ผมไม่ทราบว่าสงครามการค้า-เทคโนโลยี ระหว่างอเมริกากับจีนจะไปถึงไหน ไม่ทราบว่าอเมริกาทำท่าขึงขังไปอย่างนั้นเอง หรือเอาจริง แต่ผมแน่ใจว่าจากการกระทำของอเมริกาจะทำให้จีน (และประเทศอื่นๆ ด้วย) จะระวังตัวมากยิ่งขึ้น ต่อไปนี้จีนจะคงพยายามสร้างให้ตนเองมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น จะผลิตทุกชิ้นส่วน ทุกขั้นตอนของโทรศัพท์มือถือหัวเหว่ย (Huawei) และอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยตนเองและทุกอย่างด้วย เพราะจะหวังพึ่งอเมริกา อังกฤษ ยุโรป หรือประเทศใดๆ ไม่ได้อีกแล้ว
แล้วไทยละ? เราได้บทเรียนอะไรบ้างจากสงครามการค้า สงครามเทคโนโลยีระหว่างอเมริกาและจีน หรือเราไม่สนใจ เพราะมันไม่เกี่ยวกับเราโดยตรง เราต้องพยายามมองประเด็นที่สำคัญแล้วเอามาคิดต่อว่าในอนาคตอาจจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเราได้บ้าง ก่อนอื่นเราต้องจำใส่สมองไว้เลยว่า ไม่มีมิตรที่ถาวร ศัตรูที่ยั่งยืน เมื่อถึงเวลา คนที่เป็นพวกเรา คนที่เราช่วยไว้ ประเทศที่ซี้กับเรา ก็จะไม่ช่วย หรือสามารถช่วยเราได้ เพราะในที่สุด ทุกคน ทุกประเทศ ต่างก็ต้องเอาตัวรอดทั้งนั้น ไม่มีใครจงรักภักดีต่อใคร ต่อนายเก่า ถึงแม้จะมีบุญคุณต่อคนคนนั้นมากมายอย่างไรก็ตาม ตลอดไป
ด้วยเหตุผลต่างๆ นี้เอง ประเทศไทย และพวกเราทุกๆ คน ต้องจำประเด็นนี้ไว้ ต้องหัดพึ่งตนเองให้ได้มากที่สุด อย่าหวังไปพึ่งคนอื่น แม้แต่ญาติพี่น้อง สามี ภรรยา เพราะในที่สุดก็อาจพึ่งไม่ได้ โดยเฉพาะสมัยนี้ ที่สามีภรรยามีการหย่าร้างกันมากขึ้นเรื่อยๆ
ฉะนั้นแต่ละคน แต่ละประเทศ ต้องหัดพึ่งตนเองให้ได้ เราต้องจำบทเรียน ต้องนำบทเรียนสงครามการค้าและเทคโนโลยีระหว่างอเมริกาและจีน มาพัฒนาประเทศเรา ให้ประเทศไทยสามารถช่วยตนเองได้ อยู่ด้วยตัวเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งใคร
อย่างน้อยประเทศไทยเราโชคดีมาก ที่มีพื้นที่ที่เพาะปลูกที่ดี มีอาหารเพียงพอต่อความต้องการของประชากร ผมเคยอ่านว่าประเทศไทยเป็น 1 ใน 18 ประเทศในโลกเท่านั้น ที่สามารถผลิตอาหารที่เพียงพอต่อประชาชนและยังมีเหลือที่จะส่งออกไปยังประเทศอื่นๆ ด้วย ประเทศสิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฯลฯ ต่างก็ต้องนำอาหารเข้าทั้งนั้น ฉะนั้นเราต้องดำรง รักษาไว้ในความสามารถ ศักยภาพอันนี้ ให้เป็นอย่างนี้ตลอดไป เรื่องอาหารการกิน เรามีพอ แต่เราต้องวางแผนไม่ให้เอาพื้นที่ไปทำอุตสาหกรรมมากไป โดยคิดว่า รายได้ที่ได้จากอุตสาหกรรมซึ่งอาจจะได้มากกว่าการทำเกษตร สามารถนำไปซื้ออาหารได้ เพราะนี่หมายความว่าเราต้องพึ่งคนอื่น เราควรมีพื้นที่เพาะปลูกให้เพียงพอต่อความต้องการของประเทศตลอดปี แต่ก็ต้องไม่มากเกินไป เพราะการเกษตรโดยเฉพาะการเลี้ยงวัว ควาย แพะ แกะ ฯลฯ ก็เป็นส่วนหนึ่งนอกเหนือจากกลุ่มพลังงาน คมนาคม อุตสาหกรรม ที่ทำให้โลกร้อนขึ้น (Global Warming หรือ Climate Change)
ผมพูด เขียน เสมอว่า ประเทศไทยควรมีคณะกรรมการแห่งชาติ 2 ชุด ชุดหนึ่ง ดูแลเรื่องกำลังคนในอาชีพ วิชาชีพต่างๆ อีกชุดหนึ่งดูแลเรื่องการผลิตผลิตภัณฑ์ทางด้านการเกษตร เช่น จะปลูกข้าวมากน้อยแค่ไหน ยาง การเลี้ยงสัตว์ต่างๆ ตั้งแต่วัว แพะ แกะ ไก่ ปลา กุ้ง หมู ฯลฯ รวมทั้งพืช ผัก ผลไม้ต่างๆ ด้วย ต้องคอยดูแลไม่ให้เลี้ยงสัตว์ ปลูกพืช ผัก ผลไม้อย่างหนึ่งอย่างใด มากเกินไป หรือน้อยไป ถ้ามากไป ราคาจะตกต่ำน้อยไป ราคาจะสูง กรรมการชุดต่างๆ เหล่านี้ ควรมีผู้เชี่ยวชาญจากทั้งภาครัฐ เอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลให้มีอาหารการกินที่อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ มีการแนะนำทางด้านอาชีพ วิชาชีพ ว่าประเทศไทยขาดอาชีพอะไรตามลำดับความสำคัญ ปัจจุบันนี้ผมคิดว่าเราขาดนักวิทยาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีต่างๆ เราต้องส่งเสริม ให้ทุนประชาชนไปเรียนในสาขาต่างๆ ที่ขาดแคลน เช่น ทางด้านเทคโนโลยี digital, computer, IoT, AI, robotics ฯลฯ เราต้องสร้างบุคลากรเอง เพราะพึ่งคนอื่น ประเทศอื่นไม่ได้แล้วในปัจจุบันนี้ เพราะถ้าวันดีคืนดีเขาไม่ดีกับเรา เราก็จะแย่ ทั้งนี้เราต้องมีวิธีการป้องกัน cyber warfare ฯลฯ อีกด้วย
อย่าลืมนะครับ “เทวดาช่วยคน(ประเทศ)ที่ช่วยตนเอง” ถ้าเราหวังพึ่งประเทศอื่น หวังว่าเขาจะดีกับเราตลอดไป มันเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่มีมิตรแท้ ศัตรูถาวร ในโลกนี้ ดูจากประวัติศาสตร์ประเทศไทยเองก็ได้ ดูจากผู้บริหารประเทศ นักการเมือง พรรคการเมืองต่างๆ รวมทั้งทางทหาร ถึงนาทีสุดท้ายต่างก็ตัวใครตัวมันทั้งสิ้น เพราะวันนี้เป็นมิตร วันหน้าอาจจะเป็นศัตรู คู่แข่งกันก็ได้ครับ
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี