อาการแสดงของมะเร็งปอด
อาการของผู้ป่วยที่มีภาวะมะเร็งปอดจะเกิดจากสาเหตุสำคัญสองประการ คืออาการที่เกิดเฉพาะที่ คือเกิดจากการที่มะเร็งปอดมีการขยายตัวขึ้นในปอด ก็จะทำให้มีอาการระคายเคือง เช่นมีอาการไอเรื้อรัง ไอมีเลือดปน เมื่อมะเร็งขยายตัวมากขึ้น ก็จะเกิดการรบกวนการทำงานของปอดทำให้ผู้ป่วยมีอาการเหนื่อย นอกจากนี้ เมื่อมีการแพร่กระจายของมะเร็งไปยังอวัยวะอื่น ก็จะมีอาการแสดงเฉพาะของอวัยวะนั้น เช่น มีอาการปวดกระดูก ปวดศีรษะ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในมะเร็งปอดระยะแรก ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไม่มีอาการหรือมีอาการที่ไม่รุนแรงเช่น ไอเรื้อรังหรือบางครั้งมีอาการไอเป็นเลือดเล็กน้อย เนื่องจากมะเร็งปอดยังมีขนาดเล็กอยู่และไม่ก่อให้เกิดอาการมากนัก ผู้ป่วยที่พบว่ามีมะเร็งปอดระยะเริ่มต้น ส่วนมากเป็นการตรวจพบจากการตรวจภาพรังสีทรวงอก (x-ray ปอด)ในการ check ร่างกายในผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือถ้าสังเกตว่ามีอาการผิดปกติทางระบบหายใจ (โดยเฉพาะในผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปอด เช่น มีประวัติสูบบุหรี่มานานหรือมีประวัติรับควันบุหรี่มือสอง) มีอาการไอต่อเนื่องกันเกิน 3 อาทิตย์ โดยไม่มีสาเหตุอื่น หรืออาการไอที่เคยมีอยู่แล้วมีลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไปเช่น ไอมากขึ้นหรือมีเสมหะปนเลือด ควรจะทำการปรึกษาแพทย์เสมอ เพื่อตรวจหาสาเหตุของอาการเหล่านั้น
การตรวจ check up หรือการตรวจโดยภาพรังสีเพื่อพยายามค้นหามะเร็งในระยะเริ่มแรกนั้นยังไม่มีข้อมูลว่าจะช่วยทำให้สามารถพบมะเร็งได้เร็วขึ้น แต่ในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงมาก เช่นมีประวัติการสูบบุหรี่มาต่อเนื่อง แพทย์มักแนะนำให้มีการตรวจภาพรังสีทรวงอก อย่างน้อยปีละ 1 ครั้งเป็นประจำทุกปี การตรวจความผิดปกติจากภาพ x-ray ไม่จำเป็นต้องเกิดจากมะเร็งปอดเสมอไป แพทย์จะมีแนวทางในการสืบค้น เพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุของความผิดปกติดังกล่าว ข้อมูลที่สำคัญมากอย่างหนึ่งคือการเปรียบเทียบ x-ray ที่ทำใหม่กับ x-ray เดิมที่เคยทำไว้ จะทำให้แพทย์ทราบว่ามีความเปลี่ยนแปลงของรอยโรคที่พบในปอดหรือไม่ดังนั้นการเก็บ x-ray ปอดที่เคยทำไว้และนำมาเปรียบเทียบกันกับ x-ray ใหม่จะมีความสำคัญในการให้การวินิจฉัยของแพทย์เป็นอย่างมาก
จะทราบได้อย่างไรว่าเป็นมะเร็งปอดหรือไม่
การวินิจฉัยจะเริ่มจากอาการของผู้ป่วยร่วมกับภาพรังสีทรวงอกที่ผิดปกติ การยืนยันการวินิจฉัยมะเร็งปอด ควรจะต้องได้การวินิจฉัยยืนยันจากการตรวจทางพยาธิวิทยา โดยการนำเนื้อเยื่อปอดบริเวณที่มีความผิดปกติมาตรวจเพื่อจะยืนยันว่าเป็นมะเร็งหรือไม่เสมอ เนื่องจากอาการและภาพรังสีทรวงอก ไม่มีความจำเพาะว่าจะต้องเป็นมะเร็งปอดเสมอไป การตรวจชิ้นเนื้อจึงมีความจำเป็นมากในการบอกว่าความผิดปกติที่ตรวจพบ เกิดจากมะเร็งแน่นอนหรือไม่ และเป็นมะเร็งชนิดใด แนวทางในการนำเนื้อเยื่อมาตรวจมีได้หลายวิธี เช่น การส่องกล้องตรวจหลอดลม การใช้เข็มเจาะ หรือการผ่าตัด ซึ่งแพทย์จะพิจารณาตามความเหมาะสม หลังจากนั้นแพทย์จะมีการประเมินเพิ่มเติมว่าขณะนั้นผู้ป่วยอยู่ในระยะใดของโรคโดยการตรวจเพิ่มเติมที่เหมาะสม เช่น x-ray computer (CT scan) หรือ PET scan หรือการตรวจกระดูก เพื่อจะประเมินระยะ (staging) ของโรค เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาประกอบการตัดสินใจเพื่อเลือกการรักษาที่เหมาะสม
แนวทางการรักษามะเร็งปอด
การรักษามะเร็งปอดจะขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญคือ ชนิดของมะเร็งปอด, ขอบเขตการกระจายของโรคและสภาพโดยทั่วไปของผู้ป่วย การรักษาหลักของมะเร็งปอดชนิดเซลล์ไม่เล็ก ที่ยังไม่มีการแพร่กระจายคือการผ่าตัดเอาปอดส่วนที่มีมะเร็งออกไป (stage 1 หรือระยะแรกของโรค) โดยแพทย์จะประเมินก่อนการผ่าตัดว่าผู้ป่วยมีสมรรถภาพปอดที่สมบูรณ์เพียงพอที่จะรับการผ่าตัดหรือไม่ เพื่อให้มั่นใจว่าภายหลังการผ่าตัด ผู้ป่วยจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยมีสมรรถภาพปอดที่เพียงพอ การผ่าตัด ซึ่งเป็นการรักษาที่จะทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสหายขาดสูงสุด (60-70%) ถ้าไม่สามารถผ่าตัดได้เนื่องจากโรคมีการกระจายออกไปนอกขอบเขตของการผ่าตัดหรือผู้ป่วยไม่มีความพร้อมในการผ่าตัดการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดหรือการฉายแสงก็เป็นทางเลือกหนึ่งซึ่งแพทย์จะพิจารณาตามความเหมาะสม ส่วนการรักษามะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็กมักจะใช้การรักษาด้วยการให้ยาเคมีบำบัดและการฉายรังสีร่วมกัน แต่อย่างไรก็ตามการตอบสนองของมะเร็งปอดต่อการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดหรือการฉายแสงนั้นมักไม่สามารถทำให้ผู้ป่วยหายขาดจากโรคได้ ผู้ป่วยมักมีอาการดีขึ้นในช่วงแรกและมีโอกาสที่โรคจะกำเริบมากขึ้นในอนาคตผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดที่ใช้ในการรักษามะเร็งปอดก็จะคล้ายคลึงกับยารักษามะเร็งอื่นๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ผมร่วง เกิดการทำงานของไขกระดูก ซึ่งผลที่เกิดขึ้นจะขึ้นอยู่กับชนิดและขนาดยาที่แพทย์เลือกใช้ นอกจากนี้ปัจจุบันยังมียาชนิดรับประทาน ซึ่งมีผลข้างเคียงน้อย ที่ออกฤทธิ์เฉพาะที่กลไกในเซลล์มะเร็ง (targeted therapy) ซึ่งอาจเหมาะสมและมีข้อบ่งชี้ในผู้ป่วยบางรายผู้ป่วยและญาติควรปรึกษาและหาข้อมูลจากแพทย์ผู้ให้การรักษาเกี่ยวกับผลดีและผลเสียของการรักษา นอกจากนี้ส่วนประกอบที่สำคัญของการรักษามะเร็งปอดในระยะที่มีการกระจายของโรคไปแล้ว คือการรักษาแบบประคับประคอง (palliative care) เพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด แม้จะไม่สามารถรักษาโรคให้หายขาดได้ เช่น การให้ยาเพื่อลดอาการปวด การให้ออกซิเจนเพื่อลดอาการเหนื่อย เป็นต้น
รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์
ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี