หูเป็นอวัยวะที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่รับประสาทสัมผัสการได้ยินรวมถึงช่วยในการทรงตัวอีกด้วย โดยพื้นฐานแล้ว เราทราบว่าหูประกอบด้วย3 ชั้นคือ หูชั้นนอก หูชั้นกลาง และหูชั้นใน
หูชั้นใน ประกอบด้วยส่วนของระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับการได้ยินและการทรงตัว
หูชั้นกลาง ประกอบไปด้วย กระดูกหูและเยื้อแก้วหู ที่ส่งการสั่นสะเทือนของเสียงเข้าไปยังหูชั้นใน
หูชั้นนอก ประกอบด้วย “ใบหู” (Pinna หรือ auricle) ที่เป็นกระดูกอ่อนหุ้มด้วยผิวหนังและขน ทำหน้าที่รับเสียงและส่งเข้าไปด้านในและ “ช่องหู” (Ear canal) ที่เป็นทางเดินของเสียงเข้าสู่หู
วันนี้ เราจะมาคุยกันเฉพาะหูชั้นนอก นั่นถือใบหูและช่องหูโดยผมมีข้อมูลดีๆ จากสัตวแพทย์หญิงฉัตรวลี บุญธรรม เรื่อง “การดูแลทำความสะอาดหู” ครับ
“ใบหู” ของสุนัขและแมวต่างสายพันธุ์ก็จะมีใบหูที่มีลักษณะรูปร่างและขนาดแตกต่างกัน บ้างก็มีขนาดเล็ก บ้างก็ขนาดใหญ่ บ้างก็ตั้งรับลม บ้างก็แนบลงมาข้างแก้ม ส่วนช่องหูของทุกสายพันธุ์จะคล้ายกันคือมีลักษณะเป็นรูปตัวแอลในภาษาอังกฤษ (L)
เนื่องจากความขี้เล่นและความซุกซนของเจ้าตัวโปรดของเรา ประกอบกับเยื่อบุในช่องหูจะมี “ขน” และมี “ต่อม” สร้างสารที่มีลักษณะคล้ายแว็กซ์ (wax) ปกคลุมช่องหูอยู่ ดังนั้นจึงมีโอกาสที่จะเป็นตัวหมักหมมสิ่งสกปรก ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อหรืออักเสบของช่องหูได้ การทำความสะอาดช่องหูจึงมีความจำเป็นครับ
การเช็ดหูสำคัญอย่างไร
ในการดูแลความสะอาดตัวสัตว์เลี้ยงนั้น นอกจากการอาบน้ำและการตัดขนแล้ว ยังมีอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญ นั่นคือ การทำความสะอาดหูทั้งการถอนขนหู และการเช็ดหู สำหรับช่องหูสุนัขที่มีลักษณะเป็นรูปตัว L ซึ่งแตกต่างจากลักษณะช่องหูของมนุษย์ ส่งผลให้เกิดการสะสมของขี้หูที่บริเวณมุมตัว L และเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ ในช่องหูได้
ควรเช็ดหูบ่อยแค่ไหน
การเช็ดทำความสะอาดหูควรทำทุกครั้งหลังอาบน้ำ หรือสัปดาห์ละ 1-3 ครั้ง ยกเว้นกรณีที่มีปัญหาความสกปรกหรือโรคในช่องหูที่ต้องเช็ดหูตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ หากเช็ดหูบ่อยเกินความจำเป็นอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองของช่องหู ซึ่งทำให้เกา ตะกุย จนเกิดการอักเสบของช่องหูได้
จำเป็นต้องถอนขนหูหรือไม่
สุนัขบางพันธุ์มีขนขึ้นเยอะบริเวณช่องหูส่งผลให้เกิดการสะสม หมักหมมของขี้หู และเชื้อโรคต่างๆ การถอนขนหูถือเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อทำความสะอาดช่องหูและลดปัญหาการอับชื้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสุนัขพันธุ์หูตก เช่น Basset Hound, Blood Hound, Beagle, Labrador retrievers, Golden retrievers เป็นต้น
สำหรับการถอนขนหูสามารถทำได้เองโดยผู้เลี้ยง วิธีที่ง่ายที่สุดคือการถอนขนหูด้วยมือเปล่า หากใช้แป้งสำหรับถอนขนหูโรยบริเวณขนหูที่ต้องการถอนเพื่อให้แป้งเคลือบเส้นขน ลดความลื่นและความมันของเส้นขน ทำให้ถอนขนหูได้ง่ายขึ้น
นอกจากนั้นสามารถใช้เครื่องมือ (ปากคีบสำหรับถอนขนหู)ถอนขนหูได้ด้วย แต่การใช้เครื่องมือถอนขนหูต้องใช้ด้วยความระมัดระวังไม่ให้ตัวเครื่องมือหนีบโดนติ่งหรือปุ่มนูนต่างๆ ในหู เนื่องจากอาจทำให้เกิดบาดแผลและความเจ็บปวดได้
โรคช่องหูส่วนนอกอักเสบ
โรคช่องหูส่วนนอกอักเสบ หรือ Otitis externa เป็นโรคช่องหูที่พบได้มากที่สุดในสุนัขและแมว จากชื่อโรคดูเหมือนว่าโรคนี้จะไม่ค่อยน่ากลัวและรุนแรงมากนัก แต่หากปล่อยทิ้งไว้จนเป็นปัญหาเรื้อรังอาจทำให้โรคนี้กลายเป็นปัญหารุนแรงถึงขั้นต้องผ่าตัดยกช่องหูออก ซึ่งเป็นการผ่าตัดใหญ่ในสุนัขได้
โดยสาเหตุการเกิดโรคช่องหูส่วนนอกอักเสบมีหลายสาเหตุเบื้องต้น ได้แก่ การอักเสบจากการมีปรสิต (ไรในหู ขี้เรื้อนเปียก ขี้เรื้อนแห้ง)การอักเสบจากการติดเชื้อ (แบคทีเรีย เชื้อรา ยีสต์) รวมถึงการอักเสบจากภาวะภูมิแพ้ เป็นต้น ซึ่งต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุของโรคโดยสัตวแพทย์ โดยการตรวจขี้หูและผิวหนังบริเวณหูผ่านกล้องจุลทรรศน์ แล้วทำการรักษาตามสาเหตุของการเกิดโรค
วิธีการเช็ดหูที่ถูกต้อง
จากที่ได้กล่าวมาข้างต้นถึงกายวิภาคของช่องหูสุนัขที่เป็นรูปตัว L แล้ว สัตวแพทย์มักจะไม่แนะนำให้ทำความสะอาดช่องหูด้วยก้านไม้พันด้วยสำลีหรือ cotton bud เนื่องจากจะยิ่งผลักให้ขี้หูลงลึกไปในช่องหู วิธีการทำความสะอาดช่องหูที่แนะนำโดยสัตวแพทย์คือการเทน้ำยาล้างหูลงไปในช่องหูโดยตรง จากนั้นให้ใช้มือบีบคลึงบริเวณโคนหูเพื่อให้น้ำยาล้างหูทั่วถึงและครอบคลุมทั่วช่องหู ตัวน้ำยาล้างหูจะเข้าไปละลายขี้หูและเศษเนื้อเยื่อที่หลุดลอก จากนั้นให้ใช้สำลีแห้งซับเอาน้ำยาล้างหูและขี้หูออกให้หมดทั้งช่องหู โดยใช้ cotton bud เช็ดตามซอกต่างๆ ให้สะอาด
สำหรับขั้นตอนการเช็ดน้ำยาล้างหูออกจากช่องหูนั้น อาจทำได้โดยการปล่อยให้สุนัขและแมวสะบัดหูเพื่อกำจัดน้ำยาล้างหูออกจากช่องหูก่อนแล้วจึงเช็ดทำความสะอาดหูต่อไป แต่วิธีนี้อาจทำให้เกิดการเลอะเทอะบริเวณใกล้เคียงได้ และต้องสังเกตภายในช่องหูด้วย ว่าสะอาดเพียงพอแล้วหรือยัง และต้องเช็ดทำความสะอาดบริเวณใบหูด้านในจนแห้งสะอาดด้วย
เห็นไหมครับว่าการดูแลทำความสะอาดช่องหูของสัตว์เลี้ยงเรานั้นทำได้ไม่ยากเลย ถ้าปล่อยปละละเลยทิ้งไว้ให้เกิดการหมักหมมจนติดเชื้อ ก็อาจทำให้เกิดปัญหาเรื้อรังตามมาได้ ดังนั้นวันนี้ลองกลับไปดูช่องหูของสัตว์เลี้ยงเรานะครับว่าสะอาดแล้วหรือยัง
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี