เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเราได้ทำความรู้จักการเอกซเรย์และการทำอัลตราซาวด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในหลายเทคนิคของ “การวินิจฉัยด้วยภาพ” หรือ “Diagnosis imaging” ที่เป็นวิธีทางห้องปฏิบัติการเพื่อช่วยในการตรวจวินิจฉัยโรคเบื้องต้นในการหาสาเหตุความผิดปกติในสัตว์เลี้ยงกันไปแล้วนะครับ
วันนี้ผมก็ยังมีเรื่องน่าสนใจจาก อ.สพ.ญ.ดร.ชุติมน ธนบูรณ์นิพัทธ์ ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เกี่ยวกับอีกหนึ่งเทคนิคของการวินิจฉัยด้วยภาพ นั่นคือ การทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือ CT scan มาฝากกันต่อครับ
การตรวจ CT scan เป็นการตรวจหาความผิดปกติของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายของสัตว์ป่วยโดยอาศัยการฉายรังสีเอกซ์ เช่นเดียวกับการถ่ายภาพเอกซเรย์ทั่วไป ร่วมกับการประมวลขั้นสูงทางคอมพิวเตอร์ ส่งผลให้ภาพที่ได้นั้นมีความละเอียดสูงกว่าภาพเอกซเรย์มาก ข้อมูลที่ได้จากภาพ CT scan ทำให้เห็นรายละเอียดของรอยโรค หรือความผิดปกติอย่างชัดเจน ช่วยให้การวินิจฉัยหารอยโรคนั้นถูกต้องแม่นยำมากขึ้น
การตรวจ CT scan มีข้อบ่งชี้ของการตรวจดังนี้
@ ตรวจหาความผิดปกติแต่กำเนิด เช่น ความผิดปกติของหลอดเลือดที่ตับแต่กำเนิด ความผิดปกติของหัวใจแต่กำเนิด เป็นต้น
@ ตรวจความผิดปกติที่เป็นภายหลัง เช่น การตรวจหาเนื้องอกในอวัยวะต่างๆ รวมทั้งตำแหน่งและขนาดของเนื้องอก ตรวจหาการแพร่กระจายของเนื้องอกไปยังต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้เคียง ตรวจดูการคั่งของเลือดในสมอง ช่องท้อง และอุ้งเชิงกราน ตรวจหาความผิดปกติของหลอดเลือด เช่น เส้นเลือดโป่งพอง เส้นเลือดอุดตัน ตรวจหาความผิดปกติของกระดูก และข้อต่างๆ เป็นต้น
นอกจากนี้ ในสัตว์ป่วยนั้นการตรวจ CT scan มีความจำเป็นต้อง “วางยาสลบสัตว์” ขณะทำการตรวจด้วย ดังนั้นสัตว์ป่วยต้องมีการเตรียมตัวก่อนวางยาสลบ ต้องมีตรวจความพร้อมก่อนวางยาเหมือนการเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดทั่วไป เช่น ตรวจการทำงานของตับและไต ต้องมีการงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง มีการให้สารน้ำทางเส้นเลือด เป็นต้น
ข้อควรระวังในการตรวจ CT scan
ถึงแม้การตรวจหาความผิดปกติในร่างกายด้วย CT scan จะมีประโยชน์อย่างมาก แต่ก็มีข้อควรระมัดระวัง นั่นคือการตรวจ CT scan นั้น จะใช้รังสีเอกซ์ในการสร้างภาพเป็นปริมาณมาก ซึ่งมากกว่าการถ่ายภาพเอกซเรย์ทั่วไป หากสัตว์ป่วยได้รับรังสีเป็นจำนวนมากและเวลานานย่อมส่งผลเสียต่อร่างกายเช่นกัน
นอกจากนี้ ในการที่จะผลิตภาพ CT scan ให้เห็นรอยโรคชัดเจน อาจจำเป็นต้องฉีด “สารทึบรังสี” ที่มีส่วนประกอบของไอโอดีนเข้าทางหลอดเลือด ซึ่งสารดังกล่าวอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่างๆ ได้ อาทิ การแพ้สารทึบรังสี รวมถึงการส่งผลเสียต่อการทำงานของไต ซึ่งอาจทำให้ไตวายได้โดยเฉพาะสัตว์ป่วยที่มีความผิดปกติของไตมาก่อนหน้า สัตว์ป่วยที่ขาดน้ำ หรือสัตว์ที่อายุมาก เป็นต้น
เทคนิคการวินิจฉัยโรคด้วยภาพยังไม่หมดแค่นี้ครับ สัปดาห์หน้าเรามารู้จักอีกหนึ่งเทคนิคของการตรวจวินิจฉัยด้วยภาพ นั่นคือ การทำ MRI กันครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี