เท่าที่ทราบจากเพื่อนแพทย์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคความดันโลหิตสูง ประเทศไทยมีประชากรที่มีความดันโลหิตสูงถึง 11 ล้านคน และเกือบครึ่งหนึ่งยังไม่ทราบว่าตนเองเป็นโรคความดันโลหิตสูง และหรือการรักษาโรคนี้ยังไม่เข้าเป้า
ทั้งแพทย์ไทยและฝรั่ง จึงเรียกโรคความดันโลหิตสูงว่า“ฆาตกรเงียบ” หรือ “Silent Killer” เพราะผู้ที่มีความดันโลหิตสูงอาจไม่มีอาการอะไรมาก่อน เช่น อาการปวดหัวหรือเลือดกำเดาไหลฯลฯ แต่อยู่ (ไม่) ดีๆ วันหนึ่งก็เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบและอุดตัน หรือเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบและอุดตัน หรือแตก ทั้ง 2 โรคทำให้เสียชีวิตได้ทันที หรือถ้าโชคดีไม่เสียชีวิต แต่อาจเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต รวมทั้งยังต้องเสียเงินเสียทอง เวลา ในการไปวินิจฉัย รักษาโรคอีกด้วย และร่างกายอาจไม่แข็งแรงเหมือนเดิม
ความดันโลหิตสูงมีเรื่อง กรรมพันธุ์มาเกี่ยวข้อง ถ้าคุณพ่อคุณแม่เราเป็นโรคนี้ เรามีสิทธิ์ที่จะมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าชาวบ้านที่คุณพ่อคุณแม่ไม่เป็นโรคนี้ บางโรคที่ทำให้มีความดันโลหิตสูงได้ เช่น หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงไตตีบ โรค Pheochromocytoma ฯลฯ โรคเหล่านี้ถ้ารักษาหายได้ความดันโลหิตก็จะกลับสู่ระดับปกติ โรคความดันโลหิตสูงที่มีสาเหตุต่างๆ นี้แพทย์เรียกกันว่า “Secondary Hypertension” แต่ส่วนใหญ่แล้วโรคความดันโลหิตไม่มีสาเหตุที่เกิดจากโรคต่างๆ หรือที่แพทย์เรียกกันว่า “Essential Hypertension” Essential Hypertension เกิดจากสาเหตุหลักๆ คือ กินเค็มมากไป ปกติองค์การอนามัยโลกแนะว่าคนเราไม่ควรกิน sodium (Na) เกิน 2,000 มก.ต่อวัน(ทั้งการปรุงอาหารและบนโต๊ะ) หรือเท่ากับเกลือแกง 5 กรัม ซึ่งก็คือประมาณ 1 ช้อนชา ของเกลือหรือน้ำปลาไม่เกิน 3 ช้อนชาถ้าเรากินเกลือได้ไม่เกินปริมาณจริงๆ โรคความดันโลหิตแทบจะไม่มีและถ้าบวกด้วยการออกกำลังกาย คุมอาหารให้ดัชนีมวลกาย(น้ำหนักตัวเป็นกิโลกรัมหารด้วยความสูงเป็นเมตรกำลังสอง)ไม่เกิน 23 พุงชาย-หญิงไม่เกิน 90, 80 ซม. ตามลำดับแทบจะไม่ปรากฏโรคความดันโลหิตเลย
ความดันโลหิตมี 2 ระดับ ระดับบนเรียกว่า systolic blood pressure, ระดับล่างเรียกว่า diastolic แพทย์มักจะเขียนความดันโลหิตเป็น 120/80 หมายความว่า ระดับ systolic อยู่ที่ 120 ระดับ diastolic อยู่ที่ 80 ค่าปกติควรอยู่ที่ 120/80 ถ้าระดับ systolic อยู่ระหว่าง 120-130 ระดับ diastolic อยู่ระหว่าง 80-90 ถือว่าเริ่มสูงไปแล้ว ต้องเริ่มดูแลรักษาด้วยการลดความเค็ม คุมอาหารออกกำลังกาย ลดพุง ลดน้ำหนักถ้าเกินเกณฑ์ ถ้าระดับความดันสูงเกิน 140/90 คงต้องปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมว่าควรกินยาอย่างไรหรือไม่
อาหารสำเร็จรูป อาหารแปรรูปมักมีเกลือ (Na) มากอยู่แล้วฉะนั้นไม่ควรกินหรือกินมากไป ถ้ามีความดันโลหิตสูงในระยะยาว จะเกิดโรคของหลอดเลือดทั่วร่างกาย แต่จะปรากฏตัวที่หัวใจ(โรคหลอดเลือดหัวใจตีบและอุดตัน) สมอง (อัมพฤกษ์ อัมพาต) ไต ทำให้เป็นโรคไตวายเรื้อรัง จนในที่สุดต้องฟอกเลือด ช่องท้อง ตา ทำให้ตาบอดได้
ความดันโลหิตจะสูงขึ้นตามอายุ (เช่นเดียวกับน้ำตาลไขมันในเลือด) และอาจสูงขึ้นโดยไม่มีอาการฉะนั้นทุกๆ คนควรวัดความดันโลหิตเป็นระยะๆ อย่างน้อยตั้งแต่เริ่มทำงาน สมัยนี้ทุกๆ บ้านควรมีที่วัดความดันโลหิตและวัดทุกเดือน ฯลฯ ซึ่งก่อนที่จะวัดควรต้องนั่งนิ่งๆ อย่างน้อย 10 นาที
โรคความดันโลหิตเป็นโรคหนึ่งของกลุ่มโรค NCDs หรือ Non-communicable diseases หรือโรคที่ไม่ติดต่อ NCDs เป็นโรคเรื้อรังที่เกิดจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลาช้านานตั้งแต่เด็กๆ องค์การอนามัยโลกแจ้งว่า NCDs เป็นสาเหตุการเสียชีวิตของประชาชนโลกถึง 70% 4 กลุ่มโรคที่สำคัญในกลุ่ม NCDs คือ โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือด (หัวใจ สมอง และความดัน)DM. โรคปอดเรื้อรัง
สำหรับผม โรค NCDs คือ โรคที่ป้องกันได้ คือต้องมีพฤติกรรมที่เหมาะสมตั้งแต่เด็ก เพราะหลังเราเกิด จะเริ่มมีหลอดเลือดตีบเรื่อยๆ อย่างช้าๆ แล้วแต่มีกรรมพันธุ์ทางโรคนี้หรือไม่และค่อยๆ ตีบอย่างไม่มีอาการ จนกระทั่งตีบได้ 50-80%ของเส้นผ่าศูนย์กลาง จึงอาจเริ่มมีอาการ ซึ่งถึงตอนนี้อาจเสียชีวิตได้ทันที ฉะนั้นเราจะต้องดูแลตนเองให้หลอดเลือดไม่ตีบเพิ่มเติม หรือตีบช้า หรือถ้ามันตีบแล้วให้มันหายตีบ หรือถ้าไม่หายตีบ ให้ร่างกายสร้างหลอดเลือดใหม่แทนหลอดเลือดเก่า ทางด้านการแพทย์พบว่าบางคนที่เสียชีวิตจากโรคอื่น พอผ่าหัวใจดู พบว่าหลอดเลือดหัวใจเส้นสำคัญตันหมดแล้วแต่ไม่ได้เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบและอุดตัน เพราะมีหลอดเลือดใหม่ที่เป็น “ทางเบี่ยง”
ผมจึงอยากขายความคิดว่า เราต้องไม่ตายไม่เป็นโรค ที่เราป้องกันได้ หรือลดโอกาสการเป็นให้มากที่สุดครับ
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี