ผมเขียน พูด สอน เสมอว่า ก่อนที่ประเทศไทยจะพัฒนาได้คนไทยส่วนใหญ่(หรือทั้งหมดได้ยิ่งดี) จะต้องมีคุณสมบัติ 4 ประการ คือ 1) เป็นคนดี 2) เป็นคนเก่ง 3) เป็นคนที่มีความรอบรู้ รู้ไปทุกเรื่องในระดับหนึ่ง และ 4) ต้องเป็นคนที่มีสุขภาพที่ดีด้วย จะได้รับใช้ประเทศชาตินานๆ ไม่ใช่เรียนมาแทบตาย 30 กว่าปี กว่าจะตั้งตัวได้ เช่น การเป็นอาจารย์แพทย์จุฬาฯ แต่ดันมาตายตอนอายุ 40 ปีกว่าๆ เท่านั้นเอง ไม่คุ้มทุนเลย !? ไม่ว่าจากมุมมองของใคร
แต่ผู้ที่ผมมีโอกาสพูด บอก แนะนำนั้น ส่วนใหญ่เป็นแพทย์ที่จบมาแล้ว 5 ปี คือ จบ พบ. มาแล้ว ไปใช้ทุนที่ต่างจังหวัด 3 ปี แล้วมาเรียนต่อทางสาขาวิชาอายุรศาสตร์ที่จุฬาฯ อีก 3 ปี โดยมาพบผมเป็นครั้งแรกในปีที่ 2 ของการเรียนสาขาวิชานี้ อายุก็จะประมาณ 27-29 ปี หรือเรียกได้ว่าคนกลุ่มนี้ถูกกรองมาแล้ว เป็นคนที่อยู่ในกลุ่มชั้นนำของประเทศแล้ว เขามาอยู่ตรงนี้ได้เพราะเขามีโอกาสเรียนและเขาเรียนได้ดีพอสมควร
แต่การที่จะทำให้ทุกๆ คนเป็นคนดี ที่เก่ง รอบรู้ มีสุขภาพที่ดีได้ สำหรับประชาชนทั้งประเทศ ทุกกลุ่ม ทุกชั้น ทุกคนนั้น ตอนแรกๆ ผมลืมคิดถึงไปว่า คนทุกๆ คนจะเก่งได้ จะต้องมีโอกาสเรียน ที่ผมพูดกับกลุ่มแพทย์นั้น เขาทั้งหมดผ่านขั้นตอนนี้มาแล้ว ผมเพียงแต่แนะนำ เสริม ให้เขาเป็นคนดี เรียนเก่ง หรือเก่งหลายๆ อย่างเพิ่มขึ้น แนะนำสิ่งต่างๆ เพื่อให้เขามีคุณสมบัติครบถ้วน ที่จะได้เป็นคนไทยที่ครบเครื่อง คนไทย 4.0 แต่กับประชาชนทุกๆ คนที่จะเก่งได้นั้น เขาจะต้องมี “โอกาส” ก่อน คนทุกๆ คนต้องมีโอกาสที่จะได้รับการศึกษาที่ดี ปัจจุบันเด็กไทยทุกๆ คนมีสิทธิ์ที่จะเรียนฟรี แต่ผมลืมไปว่า ทุกๆ คนยังไม่มีโอกาสเข้าถึงโรงเรียน เช่น พ่อแม่ยากจน จะต้องอยู่บ้านช่วยพ่อแม่ทำมาหากิน หรือโรงเรียนอยู่ไกลไป ไม่มีค่ารถ ค่าเสื้อผ้า รองเท้า หรืออื่นๆ ฉะนั้นรัฐบาลจึงต้องนึกถึงรายละเอียดต่างๆ เหล่านี้ด้วย ต้องทำทุกวิถีทางที่จะให้เด็กสามารถไปโรงเรียนได้ ด้วยการสนับสนุนบิดา มารดา ครอบครัว ให้ทุนสนับสนุนค่าใช้จ่ายสำหรับเด็กด้วย ในการที่จะเข้าถึงโรงเรียนได้จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการให้ทุน ให้กู้โดยไม่มีดอกเบี้ย หรืออะไรก็แล้วแต่
ฉะนั้นสมัยนี้ (ผมทำมาระยะหนึ่งแล้ว) เวลาผมสอนคุณหมอหรือประชาชนทั้งหลายในเรื่องความเป็นคนที่ “เก่ง” ผมจะบอกก่อนเลยว่าก่อนที่จะเก่งได้ จะต้องมีโอกาสเรียน จะต้องเข้าถึงโรงเรียนได้จริงๆ และที่สำคัญด้วยคือ จะต้องเรียนเป็น จับประเด็นเป็น สรุปเป็นรู้หัวใจของเรื่อง ต้องมีการเรียนรู้ตลอดชีวิต จะได้มีความรู้ที่ทันสมัยที่ปรับเปลี่ยนไปตามการพัฒนาการโลก ของวิชาการ จะต้องติดตามเทคโนโลยีให้ทันตลอดเวลา จะได้ตาม 4G 5G 6G ได้ทันตามกาลเวลา สำหรับแพทย์ที่เป็นศิษย์ผม สิ่งต่างๆ เหล่านี้ผ่านไปแล้ว (โอกาสที่จะเข้าถึงโรงเรียน) แต่ก็ยังจะต้องเรียนเป็นกว่าเดิม สรุปเป็น จับประเด็นเป็น ต้องรู้หัวใจของเรื่อง โดยเฉพาะพวกหมอ ที่ต้องมีความสามารถ ในการวินิจฉัยโรคอย่างถูกต้องและรวดเร็ว ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต ฯลฯ
แต่ระบบการศึกษาของไทยยังไม่ดีพอ ผมพบหลายๆ คนที่จบปริญญาตรี แต่แทบไม่มีความรู้อะไรเลย ถามอะไรง่ายๆ ในสิ่งที่ควรจะได้เรียนมาแล้วก็ไม่ทราบ ที่พอมีความรู้ก็เป็นบางอย่างที่เรียนมาเท่านั้น ส่วนอื่นๆ แทบไม่รู้เรื่องเลย มีความรู้ที่แคบมาก ทั้งนี้ เพราะพวกเราส่วนใหญ่ไม่ค่อยอ่านหนังสืออ่านเล่นที่ดีๆ หรืออ่านติดตามเรื่องที่เกี่ยวกับงานของตนเอง การอ่านมากๆ เท่านั้นที่จะช่วยทำให้เรามีความรู้รอบตัวมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการรู้จัก มีเพื่อนในหลายๆ อาชีพ
และกับลูกศิษย์ผม ผมมักจะให้ข้อคิดเขาด้วยว่า การที่เขามายืนอยู่ตรงจุดนี้ได้ เป็นเพราะการลงทุนของคุณหมอเองหรือของใคร กล่าวคือ คุณหมอเกิดมามีสมอง ไม่พิการ มีข้าวกิน มีโอกาสเรียน ฯลฯ ไม่ใช่การลงทุนของคุณหมอเองเลย มันเป็นการลงทุน ช่วย จากเทวดามากกว่า ที่ทำให้เราเกิดมามีสมอง เกิดมาไม่พิการ ทั้งๆ ที่ช่วงที่เราอยู่ในท้องแม่ เราอาจมีปัญหาทางด้านสุขภาพได้ร้อยแปดพันประการ เรามีโอกาสเรียน มีข้าวกิน ก็เพราะคุณพ่อคุณแม่ เราเพียงแต่ลงทุนด้วยการขยันเรียนเท่านั้น ผมจึงถามเขาต่อไปว่า ขอให้คุณหมอลงทุนเองบ้างได้ไหม ซึ่งไม่ต้องเสียสตางค์ เสียอะไรเลย คือเพียงแต่ขอให้เป็นคนดี มีผู้ป่วยอยู่ในหัวใจและ “อ่อนน้อมถ่อมตน อย่าดูถูกคน ทุกคนมีดี” นี่คือพระราชดำรัสที่ ร.9 ท่านพระราชทานให้แก่แพทย์ทั้งหลาย
หมอมีโอกาส ที่จะช่วยคนไข้ให้รอดพ้นจากการตาย จากกาฅรทุกข์ทรมาน ซึ่งเป็นสิ่งที่สุดยอดแล้ว และยังมีรายได้ที่ดีอีกด้วย เป็นอาชีพในไม่กี่อาชีพที่ประชาชนจะให้เงินเรา และไหว้เราด้วยความขอบคุณ อย่างจริงใจ เพียงแต่เราต้องเป็นคนที่ดีจริง หมอที่เก่งจริงครับ
การพัฒนาประเทศหลักๆ อยู่ที่การศึกษา การเข้าถึงการศึกษา การศึกษาที่ดีจริงๆ รวมทั้งขึ้นอยู่กับความยากจน ความเหลื่อมล้ำของสังคมครับ
แต่สำหรับผม สิ่งสำคัญที่สุด คือ ความเป็นคนดีครับ
ต้องมีตอนต่อไปแน่ๆ ครับ
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี