เราเริ่มมี Earth Day มาในปี 1970 หรือครบ 50 ปี ปีนี้Earth Day คือ วันโลก หรื จะเรียกว่าวันรักโลก วันดูแลโลก ก็คงได้ 50 ปีผ่านไปแล้ว มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง ตัวเราก็เปลี่ยนแปลงไปแล้ว เริ่มด้วยการเราแก่ลง ประชากรเราเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า ขณะนี้มี 7,800 ล้านคน เราใช้พื้นที่โลกมากขึ้น คือ พื้นที่เมือง (built up area) เพิ่มขึ้น22 ล้าน hectares (hectare คือ 6.25 ไร่) เราใช้พื้นที่เลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้น 230 ล้าน hectares เราใช้พื้นที่เพาะปลูกเพิ่มขึ้น 160 ล้าน hectares ทำให้เราอยู่ใกล้ชิดสัตว์ป่ามากยิ่งขึ้น และสิ่งที่ตามมาคือ 3 ใน 4 ของโรคติดเชื้อใหม่ทั้งหมดมาจากสัตว์ ทำให้เกิดโรคระบาดบ่อยขึ้น (991 ครั้งระหว่าง คศ.1980-1990, 1,924 ระหว่าง 1990-2000 และ 3,420 ระหว่าง 2000-2010)
ปัจจุบันนี้คนหนึ่งคนผลิต CO2 เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับ 50 ปีที่แล้ว (percapita CO2 emission in 1970 : 4 ตัน, 2018 ผลิต 4.9 ตัน) เราใช้พลังงานจากแหล่ง
fossil เพิ่มขึ้นจากเดิม 47% เรากินเนื้อเพิ่มขึ้น 65% เราใช้plastic เพิ่มขึ้น 447% เราใช้เที่ยวบินเพิ่มขึ้น 561% รวมกันแล้วเราผลิต 1.2 ล้านล้านตัน ของ CO2 ตั้งแต่ ค.ศ.1970
ตั้งแต่ 1970 นอกจากตัวเราที่เปลี่ยนไปแล้ว โลกเรายังเปลี่ยนไปด้วย โลกเรามี CO2 ในบรรยากาศ (atmosphere) เพิ่มขึ้น 26% อยู่ที่ 441 (2020) part per million หรือ ppm จาก 326 ppm ใน ค.ศ.1970 CO2 เพิ่มขึ้นทั้งในบรรยากาศและทะเล มหาสมุทร ทำให้มหาสมุทรเป็นกรดมากขึ้น 4% ต่อทุก 10 ปี น้ำทะเลร้อนขึ้น สองอย่างนี้มีปัญหาต่อสัตว์น้ำ ภายใน 50 ปี โลกเราร้อนขึ้น 1 องศาเซลเซียส(ก่อนหน้านั้นไม่ได้เพิ่ม) glaciers (ธารน้ำแข็ง) ละลายมากยิ่งขึ้นเร็วขึ้น เช่น ธารน้ำแข็งที่ Greenland ละลายเร็วกว่าเดิม 6 เท่าธารน้ำแข็งใน Greenland หายไปต่อปีช่วง 1980-1990, 51 พันล้านตันแต่ในช่วง 2010-2018 286 พันล้านตัน ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้น3.3 ซม. ต่อทุก 10 ปี ความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศมีความรุนแรงขึ้น มีพายุ ฝนตกหนัก น้ำท่วม น้ำแล้ง ไฟป่าเพิ่มขึ้น 44% ต่อทุก 10 ปี ในช่วง ค.ศ.1980-2018
อะไรอีกที่เปลี่ยนแปลงไปจาก ค.ศ. 1970?
เราเข้าใจผลของการกระทำเราต่อโลกมากยิ่งขึ้นเรารู้ว่าเราต้องทำอะไร เราต้องลดการปล่อยก๊าซ CO2 และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ ให้มากที่สุด เราต้องฟื้นฟู และป้องกันความเสียหายของธรรมชาติ ทั้งบนบกและทะเล ถ้าเราร่วมมือกันทุกคน เราจะทำได้ ปัจจุบันนี้เราใช้พลังงานที่ยั่งยืน(แสงอาทิตย์ ลม ฯลฯ) มากยิ่งขึ้น เราติดตั้งพลังงานจากลมเพิ่มขึ้น 32 เท่า คือ ในปี 2000 เราผลิตได้ 17,278 MWในปี 2018 เพิ่มเป็น 563,726 MW เราใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้น 400 เท่า คือ ในปี 2000 1,227 MW ในปี 2018 485,836 MW เราฟื้นฟูและขยายป่าเพิ่มขึ้น 3.2 ล้านตารางกม. หรือในปี 2017 เพิ่มขึ้น 2 ล้านไมล์ (3.2 ล้านตารางกม.) จากปี 2000 หรือเพิ่มขึ้น 5% เราป้องกัน ดูแลสัตว์ทะเลเพิ่มขึ้น 27 ล้านตารางกม. หรือ 7.4 ของมหาสมุทร ในปี ค.ศ.2020 เมื่อเทียบกับ 0.1% ในปี 1970เราได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าเราจะปล่อย CO2 ออกมาโดยมีเป้าหมายไม่ให้อุณหภูมิโลกสูงกว่า 2 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับ ค.ศ.1750(ก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม) อัตราการตั้งครรภ์ลดลงจาก 4.5 คนต่อหญิง 1 คน ในปี ค.ศ.1970 ลงมาเป็น 2.5ในปี 2020 อาหารการกินเราเปลี่ยนไป เราลดการกินเนื้อวัวลงจาก 10.8 กก. ในปี 1970 เป็น 9.3 กก. ในปี 2020 ต่อคนต่อปี อัตราการอ่านออกเขียนได้ในผู้ใหญ่เพิ่มขึ้นจาก 65% ในปี ค.ศ.1970 เป็น 85% ในปี 2020
ถ้าเราไม่ทำอะไร อุณหภูมิโลกจะเพิ่มขึ้น 4 องศาเซลเซียส ภายใน 2070 หรืออีก 50 ปีข้างหน้า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าเราจะสามารถลดการผลิต CO2 ได้มากน้อยแค่ไหน
เรื่อง Global Warming, Climate Change สภาะโลกร้อน เป็นเรื่องที่สำคัญมากที่พวกเราทุกคน ครอบครัว ชุมชน ภาครัฐ ภาคเอกชน จะต้องร่วมมือกัน เพราะถ้าโลกร้อนมากขึ้นมนุษย์ สัตว์ ฯลฯ จะอยู่ไม่ได้
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี