลกอฮอล์เท่าไหร่จึงจะไม่เกินเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ทางด้านการแพทย์ไม่สามารถตอบได้ว่าดื่ม 1 หน่วย หรือ 2 หน่วย แล้วระดับแอลกอฮอล์ในเลือดจะยังอยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาต เพราะการดื่มแอลกอฮอล์ในแต่ละคน มีการตอบสนองต่อแอลกอฮอล์ไม่เหมือนกัน และในคนเดียวกันก็ต้องพิจารณาว่าตอนดื่มแอลกอฮอล์กระเพาะอาหารว่างหรือมีอาหาร อดนอนไหม กินยาอะไรอยู่หรือไม่ ที่อาจทำให้มีการดูดซึมแอลกอฮอล์เร็วขึ้น หรือทำให้ยิ่งมีอาการง่วงมากยิ่งขึ้น ฯลฯ ฉะนั้นแม้แต่ในคนเดียวกัน 1 หน่วยอาจมากเกินไปในบางช่วงเวลา
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี