เลิกต่อว่ารัฐบาล หน่วยงานโน่นนี่ คนนั้นคนนี้ได้แล้วครับ รวมทั้งเลิกว่าทหารด้วยครับ (แต่ตอนนี้ไม่ได้ยินหรือเห็นใครว่านะครับ)
หลายวันแล้วที่สภากาชาดไทยขาดเลือด เห็นทหารมาบริจาคโลหิตเต็มไปหมดทุกวัน เวลาบ้านเมืองเดือดร้อน “อึ”ไม่ออก “ฉี่”ไม่ออก ก็ทหารนี่แหละช่วย เวลาน้ำท่วม น้ำแล้ง ช่วยกำจัดขยะ ผักตบชวา บริจาคเลือด เอาอาหารไปแจก รวมทั้งระยะนี้ เวลาพวกเรานอน ทหารยังต้องออกไปทำความสะอาดบ้านเมือง ผมยังอยากเสนอรัฐบาล ท่าน ผบ.ทบ. ให้ทหารช่วยทำหน้ากากอนามัยผ้า เพราะทหารอยู่ในกรม กอง รวมตัวกันอยู่แล้ว เป็นแสนๆ คน หลังจากสอนให้ทำเป็น สามารถผลิตได้วันละเป็นหลายล้านชิ้น ส่วนประชาชนอื่นๆ ตอนนี้อยู่ที่บ้าน กระจัดกระจาย ไม่น่าจะสะดวกที่จะทำมากนัก รัฐบาลเพียงแต่ซื้อผ้าให้ทหารเท่านั้น เท่าที่ทราบทหารก็ทำแล้วบ้าง แต่อยากให้ทำเป็นกรม เป็นกอง
ศึกครั้งนี้กับโควิด 19 หนักหนาสาหัส ทุกๆ คนต้องมีหน้าที่ ไม่ใช่เฉพาะรัฐบาล ข้าราชการ แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ทุกหน่วยงาน ฯลฯ ทุกๆ คนต้องช่วยกัน ช่วยโดยไม่ต้องออกแรง ใช้สมองเลย เพียงแต่ให้อยู่ที่บ้าน! แสนจะง่าย
ศึกครั้งนี้อย่าโทษใคร เพราะแม้แต่ Warren Buffet เจ้าพ่อทางด้านการลงทุน ยังไม่เคยพบ เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ตั้งแต่เกิดมา 89 ปี ฉะนั้นอย่าไปโทษรัฐบาล เพราะคิดอย่างไร ทำอย่างไร ก็อาจไม่ครอบคลุมไปทุกด้าน แต่พวกเราทุกๆ คนต้องร่วมมือกันทั้งโลก เรามีศัตรูเดียวกันคือ โควิด-19 ถ้ามีข้อเสนอดีๆ อะไรก็บอก พูดดีๆ เขียนดีๆ อย่างมีเหตุผล ไม่ใช่พูดจากอารมณ์ ผู้บริหารประเทศ บริษัทห้างร้าน ผู้บริหาร ทุกระดับ มีหลายมุมมองที่จะต้องคิด ดูแล ไม่ใช่ด้านแพทย์ สาธารณสุขอย่างเดียว ต้องคิดเรื่องสาธารณสุข เศรษฐกิจ สังคม ปิดเมือง จะมีผลอะไร ข้อดี ข้อเสีย ปิดมากแค่ไหน อาหารการกินจะทำอย่างไร
แต่ประเด็นมีอยู่ว่า ผู้บริหารต้องคิดเก่ง สร้างสรรค์ คิดนอกกรอบ คิดให้รอบคอบ อย่างกว้างขวาง ทุกแง่ทุกมุม แล้วต้องวางแผนเก่ง ต้องรีบตัดสินใจ เช่น ตอนนี้เราอยู่ในช่วงเวลาทอง (golden period) ซึ่งกำลังจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว เราต้องคิด คิดให้กว้างไกล คิดให้เร็ว แล้วตัดสินทำอะไรที่ดีที่สุดต่อส่วนรวม ประเทศ
โรค covid-19 นี้ พูดง่ายๆ เชื้อไวรัสมันอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่มีคน ถ้าไม่มีคนให้เชื้อไวรัสแพร่ มันก็จะอยู่เฉพาะในคน ในอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกายของคนที่ติดเชื้อ จนกว่าคนจะหายจากโรค หรือแพ้โรค จนถึงแก่ความตาย ถ้าคนตาย เชื้อก็จะตายด้วย เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคใหม่ มนุษย์ไม่เคยพบมาก่อน เราจึงยังไม่มีข้อมูลมาก อย่างไรก็ตามจากข้อมูลเท่าที่มี ประมาณ 85% ของผู้ติดเชื้อ จะเป็นไม่มาก 10% จะเป็นมาก 5% จะเป็นหนักมาก ต้องเข้า ICU ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ฯลฯ ซึ่งทุกอย่างมีจำกัด
ทุกๆ คนช่วยได้ ด้วยการอยู่บ้าน อยู่บ้านด้วยความสมัครใจ ไม่ต้องรอให้หลวงสั่ง เราต้องมีวินัย ช่วยตนเอง ช่วยญาติ ช่วยเพื่อน ช่วยแพทย์ พยาบาล สังคม ช่วยประเทศ ด้วยการอยู่บ้าน เราอยู่บ้านเราก็จะไม่ไปติดเชื้อ และหรือไม่ไปแพร่เชื้อให้ผู้อื่น เราอายุน้อยไปติดเชื้อจากข้างนอก ยังไม่มีอาการ หรืออาการน้อย อาจเอาเชื้อไปติดให้คนที่เรารักที่บ้าน เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย ลูกหลาน ฯลฯ ซึ่งผู้สูงอายุก็รู้กันอยู่แล้วว่ามีความเสี่ยงสูง ที่อิตาลีที่ตายมากก็เพราะมีประชาชนผู้สูงอายุมาก
หลายประเทศมีการติดเชื้อมาก แต่เสียชีวิตน้อย มีหลายสาเหตุ หนึ่งผู้ติดเชื้อเป็นคนอายุน้อย ประเทศนั้นมีห้อง negative pressure (ป้องกันเชื้อโรคออกนอกห้อง) มาก มีห้อง ICU มาก มีเครื่องช่วยหายใจมาก มีการตรวจหาโควิด-19 มาก เช่น เกาหลีตรวจหาเชื้อวันละ 15,000 ครั้ง!? มีแพทย์ พยาบาล ระบบการสาธารณสุขที่ดีและมากกว่าที่อื่น ฯลฯ อเมริกา ประเทศที่น่าจะเจริญมากที่สุด ยังมีการติดเชื้อมากที่สุดเป็นอันดับ 3 รองจากจีน อิตาลี แต่ผมว่าภายใน 10 วันอาจแซงหน้าจีนด้วยซ้ำไป ทำไม? เพราะจากการชะล่าใจของรัฐบาล ประชาชน ขณะนี้ New York มีการติดเชื้อครึ่งหนึ่งของอเมริกา ผู้ว่ารัฐบอกว่าต้องการเครื่องช่วยหายใจ 30,000 เครื่อง ประเทศไทยเรามีแพทย์ พยาบาล ระบบสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข - ในความเห็นของผม - ที่ดีมาก มีคุณภาพ แต่ถึงแม้มีคนเก่งมาก ระบบดีมาก จำนวนหนึ่ง แต่จะพอรับมือข้าศึกได้จำนวนหนึ่ง แต่ถ้าข้าศึกยกมาเป็นหมื่น เป็นแสนพร้อมกัน แพทย์ พยาบาล ระบบสาธารณสุขของเราก็จะรับมือไม่ไหว น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ เหมือนศึกบ้านบางระจัน หรือศึก Alamo ฯลฯ
ฉะนั้นเราต้องช่วยกัน ช่วยทำให้เกิดการแพร่เชื้อเป็นไปได้อย่างน้อยมาก ต่อวัน ให้แพร่เชื้อ ช้าๆ เราจะได้ยื้อเวลาให้ฝ่ายสาธารณสุขเตรียมตัว ให้เขาได้พักผ่อนบ้าง เตรียมห้อง negative pressure เตรียมโรงพยาบาล เตียง ห้อง ICU เตรียมซื้อเครื่องช่วยหายใจเพิ่มขึ้น ให้ทันและพอต่อเหตุการณ์ ฯลฯ
คณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งประเทศของเราได้ประเมินแล้วว่า ถ้าเราทำแบบเดิมไป 30 วัน จะมีการติดเชื้อเท่าไหร่ แต่ถ้าปิดเมืองผลจะออกมาเป็นอย่างไร ตัวเลขที่ประเมินพบว่าภายในวันที่ 15 เมษายน 2563 หากเราปฏิบัติตัวแบบเดิม จะมีจำนวนผู้ติดเชื้อ 351,948 ราย, นอนโรงพยาบาล 52,792 ราย, ICU 17,597 ราย และเสียชีวิต 7,039 ราย แต่ถ้าหากเรา Lock down ทุกคนอยู่ที่บ้าน จะมีจำนวนผู้ติดเชื้อ 24,269 ราย, นอนโรงพยาบาล 3,640 ราย, ICU 1,213 ราย และเสียชีวิต 485 ราย ท่านเลือกเอาก็แล้วกันว่าจะทำอย่างไร
ผมจึงเดาเอาว่ารัฐบาลจะต้องออกกฎหมายมาใช้ในการต่อสู้กับศึกครั้งนี้
และก็จริงๆ เวลา 14.00 น. ของวันที่ 24/3/63 ท่านนายกได้ประกาศ พรก.ฉุกเฉิน รายละเอียดผมยังไม่ทราบ
เราต้องช่วยกันครับ ต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ทั่วประเทศ ทั่วโลก
ทั้งหมดนี้อยู่ในมือพวกเราครับ จะติดเชื้อมาก ติดน้อย ตายมาก ตายน้อย อยู่ที่พวกเราครับ
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี