ในปัจจุบัน ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การดูแลคนไข้ในกลุ่มนี้ต้องดูแลอย่างเป็นองค์รวม โรคในผู้สูงอายุมักเกิดจากความเสื่อมถอยของอวัยวะต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่สายเสียง
ทำไมเราถึงสามารถแยกแยะเสียงคนหนุ่มสาวและเสียงคนสูงอายุได้ แม้ไม่เห็นใบหน้า? เสียงของผู้สูงอายุจะเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่อายุประมาณ 65 ปี มักจะพบร่วมกับภาวะหูตึง เมื่อผู้สูงอายุเริ่มมีเสียงที่เปลี่ยนไป เสียงไม่ไพเราะ เสียงไม่ใสเหมือนเดิม อาจทำให้เกิดภาวะเครียด อาย ไม่กล้าพูด เกิดการหลีกเลี่ยงการเข้าสังคม นำมาซึ่งภาวะซึมเศร้าได้
เสียงของผู้สูงอายุต่างจากเสียงของวัยหนุ่มสาวอย่างไร? เสียงของผู้สูงอายุจะมีการเปลี่ยนแปลงไปได้หลายรูปแบบ เช่น เสียงแหบพร่าเสียงพูดมีลมรั่วเสียงพูดค่อยหรือเบาลงเสียงสั่น และไม่สามารถคุมโทนเสียงให้คงที่ได้
ภาวะนี้เกิดขึ้นจากอะไร? ลักษณะของสายเสียงของผู้สูงอายุจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ดังนี้ 1.เนื้อสายเสียงฝ่อลงทั้งสองข้างทำให้เกิดช่องว่างระหว่างสายเสียง เวลาออกเสียงจึงมีเสียงลมรั่ว2.ความยืดหยุ่นของสายเสียงลดลง 3.ข้อต่อที่ใช้ในการขยับสายเสียงมีภาวะฝืด ติดขัดทำให้สายเสียงไม่พลิ้วไหวเหมือนเดิม
จากงานวิจัย พบว่าในนักร้อง นักเทศน์ หรือผู้ที่ใช้เสียงอย่างถูกวิธีเป็นประจำ จะพบภาวะเสียงเปลี่ยนเช่นนี้น้อยกว่าคนทั่วไป ดังนั้นการฝึกใช้เสียงอย่างถูกวิธีเป็นประจำ จะช่วยลดภาวะเสียงเปลี่ยนเมื่ออายุมากขึ้นได้
ผู้สูงอายุที่มีเสียงเปลี่ยนไป จะมีวิธีการดูแลรักษาอย่างไรได้บ้าง? 1.การดูแลสายเสียงและดูแลสุขภาพที่ส่งผลให้เกิดการเปล่งเสียงที่มีคุณภาพ ประกอบด้วย 1.1 จิบน้ำบ่อยๆเนื่องจากในผู้สูงอายุจะมีภาวะปากแห้ง คอแห้ง 1.2 หลีกเลี่ยงการกระแอม ตะโกน หรือพูดติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน1.3 ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและปอด หากปอดแข็งแรง ลมที่ออกมาจะมากพอที่จะทำให้เกิดเสียงที่มีพลังได้ 1.4 ผ่อนคลาย และลดความเครียด เนื่องจากจิตใจที่แจ่มใส จะทำให้เกิดสุขภาพที่แข็งแรง
2.การฝึกพูด และฝึกการเปล่งเสียงอย่างถูกวิธี ถ้าผู้สูงอายุมีปัญหาเรื่องเสียง ควรได้รับการฝึกพูดกับนักแก้ไขการพูด โดยจะมีโปรแกรมฝึกการเปล่งเสียงที่ถูกต้อง เพื่อให้ผู้สูงอายุมีเสียงที่ทรงพลังและก้องกังวานมากขึ้น โดยจะต้องหมั่นฝึกซ้อมตามโปรแกรมที่จัดไว้ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีแต่ต้องใช้ความอดทน และการหมั่นฝึกฝนเสียงอยู่เสมอ เช่นเดียวกับนักร้อง
3.การผ่าตัด วิธีนี้มักใช้เป็นตัวเลือกหลังสุด เนื่องจากการผ่าตัดในผู้สูงอายุมีความเสี่ยง จะทำในกรณีที่การรักษาสองวิธีข้างต้นแล้วผู้ป่วยยังไม่พอใจในเสียง ซึ่งการผ่าตัดสายเสียงประกอบด้วย 3.1 การส่องกล้องเพื่อฉีดสารเข้าในสายเสียง ซึ่งจะทำให้สายเสียงที่ฝ่อกลับมาตึงและปิดได้สนิท 3.2 การผ่าตัดจากภายนอก เพื่อใส่วัสดุบางอย่างไปดันสายเสียงให้กลับมาปิดได้สนิท
อาการเสียงแหบในผู้สูงอายุ มักจะมีอาการค่อยเป็นค่อยไปเสียงจะแหบพร่าและสั่นมากขึ้นทีละน้อยตามอายุที่เพิ่มมากขึ้นในกรณีที่เสียงแหบเป็นทันทีทันใด หรือเป็นมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ควรไปพบโสต ศอ นาสิกแพทย์ เพื่อส่องกล้องตรวจสายเสียงโดยละเอียด เนื่องจากภาวะดังกล่าวอาจเกิดจากโรคอื่นๆ ที่ไม่ใช่ภาวะเสียงเปลี่ยนในผู้สูงอายุได้ เช่น สายเสียงอักเสบจากการติดเชื้อเนื้องอกบริเวณสายเสียง หรือโรคทางระบบประสาท เป็นต้น
บทความโดย อ.พญ.จันธิชา เลาหกิตติกุล
ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี