ในรายงานเรื่อง “Climate risk and response in Asia” ของ “McKinsey Global Institute” ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจของบริษัท McKinsey & Company (บริษัทผู้ให้คำปรึกษาทางธุรกิจระดับโลก) ได้เผยข้อมูลอันน่าสนใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ (Climate Change) ของ “ภูมิภาคเอเชีย” ที่จะได้รับผลกระทบรุนแรง และส่งผลไปยังความเสี่ยงทางด้านเศรษฐกิจที่หลายประเทศในภูมิภาคนี้ต้องเผชิญ
สำหรับขอบเขตของการประเมิน ผลกระทบนี้ ทาง McKinsey & Company ได้ใช้ข้อมูลการวิเคราะห์ผลกระทบต่อทรัพย์สินของ “ศูนย์วิจัย วู้ดส์ โฮล” (Woods Hole Research Center) และกระบวนการศึกษา รวมไปถึงผลลัพธ์ จะผ่านการตรวจสอบอย่างอิสระจาก “ดร.ลุค แฮร์ริงตัน” ผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างแบบจำลองสภาพอากาศสุดขั้ว และนักวิจัยจากสถาบันการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด
ในข้อกำหนดของงานวิจัยชิ้นนี้จะครอบคลุมช่วงเวลาภายในปี 2050 หรือ 30 ปีต่อจากนี้ โดยสร้างสถานการณ์จำลองที่มีความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Representative Concentration Pathway)ในระดับ 8.5 ซึ่งหมายความว่า มีการปล่อยมลพิษปนเปื้อนในอากาศสูง เพื่อให้เห็นภาพของความเสี่ยงชัดเจนยิ่งขึ้น
ด้วยเงื่อนไขการวิจัยตามที่ระบุไว้ RCP (Representative Concentration Pathway) 8.5 นักวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศได้คาดการณ์ไว้ว่า อุณหภูมิจะเพิ่มขึ้นทั่วเอเชีย เกิดสภาวะความร้อนและความชื้นเพิ่มขึ้นในหลายส่วนของภูมิภาค และมากกว่า 75% ของสินทรัพย์ทั่วโลกอาจได้รับความเสียหายจากปัญหาน้ำท่วมและมีแนวโน้มประสบภัยธรรมชาติที่จะรุนแรงมากขึ้นในแต่ละปีต่อเนื่องกันไปในหลายทศวรรษข้างหน้า
เมื่อวิเคราะห์อย่างละเอียดตามสภาวการณ์แห่งอนาคตจะแบ่งออกเป็น 6 ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศแบบ RCP 8.5 ดังนี้
1.อุณหภูมิเฉลี่ย
คาดกันว่า เอเชียจะประสบกับอุณหภูมิเฉลี่ยสูงขึ้นมากกว่า 2 องศาเซลเซียส ภายในปี 2050 โดยที่ระดับและอัตราการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิจะแตกต่างกันตามพื้นที่ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ภูมิอากาศ พยากรณ์ว่า อุณหภูมิจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นแบบสะสมในจีน ออสเตรเลีย และอินเดีย ชัดเจนกว่าพื้นที่อื่น
2.คลื่นความร้อนรุนแรง
นี่เป็นปรากฏการณ์ที่อันตรายมากสำหรับมนุษย์ เพราะอุณหภูมิจะสูงขึ้นในระดับที่เกินไปกว่าการอยู่รอดได้ของคนทั่วไป อาจรุนแรงถึงขั้นมีชีวิตอยู่ในที่ร่มได้ติดต่อกันเพียงแค่ 3 วันเท่านั้น พื้นที่เป้าหมายที่มีการระบุก็คือ อินเดีย บังกลาเทศ และปากีสถาน
3.ฝนตกหนัก
ความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุการณ์ฝนตกหนักมาก ก่อนหน้านี้มีอัตราอยู่แค่เพียง 2% ต่อปี ในช่วงปี 1950-1981ซึ่งหมายถึง 50 ปี จะมีครั้งเดียว แต่จากการแทนค่า RCP 8.5 โอกาสในการเกิดขึ้นเพิ่มมาเป็น 3-4 เท่า ภายในปี 2050 และมีแนวโน้มจะไปเกิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น จีน (ตอนกลางและตะวันออก) เกาหลีใต้ และอินโดนีเซีย
4.มหาพายุไต้ฝุ่น
แม้การประเมินจะไม่เพิ่มความถี่สำหรับการเกิดขึ้นของพายุในเอเชีย แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นมากลับเป็นความรุนแรงของพายุ ดังนั้น ความเป็นไปได้ของการมีมหาพายุไต้ฝุ่น ที่โดยเฉลี่ยเพียง 1% ต่อปีจะมีโอกาสเกิดขึ้นเพิ่มเป็น 3 เท่า ภายในปี 2040 บริเวณพื้นที่ชายฝั่งของจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น
5.ภาวะแห้งแล้ง
คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ของเอเชีย โดยเฉพาะประเทศออสเตรเลียอาจเพิ่มขึ้นจากช่วงระยะเวลาแห้งแล้งเดิมมากกว่า 80% ภายในปี 2050และบางส่วนของจีน ที่อาจต้องประสบภาวะแห้งแล้งเพิ่มขึ้น 40-60% จากช่วงระยะเวลาเดิม
6.การเปลี่ยนแปลงของปริมาณน้ำ
แหล่งน้ำจืดทดแทนจะได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย ซึ่งรวมถึงรูปแบบของฝน และการระเหยของน้ำ ในหลายพื้นที่ของประเทศออสเตรเลีย ค่ากลางของปริมาณน้ำบนพื้นผิวต่อปี จะลดลงอย่างไม่ปกติภายในปี 2050 และในทางตรงข้าม บางส่วนของจีน ปริมาณน้ำอาจเพิ่มขึ้นกว่า 20% เช่นเดียวกับพื้นที่บางส่วนของอินเดีย
และด้วยการคาดคะเนดังกล่าวนี้เอง เมื่อประเมินต่อประเทศในภูมิภาคเอเชียทั้ง 16 ประเทศ รายงานชิ้นนี้ได้จัดเรียงตามความเสี่ยงทางเศรษฐกิจไว้เป็น 4 กลุ่ม ดังนี้
1.กลุ่มชายขอบ หรือ Frontier Asia กลุ่มนี้ประกอบด้วย บังกลาเทศ อินเดีย และปากีสถาน ภายในปี 2050กลุ่มนี้อาจต้องเจอกับคลื่นความร้อนสูงขึ้นจนเป็นอันตรายต่อชีวิต มากกว่าส่วนอื่นของเอเชีย และส่งผลให้เกิดปัญหาด้านแรงงาน ที่เหนื่อยง่าย และพักบ่อย เพราะสภาพอากาศ ทำให้ GDP ราว 7-13% มีความเสี่ยงต่อการผันผวน เพราะการผลิตอาจลดทอนกำลังลงไปมีความเสี่ยงต่อน้ำท่วมและสร้างความเสียหายถึง 8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนเรื่องผลผลิตในภาคการเกษตรสำหรับพืชหลัก 4 ชนิด (ข้าว ข้าวโพด ข้าวสาลีและถั่วเหลือง) จะมีอัตราการเพิ่มขึ้นของผลผลิตค่อยๆ ลดลงตามลำดับ ด้วยเหตุปัจจัยด้านการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศและผิวดิน
2.กลุ่มกำลังพัฒนา หรือ Emerging Asia กลุ่มนี้ประกอบด้วย กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมา ฟิลิปปินส์ ประเทศไทย และเวียดนาม กลุ่มนี้ภายในปี 2050 GDP ราว 8-13% มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากความร้อนและความชื้นที่สูงขึ้น และอาจประสบกับฝนตกหนักและน้ำท่วมแบบมหาวิกฤติ จนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมอย่างรุนแรง และแน่นอนว่าทางภาคการเกษตรจะมีอัตราการเพิ่มขึ้นของผลผลิตค่อยๆ ลดลงตามลำดับ ด้วยปัญหาเดียวกับกลุ่มชายขอบ
3.กลุ่มพัฒนาแล้ว หรือ Advanced Asia ประกอบด้วยออสเตรเลีย ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และเกาหลีใต้ กลุ่มนี้ไม่ค่อยได้รับผลกระทบสักเท่าไหร่ต่อการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ จะมีก็แต่เรื่องภาวะภัยแล้งที่ออสเตรเลีย อาจต้องใช้จ่ายเงินกว่า80% ของที่ผ่านมาเพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้และญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้ แม้ว่าจะต้องเจอกับปัญหาเรื่องพายุไต้ฝุ่นและปริมาณฝนมาก แต่ก็ไม่มีปัญหาในเรื่องของภาคการเกษตร ยังสามารถเพิ่มผลผลิตได้อย่างต่อเนื่อง
และ 4.ประเทศจีน ซึ่งทำหน้าที่ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้ ภาคตะวันออก จะประสบกับคลื่นความร้อนรุนแรง จนทำให้แรงงานเกิดปัญหา ทำให้มีความเสี่ยงเทียบเท่ากับ 1-1.5 ล้านล้านดอลลาร์ ของ GDP ในแต่ละปีที่อาจสูญไป ส่วนทางตอนกลาง ภาคเหนือและตะวันตก ของจีน อาจประสบกับเหตุการณ์ฝนตกหนักบ่อยครั้ง แต่ก็ได้มาซึ่งผลผลิตทางการเกษตรที่อาจเพิ่มขึ้นในแต่ละปี
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของรายงานดังกล่าว ซึ่งน่าจะทำให้เราได้ตระหนักถึงผลกระทบของสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้นว่า มันไม่ใช่แค่เรื่องของการอนุรักษ์รักษาทรัพยากรให้คงอยู่เท่านั้น แต่ผลลัพธ์ของมันสามารถสั่นคลอนเศรษฐกิจระดับประเทศ ภูมิภาค หรือระดับโลกได้เลยทีเดียว ดังนั้น มาช่วยกันทำให้แบบจำลองจากรายงานชิ้นนี้ ไม่มีทางเกิดขึ้นจริงกันเถอะ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี