ถ้าจำหลักการของการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพได้ว่า นานพอ หนักพอ บ่อยครั้งพอ เราก็สามารถคิดเองได้ว่า การออกกำลังกายวิธีไหนจะดีต่อสุขภาพ คำตอบก็คือ การเดิน วิ่ง ว่ายน้ำถีบจักรยาน (อยู่กับที่จะดีกว่า เพราะถ้าถีบไปตามถนน อาจต้องถีบบ้าง หยุดบ้าง เพราะติดไฟ ติดรถ ยกเว้นในชนบท แต่ก็ต้องระวังเรื่องรถชน อุบัติเหตุบนถนนอีก) เต้นแอโรบิก หรือกระโดดเชือก ฯลฯ อย่างต่อเนื่องและนานพอ (30-60 นาที) หนักพอ (70% ของความสามารถสูงสุดที่หัวใจจะเต้นได้ หรือMaximal Heart Rate : MHR) บ่อยครั้งพอ (5 ครั้งต่อสัปดาห์)จะเห็นได้ว่าการตีเทนนิส แบดมินตัน กอล์ฟ ฯลฯ ไม่ใช่การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง เพราะในการตีเทนนิสแบดมินตัน จะมีการวิ่งๆ หยุดๆ ต้องหยุดเพื่อเสิร์ฟลูก นักกีฬาบางคนใช้เวลานานมากก่อนที่จะเสิร์ฟ (นาดาล) จึงไม่มีการออกกำลังกายที่มีความหนัก 70% ของ MHR ตลอดเวลา ส่วนการเล่นกอล์ฟก็เช่นกัน มีการเดินๆ หยุดๆ บางคนนั่งรถในการเล่นกอล์ฟด้วย ผมพูดเสมอว่า ถ้าจะเล่นกอล์ฟและทำให้สุขภาพดีด้วย ควรพยายามเดินเร็วๆ ระหว่างที่ไม่ตีลูก อย่านั่งรถ อย่างผม มีรถไว้สำหรับเก็บของที่ติดตัว ให้แคดดี้ขับ ส่วนผมจะเดินและเวลาเดินพยายามเดินเร็วๆ แต่บางคนไม่เดิน นั่งรถตลอด แถมยังดื่มเบียร์ หรือน้ำหวานตลอดเวลาอีกด้วย เวลาผมตีกอล์ฟจะดื่มน้ำเปล่าเท่านั้น เพราะหลักการการเล่นกีฬาสำหรับผม คือ ลดไขมัน น้ำหนัก ทำให้หัวใจ ฯลฯแข็งแรง และเป็นการ recharge battery ทำให้จิตใจ สมองปลอดโปร่ง การกินน้ำหวานแก้วเดียว เบียร์แก้วเดียว ถ้าจะเผาผลาญให้หมด จะต้องเดินหรือวิ่งมากกว่าหนึ่งไมล์!?
แต่แน่ละ การเล่นเทนนิส แบดมินตัน กอล์ฟ ก็ยังจะทำให้คนที่เล่นมีร่างกายที่แข็งแรงกว่าคนที่ไม่เล่นเทนนิส ฯลฯ เลยผมยังจำได้ว่า มีหมอหลายคน หรือคนอื่นๆ ที่ผมรู้จัก ตีเทนนิสอย่างเดียว ยังเป็นโรคหัวใจเลย บางคนเสียชีวิตไปเลย ทั้งคาสนามและในเวลาอื่น ยอมรับว่าผู้ที่ออกกำลังกายแบบสุขภาพก็ยังมีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ สมองตีบ และอุดตันได้ แต่จะมีโอกาสเป็นน้อยกว่าผู้ที่ตีเทนนิสอย่างเดียว ผู้ที่ตีเทนนิสอย่างเดียว-ถ้าไม่เสียชีวิตคาสนาม-ก็ยังมีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดน้อยกว่าผู้ที่ไม่ออกกำลังกายเลย
สำหรับผม สมัยที่เล่นเทนนิสเป็นประจำ (ผมเล่นจนอายุ 65 ปีเมื่อเป็นสมาชิกวุฒิสภาจึงหยุดเล่น เพราะจากรัฐสภามาจุฬาฯ ไกลไปเลยเลิกเล่น แต่ใช้วิ่ง เดิน เป็นหลัก) ผมจะตีเทนนิสจันทร์ พุธ ศุกร์แต่จะวิ่งระหว่างนั้น คือ อังคาร พฤหัสบดี เสาร์ อาทิตย์ วิธีนี้จะช่วยให้ผมมีสุขภาพที่ดี เป็นการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ เป็นการทำให้ผม “fit” หรือ “แข็งแรง” ก่อนที่จะเล่น หรือออกกำลังกายที่ไม่ใช่เพื่อสุขภาพอย่างแท้จริงได้และดีขึ้น คือ ตีเทนนิสอย่าไม่ค่อยหมดแรง
การตีกอล์ฟ ถ้าจะให้ดีสุด ควรเดินรอบสนามกอล์ฟอีกรอบหลังจากตีเสร็จ!!! ถ้าพูดเฉพาะเรื่องหัวใจ เดินเร็วๆ รอบสนามกอล์ฟจะดีต่อหัวใจ ปอด ระบบหมุนเวียนโลหิต มากกว่าการตีกอล์ฟ เพราะการเดินรอบสนามกอล์ฟจะมีระยะทางถึง 7 กม. แต่ต้องเดินเร็วต่อเนื่อง ฯลฯ
การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพตามที่กล่าวเรียกว่าเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิก (aerobic) คือในการออกกำลังกายแบบนี้ ร่างกายจะต้องใช้ oxygen ในการเผาผลาญเชื้อเพลิง แต่การออกกำลังกายอีกชนิดหนึ่งที่ไม่ใช้ oxygen เราเรียกว่า anaerobic (แอนแอโรบิก) การออกกำลังกายชนิดนี้ไม่ใช้ oxygen ไม่ช่วยให้หัวใจแข็งแรงเท่ากับการออกกำลังกายแบบแอโรบิก เพราะการออกกำลังกายชนิดนี้ใช้แต่แป้ง(glycogen) เป็นพลังงาน ทำให้ยังมีไขมันสะสมอยู่ในร่างกาย ตัวอย่างของ anaerobic exercise คือ การออกกำลังกายอย่างเต็มที่ รวดเร็ว เช่น การวิ่ง 100 เมตร 200 เมตร การยกน้ำหนัก ฯลฯ การออกกำลังกายแบบ anaerobic จะทำได้ไม่นาน เพราะจะเกิดการสะสมของกรดแลคติก (lactic acid) ซึ่งทำให้ร่างกายเหนื่อย เมื่อยล้า ต้องหยุด และร่างกายจะมี “หนี้ของออกซิเจน” (oxygen debt) หรือขาด oxygen ทำให้หอบ หายใจเร็ว เพราะร่างกายต้องการ oxygen เพิ่ม
ในการออกกำลังกายแบบแอโรบิก (aerobic) หรือเพื่อสุขภาพ ร่างกายจะใช้ทั้งแป้งและไขมันเป็นพลังงาน อาหารที่เรากินจะมีพลังงานจาก 3 แหล่ง คือ แป้ง ไขมัน โปรตีน ร่างกายจะใช้พลังงานจากแป้งและไขมันในการออกกำลังกายเท่านั้นแต่ไม่ใช้พลังงานจากโปรตีนเลย แต่โปรตีนมีความสำคัญต่อชีวิตมนุษย์ ในการซ่อมแซม สร้างส่วนต่างๆ ของร่างกาย
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี