ปี พ.ศ.2563 ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว ท่านตั้งเป้าไว้แล้วหรือยังว่าอยากจะทำอะไรให้สำเร็จในปีใหม่ที่กำลังมาถึง โดยปกติแล้วผมมักจะขอให้ทุกๆ คนเป็นคนดีเหนือสิ่งอื่นใด เป็นคนที่เก่ง เป็นคนที่มีความรอบรู้ และเป็นคนที่มีสุขภาพที่ดี
แต่ปีนี้ผมอยากให้ท่านพยายามทำ 1 ใน 3 อย่าง หรือถ้าทำได้ทั้ง 3 หรือ 2 อย่างยิ่งดีใหญ่ นั่นก็คือ หนึ่ง พัฒนาเรื่องการศึกษา สอง การออมการลงทุน และสามการดูแลส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรคให้ตนเอง
ทำไม? เพราะจากข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2560 พบว่าประชาชนที่มีอายุมากกว่า 60 ปี นั้น มีการศึกษาน้อยมากเช่น มีการศึกษาต่ำกว่าประถมศึกษาถึง 68% มีผู้ที่เรียนจบปริญญาตรีหรือสูงกว่าเพียง 5.4% ทั้งนี้ผมไม่ได้หมายความว่าทุกๆ คนต้องเรียนให้จบ ป.ตรี อาชีวศึกษาก็มีความสำคัญ และประเทศไทยของเรายังขาดอาชีวะเป็นแสนคน ฯลฯ
อยากให้ทุกๆ คนขยันเรียนมากๆ และเรียนเป็น ก่อนอื่นรัฐบาลต้องสนับสนุนให้เด็กๆ ได้เรียนให้ได้จริงๆ 12 ปี ถ้าเด็กมาจากครอบครัวที่ยากจน ต้องหาทางช่วยให้ครอบครัวอยู่รอดได้และให้เด็กไปโรงเรียนให้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องหยุดโรงเรียนเพื่อช่วยพ่อแม่หารายได้ เด็กๆ ต้องมีค่ารถที่จะเดินทางไปโรงเรียน มีเงินที่จะซื้ออาหารกิน ฯลฯ และรัฐบาลต้องสนับสนุนระบบการศึกษาไทยให้ดี ได้มาตรฐานสากล ครูทั้งหลายต้องมีการสอนที่เหมาะสม ทันสมัย และสอนให้ทันสมัย เหมาะสมกับความต้องการของตลาด สังคม ปรับการสอนของตนเองตลอดเวลา
เด็กๆ จะต้องรู้จักย่อความเก่ง เรียนเป็น อยากรู้อยากเห็น สรุปเป็นจับประเด็นเป็น อย่างที่ผมพูดเสมอ ต้องรู้หัวใจของเรื่อง พระเอก นางเอก ผู้ร้ายของเรื่อง ต้องชอบอ่านหนังสือ มีการเรียนรู้ตลอดชีวิต เห็นอะไร พบอะไร ก็อยากรู้เรื่องไปหมดทุกอย่าง ต้องเปิดค้น google ดูในรายละเอียดฯ โรงเรียน สังคม ต้องหัดให้เด็กๆ ชอบอ่าน หนังสืออ่านเล่นต้องมีราคาที่ถูก หรือมีหนังสือ เอกสารดีๆ ให้อ่านฟรี on line ฯลฯ
ประเด็นที่สอง คือ ผู้สูงอายุในปี พ.ศ.2560 มักไม่ออม ไม่มีเงินต้องพึ่งลูกหลาน ต้องพึ่งรัฐบาลและสังคม จึงต้องทำงานหลังเกษียณเพื่อหารายได้มาเลี้ยงชีพตนเองหรือครอบครัว ผมไม่อยากเห็นผู้สูงอายุต้องทำงานเพราะมีความจำเป็นทางด้านการเงิน แต่อยากให้ทำงานเพราะอยากช่วยสังคม อยากช่วยกาชาด ทำงานเพราะความมันสนุก รวมทั้งจะได้เป็นการป้องกันโรคสมองเสื่อม รัฐบาลต้องสนับสนุนให้ทุกๆ คนออม ลงทุนอย่างชาญฉลาด ต้องสนับสนุนให้ทุกๆ คน และทุกๆ คน ต้องเริ่มต้นออม ลงทุน ตั้งแต่เมื่อรับเงินเดือนเดือนแรก ซึ่งก็คงจะเป็นเมื่อมีอายุได้ 22 ขึ้นไป เพราะถ้าเริ่มออม-ลงทุนเร็วเมื่อไหร่ ก็จะยิ่งเป็นการดีมากเท่านั้น สำหรับเมื่อเรามีอายุสูงขึ้น เราต้อง “รวยก่อนแก่” ไม่ใช่ “แก่แล้วแต่ยังจนอยู่” คนไทยชอบ “หาเช้ากินค่ำ” จริงๆ พอเงินเดือนออกก็ต้องใช้หนี้ หรือถูกหักแล้วก่อนที่จะใช้ ถ้าเหลือก็ไปฉลองกันในวัน 2 วันแรกของการรับเงินเดือน จนเงินเดือนแทบหมดภายในไม่กี่วัน
การที่จะออมได้ ลงทุนได้ จะต้องมีความรู้ทางการเงินแบบง่ายอย่างดีพอสมควร เช่น หนึ่งต้องหาเงินเก่ง คือ เรียนอาชีพ วิชาชีพที่ตลาดต้องการ จะได้มีงานทำที่ดีๆ สอง จะต้องออมทันทีที่ได้รับเงินเดือนอย่างน้อยที่สุด 10% ของเงินเดือน สาม เงินที่เหลือจึงนำมาใช้จ่ายอย่างสุขุม รอบคอบ อย่างเศรษฐกิจพอเพียง แล้วถ้าใช้แบบนี้ยังมีเงินเหลือ ออมเพิ่ม สี่ ต้องเอาเงินที่ออมนี้ไปลงทุนต่อ (ต้องใช้เงินให้ไปต่อเงินให้เรา) เพราะถ้าเพียงเก็บไว้ในบัญชีออมทรัพย์ ฝากประจำ ฯลฯ ดอกเบี้ยอาจจะได้ไม่เท่าค่าเงินเฟ้อ จึงควรนำเงินนี้ไปลงทุนโดยสรุปวิธีการลงทุนก็คือ ลงทุนกับ กบข. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพซื้อ LTF (ปีหน้า SFF) RMF เท่าที่หักภาษีได้เท่านั้น ซื้อตราสารหนี้ กองทุนรวม หุ้น บ้าน ทองคำ ฯลฯ สิ่งต่างๆ เหล่านี้คือ สินทรัพย์ รายได้จากสินทรัพย์ คือ passive income ถ้าเรามีรายได้จากสินทรัพย์มากกว่ารายจ่ายต่อเดือน ถือว่าเรามีอิสรภาพทางการเงินแล้ว แต่ถึงรวยอย่างไรผมก็ยังอยากให้มีงานทำ จะได้ช่วยสังคม ป้องกันสมองเสื่อม
และสาม อยากให้ดูแลสุขภาพด้วยการกินอาหาร ออกกำลังกายที่เหมาะสม เพื่อให้ดัชนีมวลกายอยู่ต่ำกว่า 23 และพุง ชาย หญิง เล็กกว่า 90,80 ซม. ตามลำดับ ง่ายๆ คือ กินหนักไปทางพืช ผัก ถั่ว ปลา ไก่ที่ไม่มีหนังเป็นหลัก หลีกเลี่ยงมัน หนังสัตว์ เนื้อแปรรูป เนื้อแดง หวาน มัน เค็ม น้ำหวาน ของหวาน และเดินหรือวิ่งครั้งละ 30 - 60 นาที 5 ครั้ง/สัปดาห์ ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ (หรือน้อยกว่า 2 หน่วย/วัน 1 หน่วยคือ 25 ซีซีวิสกี้ หรือไวน์ 80 ซีซี หรือเบียร์ 200 ซีซี) มีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย ไม่ใช้ยาเสพติดเดินสายกลางในชีวิต ตรวจสุขภาพอย่างน้อยเป็นครั้งแรกเมื่อเริ่มทำงานและทุกปีหลังจากนั้น หรือตามแพทย์แนะนำ ตรวจคัดกรองหาโรคตามเกณฑ์แพทย์ เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก(เมื่อมีเพศสัมพันธ์) มะเร็งลำไส้ใหญ่ เมื่ออายุ 50 ปี
ท่านอาจทำทั้งหมด หรือทำเพียงอย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้ครับ แต่ขอให้ทำ และทำตลอดไป
โชคดีครับ สวัสดีปีใหม่
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี