เป็นกระแสมาสักพักแล้วกับ “ปาท่องโก๋การบินไทย” และ “สังขยาเจ้าจำปี” อีกหนึ่งเครื่องมือของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ในการเผชิญหน้ากับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 จนทำให้การบินซึ่งเป็นการสร้างรายได้หลักต้องหยุดชะงักไปกว่า 6 เดือน
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้เอง (6 ตุลาคม) นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร กรรมการและรักษาการแทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ออกมาเปิดเผยว่า ปาท่องโก๋ และสังขยา ในสังกัดของการบินไทย มียอดขายต่อวันตกวันละ 4-5 แสนบาท จากเพียง 5 สาขา ในกรุงเทพมหานคร และเมื่อนำมาคำนวณเป็นรายเดือน ก็เป็นตัวเลขที่น่าชื่นใจ เพราะตกเดือนละกว่า 10 ล้านบาทซึ่งแน่นอนว่า ตัวเลขดังกล่าวอาจไม่สามารถเทียบเท่ารายได้จากการบินในช่วงเวลาปกติทั่วไปของบริษัทได้ แต่นี่คือความปกติแบบใหม่ (New Normal)ที่ใครไม่ปรับ ก็อาจขยับไม่ได้อีกต่อไป
ดังนั้น ไม่ว่าจะคิดทำอะไร ถ้ามันเป็นไปเพื่อการสร้างรายได้มากกว่าภาระ ก็ต้องถือว่าเป็นความปรารถนาดีที่มีวิสัยทัศน์อันน่าชื่นชม และได้ยินมาว่าทางการบินไทยจะไม่หยุดแค่นี้ ยังมีบริการถ่ายภาพแต่งงาน การทำร้านอาหารภายใต้อัตลักษณ์การบินไทย หรือบริการทดลองขับเครื่องบินจำลอง ที่เตรียมนำเสนอในช่วงเวลาต่อๆ ไปกันอย่างคึกคักนอกเหนือไปจากการพยายามลดรายจ่ายของบริษัทให้น้อยลงที่สุด
ปัจจุบัน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) มีหนี้สินมูลค่าถึง 352,494,285,416 บาท แบ่งเป็น หนี้สินหมุนเวียนมูลค่า 1.04 แสนล้านบาทหนี้สินไม่หมุนเวียนรวม 2.48 แสนล้านบาท และมีหนี้สินเกินกำหนดชำระอีกกว่าหมื่นล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563) มีพนักงานที่ต้องดูแลเกือบ 20,000 ตำแหน่ง ส่วนบริษัทก็กำลังเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ในขณะที่สถานการณ์ไวรัสก็ยังไม่อาจไว้วางใจได้ ทำให้ธุรกิจการบินและการท่องเที่ยวที่มีความเชื่อมโยงกัน ยังมองไม่เห็นทิศทางที่มีโอกาสจะฟื้นฟู นี่คือความจริงที่พนักงานทุกคนรู้ และเลือกที่จะสู้ร่วมกัน
สำหรับประเทศไทย การบินไทยเป็นเพียงตัวอย่างที่หยิบยกมานำเสนอเท่านั้น ก่อนหน้านี้ประมาณ 2-3 สายการบิน ก็ได้ทำการปิดตัวลงไปแล้ว และพนักงานหลายตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการบินต้องตกงานหรือถูกให้หยุดงานโดยไม่ได้รับเงินเดือนเป็นจำนวนมากมาย ด้วยประเด็นตามที่นำเสนอไป ทำให้บทความสำหรับอาทิตย์นี้ จึงขอเป็นอีกตัวช่วยหนึ่งในการค้นหา “ทางรอด” ของธุรกิจสายการบินในรูปแบบต่างๆ ที่เหล่าผู้บริหารสายการบินทั่วโลกนำมาจัดการกับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 เพื่อปรับตัวรับต่อความปกติแบบใหม่ และเป็นการเตรียมความพร้อมของธุรกิจสายการบินเมื่อสถานการณ์ไวรัสระบาดได้จบลง ดังนี้
เริ่มกันที่ “ออล นิปปอน แอร์เวย์ส” (ANA) สายการบินของประเทศญี่ปุ่นที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการเว้นระยะห่าง และงดการเดินทาง ทำให้จำนวนเที่ยวบิน และผู้โดยสารลดลงจนเหลือพื้นที่เก็บสัมภาระ และเก้าอี้ว่างมากขึ้น พวกเขาจึงใช้โอกาสนี้ในการลำเลียงอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น หน้ากากชุดป้องกันทางการแพทย์ และชุดทดสอบ ไปยังพื้นที่เป้าหมายให้มากยิ่งขึ้น จากเดิมที่ใช้เพียงห้องบรรทุกสินค้าเท่านั้น ก็นำไปวางไว้ตรงที่เก็บสัมภาระเหนือที่นั่งผู้โดยสาร รวมไปถึงเก้าอี้สำหรับผู้โดยสารด้วย ทำให้สายการบินแห่งนี้สามารถขนส่งอุปกรณ์สาธารณสุขได้มากกว่าที่อื่น จนได้นำรูปแบบนี้ไปใช้กับเส้นทางอื่น และเตรียมปรับการให้บริการขนส่งสินค้าแบบเช่าเหมาลำเป็นการเฉพาะขึ้นมาด้วย
รูปแบบของการปรับเปลี่ยนจากการใช้เครื่องบินเพื่อขนส่งผู้โดยสารมาเป็นการลำเลียงสินค้า โดยเฉพาะสินค้าด้านสาธารณสุข ที่จำเป็นต่อสถานการณ์โรคระบาดเช่นนี้ ก็มีสายการบินหลายแห่งที่สนใจ และมีนโยบายตอบรับ ไม่ว่าจะเป็น Virgin Atlantic สายการบินเอกชนสัญชาติอังกฤษ Cebu Pacific (CEB) จากฟิลิปปินส์ รวมไปถึงยักษ์ใหญ่อย่างสายการบิน Emirates และบางสายการบิน ถึงขนาดดัดแปลงเครื่องบินเอาในส่วนของเก้าอี้ผู้โดยสารออกแล้วออกแบบให้เป็นตู้สินค้าอย่างจริงจัง อาทิ American Airlines และสายการบินประจำชาติของฟินแลนด์ อย่าง Finnair ส่วน Air Canada ซึ่งปลดระวางฝูงเครื่องบินขนส่งสินค้าของตัวเองมานานกว่า 25 ปี ก็ได้กลับมาสู่ปฏิบัติการขนส่งสินค้าอีกครั้ง
ที่ประเทศออสเตรเลีย สายการบินแควนตัส แอร์เวย์ ก็มีการนำเครื่องบินขนาดกลาง (ดรีมไลเนอร์) มาให้บริการเช่าเหมาลำ เพื่อพาชมทัศนียภาพอันงดงามและแสนเยือกเย็นของทวีปแอนตาร์กติกา ในช่วงปลายปีนี้ และต้นปีหน้า สำหรับคนที่สนใจ มีกำลังจ่ายสูงและอยากมีความทรงจำอันสุดพิเศษ
นอกจากนี้ ทางสายการบินยังนำสินค้าสำหรับลูกค้าเกรดพิเศษมาเสนอขายสำหรับเป็นของที่ระลึกในจำนวนที่จำกัดอีกด้วย อาทิ ชุดเครื่องนอน (เฟิร์สคลาส)10,000 ชุด สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว ครีมทามือเป็นต้น ที่เด็ดสุดๆ ก็คือ แควนตัส ยังนำเครื่องบินที่ปลดระวางมาแยกชิ้นส่วนบนเครื่องเพื่อให้คนเข้ามาซื้อไปเก็บเป็นของสะสม ตั้งแต่เก้าอี้ พนักพิง โต๊ะวางถาดอาหาร ฯลฯ
ด้านสายการบินแอร์ นอร์ธ ของแคนาดา ตามสนามบินต่างๆ ก็ตั้งครัวคอยให้บริการปรุงอาหารแล้วส่งตรงไปยังลูกค้าถึงบ้าน เช่นเดียวกับ “Tamam Kitchen” บริษัทผู้ผลิตอาหารให้สายการบิน El Al Airlines และ TurkishAirlines ในอิสราเอล ที่เปลี่ยนเป้าหมายจากการส่งอาหารไปยังเครื่องบิน เปลี่ยนเป็นออฟฟิศสำนักงาน และบ้านของลูกค้าที่โทรเข้ามาสั่งแทน และปัจจุบันบริษัทสามารถขายอาหารได้ 100 รายการต่อวัน ซึ่งลูกค้าที่สั่งซื้อมีตั้งแต่พนักงานจากบริษัทเทคโนโลยีที่ทำงานจากที่บ้าน รวมไปถึงโรงงานที่ต้องปิดครัวเพราะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และผู้สูงอายุที่ต้องการอาหารที่รับประทานได้อย่างไม่ยุ่งยาก
และเมื่อเร็วๆ นี้ ทางสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ ก็ได้แถลงเปิดตัวแคมเปญ Discover Your Singapore Airlines ประกอบไปด้วย 3 บริการ ได้แก่บริการอาหารบนเครื่องบิน บริการอาหารแบบเดลิเวอรี่ และทัวร์ศูนย์ฝึกบุคลากรพร้อมทำกิจกรรมต่างๆ รวมไปถึงการเปลี่ยนเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ที่สุดในโลก Airbus A380 ให้กลายเป็นร้านอาหาร จากฝีมือของเชฟชื่อดังชาวสิงคโปร์
ท้ายที่สุด แม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะสร้างความเสียหายและตัดโอกาสของธุรกิจสายการบินอย่างน่าใจหาย แต่การปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ของธุรกิจสายการบินต่างๆที่หยิบยกมา รวมไปถึงการบินไทยของบ้านเราด้วยแล้ว ก็น่าจะเป็นหนทางเดียวในการรักษาธุรกิจ และดูแลทุกชีวิตของพนักงานเอาไว้
ในอดีตสายการบินเจแปน แอร์ไลน์ภายใต้การบริหารของ “คาซุโอะอินาโมริ” ผู้ก่อตั้งบริษัท Kyocera และตำนานในการผ่าตัดองค์กร JAL จนกลับมาทำกำไรจากการบินได้อีกครั้ง ก็เคยพบเจอกับสถานการณ์อันเลวร้ายไม่ต่างกัน (อาจผิดแปลกแตกต่างไปในบางบริบท) แต่เขาก็เลือกที่จะจับมือกับพนักงานทุกคน ตัดรายจ่ายทั้งหมดที่ไม่จำเป็น สร้างรายได้ในทุกทางที่ทำได้ และให้กำลังใจซึ่งกันและกัน เพื่อสู้ต่อความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ เชื่อว่า ทุกสายการบินได้เดินตามทางนี้มาแล้วอย่างมุ่งมั่น ที่เหลือก็คือรอวันที่ดอกผลจากความพยายามดังกล่าวได้ทำหน้าที่ของมันทั้งในด้านธุรกิจ และจิตใจซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย และต้องใช้เวลา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี