เริ่มนับถอยหลังกันแล้วสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาที่จะมีขึ้นในปีนี้ คือวันที่ 4 พฤศจิกายน2020 แน่นอนทั่วทั้งโลกคงกำลังจับตามองกันว่า หลังหมดวาระของ “นายโดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีคนปัจจุบันจากพรรคริพับลิกัน (Republican Party)ใครจะได้รับการเสนอตัวให้กลายมาเป็น“ผู้ท้าชิง” คนต่อไปจากพรรคเดโมแครต(Democratic Party) หลังจากที่“นางฮิลลารี คลินตัน” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พ่ายแพ้ไปอย่างฉิวเฉียดไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว
แน่นอนว่า ตามรัฐธรรมนูญของสหรัฐอเมริกานั้น การที่พรรคการเมืองจะเสนอใครก็ตามให้กลายเป็นผู้เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนต่อไปจำเป็นต้องผ่านขั้นตอนของการทำ “การเลือกตั้งขั้นต้น” เสียก่อน ซึ่งสำหรับพรรคริพับลิกัน ก็คงหนีไม่พ้นชื่อของประธานาธิบดีคนปัจจุบัน แต่ที่น่าติดตามก็คือ บรรดาสมาชิกจากพรรคเดโมแครตรอบนี้ ที่อาสาลงทำการเลือกตั้งขั้นต้นนั้น แต่ละคนมีความน่าสนใจและความโดดเด่นที่แตกต่างกันไป จนทำให้คะแนนที่ออกมาในเบื้องต้นสูสีกันชนิดที่กองเชียร์ของผู้มีคะแนนนำต้องเป่าปากทันทีเมื่อรู้ผลเลยทีเดียว
โดยในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ พรรคเดโมแครตมีแผนในการจัดการเลือกตั้งขั้นต้นขึ้นมาในหลายรัฐด้วยกัน อาทิ ไอโอวา, นิวแฮมป์เชียร์, เนวาดา,เซาท์ แคโรไลนา ฯลฯ ซึ่งแต่ละรัฐนั้นก็จะมีรูปแบบในการหยั่งเสียงที่แตกต่างกันไปใน 2 รูปแบบคือ การเลือกตั้งภายในแบบคอคัส (Caucus) และการเลือกตั้งภายในแบบไพรมารี (Primary)
คอคัส (Caucus) คือ วิธีการดั้งเดิมในการเลือกผู้สมัครรับการคัดเลือก(Candidate) แต่การใช้วิธีเลือกผู้สมัครรูปแบบนี้ได้ลดความนิยมลง หลังจากมีการเลือกด้วยรูปแบบไพรมารีเข้ามาช่วงต้น ค.ศ. 1900 โดยทางรัฐที่จัดการเลือกตั้งขั้นต้นในแบบคอคัสนั้น พรรคการเมืองจะต้องประกาศวัน เวลา และสถานที่สำหรับการประชุม ซึ่งโดยทั่วไปแล้วผู้ลงคะแนนจะต้องเป็นผู้ที่ลงทะเบียนหรือเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองนั้นๆ และในการประชุมคอคัสก็จะมีการเลือก “ผู้แทน” หรือที่เรียกกันว่า “Delegate” ซึ่งจะไปทำหน้าที่เป็นตัวแทนของรัฐนั้นๆ ในที่ประชุมใหญ่ของพรรค หรือที่เรียกกันว่า “National Party Convention” โดยในที่ประชุมนั้นผู้แทนแต่ละท่านจะต้องแสดงตนอย่างชัดเจนว่า เขาให้การสนับสนุน “ผู้เสนอตัวเป็นผู้สมัครประธานาธิบดี” (Candidate)ท่านใด หรือไม่ก็งดออกเสียง (ไม่แสดงตัวในการสนับสนุน) และภายในคอคัสก็จะมีการถกเถียง และโต้วาทีกัน (Debate) ว่าผู้แทนคนไหนควรได้รับเลือกเป็นผู้แทนที่จะไปทำหน้าที่ในที่ประชุมใหญ่ของสมาชิกพรรคการเมืองนั้น
สำหรับ ไพรมารี (Primary) คือ การหยั่งเสียงที่มีจุดเริ่มต้นจากกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ต้องการจะมอบอำนาจให้แก่ประชาชน สำหรับการเลือก“ผู้สมัครของพรรคในการลงสมัครรับเลือกตั้ง” (Candidate) ด้วยการให้ผู้ลงคะแนนสามารถเลือกผู้สมัคร (Candidate) ได้โดยตรงผ่านการลงคะแนนแบบเดียวกันกับการเลือกตั้งทั่วไป
โดยการเลือกตั้งในรูปแบบไพรมารีนั้น จะมีด้วยกันสองแบบก็คือ แบบเปิด(Open) หรือแบบปิด (Closed) แบบเปิดจะสามารถให้ผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคการเมือง สามารถเข้ามาร่วมลงคะแนนได้แต่จะมีสิทธิลงคะแนนในการเลือกตั้งไพรมารีได้เพียงครั้งเดียว (ห้ามไปลงคะแนนซ้ำในการเลือกตั้งไพรมารีของพรรคการเมืองอื่น) แต่สำหรับการลงคะแนนแบบปิด จะเปิดให้เฉพาะผู้ที่เป็นสมาชิกของพรรคการเมืองเท่านั้นที่สามารถเข้ามาลงคะแนนได้
นอกเหนือจากสองแบบข้างต้นแล้วยังมีแบบที่เรียกว่า “Blanket Primary” ที่ให้ผู้ลงคะแนนสามารถไปลงคะแนนเลือกตั้งขั้นต้นได้ทั้งสองพรรคการเมืองเลย แต่ส่วนใหญ่จะไม่ได้ให้ความนิยมต่อรูปแบบการเลือกตั้งขั้นต้นด้วยรูปแบบนี้สักเท่าไหร่
กล่าวโดยสรุปก็คือ วิธีการเลือกรูปแบบไพรมารี (Primary) จะมีความแตกต่างจากการเลือกในรูปแบบคอคัส (Caucus) คือ สำหรับไพรมารีนั้น ประชาชนสามารถลงคะแนนให้กับผู้สมัครโดยตรงได้ แต่ในรูปแบบคอคัส ประชาชนต้องลงคะแนนให้กับผู้แทนเท่านั้น และผู้แทนจะไปทำหน้าที่ลงคะแนนในที่ประชุมใหญ่อีกครั้ง ส่วนคะแนนจากการเลือกตั้งขั้นต้นในรูปแบบไพรมารีจะถูกนำมาคำนวณเป็นสัดส่วนของจำนวนผู้แทนที่จะได้รับ และในบางรัฐจะมีการใช้ระบบรูปแบบผสม ซึ่งทางพรรคเดโมแครตจะใช้วิธีการคำนวณแบบสัดส่วน แตกต่างจากพรรคริพับลิกัน ซึ่งแต่ละรัฐจะสามารถเลือกได้ว่า จะคำนวณแบบสัดส่วน หรือ “Winner take all” คือ ผู้ชนะจะได้รับจำนวนผู้แทนทั้งหมดของรัฐนั้นไป
กลับมาที่พรรคเดโมแครต ดังที่กล่าวไปแล้วว่า ได้มีแผนการจัดการเลือกตั้งขั้นต้น และเสร็จสิ้นไปแล้ว 2 รัฐด้วยกันเมื่อช่วงวันอาทิตย์ที่ 11 ก.พ. โดยรัฐไอโอวาเป็นรูปแบบของคอคัส ส่วนที่รัฐนิวแฮมป์เชียร์เป็นรูปแบบของไพรมารีซึ่งผลของคะแนนที่ออกมาในช่วงต้นนั้นถึงขนาด “นายโดนัลด์ ทรัมป์” ต้องเอ่ยปากแซวว่า “ขนาดการนับคะแนนเสียงกันเองยังยากเลย แล้วแบบนี้เหรอจะคิดมาดูแลระบบประกันสุขภาพของชาวอเมริกัน”
นั่นเพราะการเลือกตั้งขั้นต้นที่เกิดใน 2 รัฐนี้ เริ่มที่ “ไอโอวา” แม้คะแนนความนิยมของ “พีท บูติเจิจ”(Pete Buttigieg) จะเป็นรอง “เบอร์นี่แซนเดอร์ส” (Bernie Sanders) ไป2,580 คะแนน และทำให้เบอร์นี่ประกาศชัยชนะก็ตาม แต่ถ้ามานับจำนวนของ “ผู้แทน” หรือ “Delegate” พีทก็สามารถกวาดไปได้มากกว่า ด้วยระบบของคอคัส ส่วนรูปแบบไพรมารีของ “นิวแฮมป์เชียร์” ที่เป็นแบบเปิด (ใครก็ได้ไม่จำกัดว่าต้องเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครต แต่เลือกตั้งขั้นต้นได้แค่ครั้งเดียว) ซึ่งสื่อตีความออกมาว่า พื้นที่และระบบแบบนี้จะสามารถสะท้อนคะแนนนิยมจากประชาชนได้อย่างชัดเจน ก็ปรากฏผลออกมาว่า แซนเดอร์สในวัย 79 ปี ได้รับความนิยมไปถึง76,325 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 25.6ส่วนอดีตนายกเทศมนตรีเมืองเซาท์เบนด์รัฐอินดีแอนา ในวัย 38 ปี บูติเจิจ ได้รับคะแนนไป 72,443 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 24.3 ซึ่งเมื่อนำคะแนนไปคำนวณถึงจำนวน “ผู้แทน” ที่จะไปรวมตัวกันในการประชุมใหญ่ของพรรค ทั้งสองได้ผู้แทนจาก “นิวแฮมป์เชียร์” แบ่งกันไปฝั่งละ 9 คน แต่เมื่อรวมทั้งสองรัฐแล้ว “พีท บูติเจิจ” มีจำนวนผู้แทนในมือมากกว่า “เบอร์นี่ แซนเดอร์ส” อยู่ 1 คน(22 : 21) แม้คะแนนนิยมของท่านผู้อาวุโสจะได้รับมามากกว่าเจ้าหนุ่มดาวรุ่งพุ่งแรงก็ตาม
ว่ากันว่า ทั้งไอโอวา และนิวแฮมป์เชียร์ คือพื้นที่ที่สะท้อนความนิยมของประชาชนที่มีต่อการเป็นผู้สมัครในการชิงประธานาธิบดีสมัยต่างๆ แม้ว่าเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ผู้ชนะจากสองรัฐนี้อย่างแซนเดอร์สจะพลาดท่าพ่ายให้กับฮิลลารีในการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครตก็ตาม และครั้งนี้อาจจะเป็นงานยากของ “เบอร์นี่ แซนเดอร์ส” อีกครั้ง เมื่อชื่อของ “พีท บูติเจิจ” ได้รับความนิยมขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ ชายรักชายที่ประกาศตัวอย่างเปิดเผย ผู้ที่สามารถพูดได้ถึง 7 ภาษา และผ่านสมรภูมิรบที่อัฟกานิสถานมาแล้ว
กระนั้น สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร เพราะก่อนจะถึงวันประชุมใหญ่ National Party Convention ยังคงมีการเลือกตั้งขั้นต้นเกิดขึ้นอีกในหลายรัฐให้ต้องลุ้น โดยเฉพาะ SuperTuesday (3 มีนาคม) ที่จะเกิดขึ้นพร้อมกัน 16 รัฐ และจำนวน “ตัวแทน” หรือ “Delegate” ที่มากถึง 1,345 Delegates ถึงตรงนั้นน่าจะทำให้เราได้เห็นภาพของ “ผู้ท้าชิง” จากพรรคเดโมแครตได้อย่างแจ่มชัดขึ้น ว่าจะเป็นงานหนักหรือของหวานสำหรับแชมป์เก่าในฐานะเจ้าของทำเนียบขาวคนปัจจุบัน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี