นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ปัญหาโจ๋หรือวัยรุ่นทั้งหลายที่ตีกันในโรงพยาบาลจริงๆไม่ใช่ปัญหาของตำรวจ ไม่ใช่ปัญหาของอัยการ ไม่ใช่ปัญหาของโรงพยาบาล แต่เป็นปัญหาของสังคม สังคมในจังหวัดที่โรงพยาบาลตั้งอยู่หมอที่มีอุดมคติ หมอที่เสียสละ หมอที่จบใหม่ทุกท่าน เต็มใจที่จะไปดูแลประชาชน ถ้าท่านทั้งหลายไปเจอเหตุการณ์อย่างนี้อุดมคติท่านจะแพ้ความกลัว ปัญหาตีกันควรมองเป็นวาระสังคมในโรงพยาบาลควรมีกล้องวงจรปิด ซึ่งตรงนี้เป็นวัตถุพยานหลักฐานที่ดีที่สุด ในส่วนของอัยการ การทำร้ายร่างกายกฎหมายกำหนดโทษจำคุก 3-15 ปี ห้องฉุกเฉินเป็นสถานที่ที่ห้ามเข้า หากบุกรุกเข้าไปใช้กำลังทำร้ายร่างกาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ถ้ามีเจตนาฆ่าโทษถึงขั้นประหารชีวิต เราต้องให้สังคมตื่นรู้กับโทษที่จะได้รับเมื่อกระทำความผิด ในเรื่องของการเยียวยา เหยื่อที่ได้รับผลจากอาชญากรรม ในกฎหมายสามารถเรียกค่าเสียหายได้
รศ.ดร.ศิริอร สินธุ อุปนายกสภาการพยาบาลคนที่หนึ่ง กล่าวว่า ในเหตุการณ์ตีกันในสถานพยาบาล สังคมควรจัดระเบียบใหม่ สื่อเป็นสถาบันหนึ่งจะช่วยได้มาก เพราะสื่อจะทำให้สังคมตื่นตัวกับปัญหานี้โรงพยาบาลชุมชนบางทีมีพยาบาลแค่ 2 คน เมื่อคนไข้ได้รับการดูแลไม่ทั่วถึงเกิดการไม่สบอารมณ์ของคนไข้ ทำให้เป็นต้นเหตุของความรุนแรงได้ นั้นคือปัญหาทางกายภาพ ควรจะแก้ไขปัญหาตรงส่วนนี้เช่นกัน พยาบาลห้องฉุกเฉินควรได้รับการอบรมในการสังเกตอาการของคนไข้ทุกคน เพื่อดูสถานการณ์ว่า คนไข้คนนี้มีอารมณ์แบบไหน หัวรุนแรงหรือเปล่าเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้น ความปลอดภัยของพยาบาลต้องพึ่งพาตำรวจ ส่วนพยาบาลที่ถูกทำร้ายร่างกาย สภาการพยาบาลอยากได้การเยียวยา เช่น การประกันชีวิต การให้กำลังใจดูแลภาวะทางจิตใจของพยาบาลด้วย ซึ่งคนที่ทำงานห้องฉุกเฉินควรได้รับขวัญและกำลังใจ
พล.อ.ต.นพ.อิทธพร คณะเจริญ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่าปัจจุบันมีเหตุการณ์ปรากฏเป็นข่าวในสื่อมวลชน ในเรื่องของความรุนแรงที่เกิดขึ้นบริเวณห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลอยู่เป็นประจำโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้นในโรงพยาบาลหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการทะเลาะวิวาทระหว่างผู้ป่วยหรือญาติผู้ป่วย การคุกคามหรือทำร้ายร่างกายแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข แพทยสภาในฐานะองค์กรวิชาชีพ ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม และมีหน้าที่ในการควบคุมการประกอบวิชาชีพให้เป็นไปตามมาตรฐาน ตระหนักเป็นอย่างยิ่งว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นอุปสรรคและส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ในการรักษาผู้ป่วยที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนและทันท่วงที ตลอดจนประชาชนที่เข้ารับการรักษาอาจได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวร่วมด้วย
ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยและประโยชน์สูงสุดของตัวผู้ป่วยเอง จึงควรมีมาตรการคุ้มครองและป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงดังกล่าวขึ้นในบริเวณโรงพยาบาลขึ้นอีก แพทยสภาจึงมีข้อเสนอคือ 1.ขอให้สังคมมีมาตรการร่วมกันปกป้องสถานพยาบาล 2.ขอให้ชุมชน ตำรวจ อาสาสมัครช่วยกันดูแลปกป้องห้องฉุกเฉินยามเทศกาล 3.ขอให้มีมาตรการสาธารณสุขป้องกันคนเมา คนไม่เกี่ยวข้อง เข้ามาในเขตห้องฉุกเฉิน ยกเว้นผู้ป่วย และ 4.กำหนดให้ห้องฉุกเฉินเป็นเขตปลอดคนเมา เช่น ควรจะติดป้ายหน้าประตูห้องฉุกเฉิน หรือติดป้ายว่า“ที่นี่มีกล้องฉุกเฉินตีกันติดคุกแน่นอน” สุดท้ายนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับทางการแพทย์และสาธารณสุขจะขับเคลื่อนไปด้วยกันทำให้เหตุการณ์นี้ทุเลาลงไม่มากก็น้อย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี