อาทิตย์ที่แล้วผมปูพื้นเรื่อง The Art of Learning ซึ่งต่อมาค่อยๆ กลายเป็น The Art of Living หรือการบริหารความเสี่ยงในชีวิต ในกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว.......ผมได้รับมอบหมายจากภาควิชาอายุรศาสตร์ ให้บรรยายให้นิสิตแพทย์ปีที่ 4 ที่เพิ่งขึ้น ward (หอผู้ป่วย) หรือขึ้นเรียนทางคลินิก (clinic) ใหม่เอี่ยมทุกๆ คนจะต้องผ่าน Introduction to Medicine ที่สอนโดยคณาจารย์ของภาควิชาอายุรศาสตร์ก่อน คงเป็นเพราะอายุรศาสตร์เป็นพื้นฐานของวิชาแพทย์ต่างๆ ซึ่งหัวข้อที่ผมสอนเป็นชั่วโมงแรกของ Introduction to Clinic ที่ภาควิชาขอให้ผมสอนคงเป็นเพราะผมเรียนอังกฤษ จบแพทยศาสตรบัณฑิต (พบ.)ที่อังกฤษ ซึ่งที่อังกฤษเขาเรียกว่า MB.Ch.B ไม่ใช่ MD. แบบบ้านเราหรืออเมริกา MB ย่อมาจาก Bachelor of Medicineหรือปริญญาตรีทางอายุรศาสตร์ และ Ch.B ย่อมาจาก Bachelor of Surgery แต่คำว่า Surgery เป็นภาษาลาตินChirurgiae หรือถ้าจะเอาศัพท์จริงๆ คือ Medicine Baccalaureus, Baccalaureus Chirurgiae การเรียนแพทย์ที่อังกฤษยากมาก(อย่างน้อยในความคิดของผมในสมัยโน้น) เพราะโรงเรียนแพทย์มีไม่มาก เป็นแบบใครดีใครอยู่ หรือ Survival of the fittestสำหรับปีการศึกษานั้นๆ ไม่เหมือนอเมริกา หรืออินเดีย ที่มีโรงเรียนแพทย์มากมาย ในปัจจุบันนี้ใน UK มีโรงเรียนแพทย์ 33 แห่งคือ 25 ในอังกฤษ 5 ใน Scotland 2 ใน Wales 1 ใน NorthernIreland ส่วนในสหรัฐอเมริกามี 154 โรงเรียนแพทย์ ที่เรียน MD.อีก 36 โรงเรียนเรียน Osteopathic (DO)
ผมจบ พบ.แล้วยังเรียนโรคเขตร้อนต่อที่ Liverpool เมืองที่ดังมากเพราะวงดนตรีเต่าทอง และสโมสรฟุตบอลที่กำลังจะได้แชมป์พรีเมียร์ลีกอยู่รอมร่อ โดยมีเจ้าโควิด-19 มาขัดจังหวะเสียนี่ หลังจากรอมาครบ 30 ปีพอดีเลย แล้วผมทำงานต่อเรียนไปด้วยเพื่อสอบเป็นผู้เชี่ยวชาญทางสาขาวิชาอายุรศาสตร์ และระบบทางเดินอาหาร จนสอบได้เป็นสมาชิกของราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งสหราชอาณาจักร (สมัครสอบที่ลอนดอน แต่ที่ UK เขามี 3 ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ คือ ลอนดอน Edinburgh and Glasgow ซึ่งที่ Glasgow คงมีแพทย์น้อยเขาเลยเอาศัลยแพทย์ และอายุรแพทย์มารวมกันเรียกว่า Royal College of Physicians and Surgeons of Glasgow) ซึ่งตอนแรกๆ 3 ราชวิทยาลัย ต่างก็มีการสอบของตนเอง เช่น พอสอบของ London ได้ก็จะมี MRCP (London) ติดตัว ถ้าสอบของEdinburgh ได้ก็จะเป็น MRCP (Edinburgh) ฯลฯ มีแพทย์จำนวนมากนึกว่า MRCP ของ London ยาก ดีที่สุด ทุกๆคนจึงพยายามสอบของ London ให้ได้ ถ้าพูดแบบเหมาๆ คือ บางคนอาจเริ่มสอบของ Glasgow ก่อน เพราะนึกว่าง่ายหน่อย ถ้าได้ก็ไปสอบของ Edinburghแล้วต่อมาจึงสอบของ London ทำให้เสียทั้งเงิน (สอบทีเป็นหมื่นๆ บาทสมัยโน้นและคงยิ่งกว่านั้นในสมัยนี้) และเวลา ทั้ง 3 ราชวิทยาลัยจึงเอาการสอบมารวมกัน เรียกว่า MRCP (UK) ปรัชญาของการสอบเหมือนกัน การออกข้อสอบเหมือนกัน วิธีให้คะแนนเหมือนกัน เราไปสมัครสอบที่ราชวิทยาลัยไหนก็ได้ที่เราสะดวก อยู่ใกล้ สอบได้จึงจะได้ MRCP (UK)
สมัยผมสอบในปี 1970 รู้สึกว่าเขาเริ่มเป็นระบบ MRCP (UK) ได้ไม่กี่ปี ถึงแม้มาตรฐานเหมือนกัน แต่เวลาสอบได้ แพทย์รุ่นพี่ ผู้ใหญ่ เจ้านาย ยัง(ตอนนั้น)มักถามว่าเราสอบที่ไหน ถ้าตอบ London ก็พยักหน้า ถ้าที่อื่นก็อาจหน้าเบ้ ด้วยเหตุนี้ผมจึงตัดสินใจสอบ MRCP ที่ London ให้รู้แล้วรู้รอดไป ไหนๆ ก็จะสอบแล้วไหนๆ ก็ยากอยู่แล้วทั้ง 3 อัน ตอนนั้นเป็นที่รู้กันทั่วๆ ไปว่าจากผู้สอบ 100 คน จะมีคนผ่านประมาณ 30 คน!! (ของราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ของไทย มีผู้สอบผ่าน 90 กว่าคน จาก 100 ซึ่งมีหลายๆ สาเหตุ รวมทั้งการฝึกอบรมของเราที่เป็นระบบกว่าสมัยโน้นเช่นที่เมืองไทยเรียนอยู่ที่เดียวกัน 3 ปี ของเขา อย่างน้อยสมัยผม ต้องเร่ร่อน อยู่ที่นี่หนึ่งปี แล้วต้องหาที่ทำงานใหม่อยู่อีก 1-2 ปี ฯลฯ แต่เดี๋ยวนี้ที่สหราชอาณาจักร อาจมีระบบดีขึ้น)
ภายหลังผมกลับมาประเทศไทยแล้ว ได้รับเกียรติถูกเชิญให้ไปเป็น International Advisor ของประเทศไทยให้RCP London และ Edinburgh จึงทราบว่าเปอร์เซ็นต์การสอบผ่านนั้นดีขึ้น อยู่ที่ประมาณ 40%!? ที่ผมพูดเสียยาวว่าผมได้รับเชิญให้สอน นสพ.ทุกๆ คนเรื่อง “The Art of Learning”หรือศิลปะในการเรียน ผมเดาว่าเขาให้ผมสอนเพราะจบจากอังกฤษเพราะเป็นที่ยอมรับกันว่าที่อังกฤษเขาเน้น Clinical มาก คือ การดูแลผู้ป่วย ตั้งแต่ซักประวัติ ตรวจร่างกาย บวกลบคูณหาร หรือวิเคราะห์ สังเคราะห์ ข้อมูลเก่ง ว่าผู้ป่วยเป็นอะไร มีข้อมูลสนับสนุน คัดค้านอะไร ต้องคิด วางแผนการตรวจ วินิจฉัยรักษา ฟื้นฟูผู้ป่วยเก่ง และที่สำคัญมากๆ อีกอย่างคือ ต้องสื่อสารเก่ง ต้องมีความสามารถในการพูดให้อาจารย์หลงเชื่อได้!!จนให้คะแนนดีๆ !?
ทั้งหมดนี้ที่ผมจะลงลึกเพราะอยากจะปูพื้นเกี่ยวกับหัวข้อใหญ่ คือ เรื่องการเรียนการศึกษาสำหรับชีวิต ไม่ใช่เฉพาะเรียนวิชาแพทย์ หรืออย่างหนึ่งอย่างใด อย่างเดียว
เรื่องนี้ยังไม่จบครับ ยังมีต่ออีก...มากเลย !?
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี