ผมพูดเสมอว่าอยากให้คนไทยทุกคนในประเทศ โดยเฉพาะผู้บริหารประเทศ ผู้นำองค์กรทุกระดับ ข้าราชการทุกๆ คน เอกชนด้วย(แต่เอกชนคงมีคุณสมบัติบางส่วนอยู่แล้ว) มีคุณสมบัติเหล่านี้ คือ1) ความดีต้องมาเป็นอันดับที่ 1 ตามด้วย 2) เก่ง คือ ดีแล้วต้องเก่งด้วย เช่น แพทย์ดี แต่ไม่เก่ง ผู้ป่วยนอนตาย (!?) อย่างมีความสุขเพราะหมอน่ารักเหลือเกิน (แต่รักษาไม่เอาไหน?!) คงไม่ไหวหรือผู้บริหารประเทศดีมาก ไม่คอร์รัปชั่น ซื่อสัตย์ เห็นแก่ส่วนรวมประชาชน แต่ไม่เก่งเลย ตัดสินใจอะไรก็ผิด ฯลฯ ก็คงแย่เหมือนกัน และ3) ต้องรอบรู้ คือ รู้ไปทุกเรื่องในระดับหนึ่ง (แต่ไม่ใช่ ส...ไปทุกเรื่องนะครับ) จะรู้ทุกเรื่องจะต้องอ่านมากๆ อ่านทุกอย่าง คบเพื่อนหลายๆ อาชีพ อยากรู้ อยากเห็น คุยกับใครก็ได้ และภายใน 5 นาทีสามารถเก็บข้อมูลได้เพียบ ท่องเที่ยวมากๆ เขียน จดไว้ด้วยยิ่งดีอย่างผมโชคดี มีโอกาสเขียนลงหนังสือพิมพ์ที่โน่นนี่ตลอด จึงมีข้อมูลเก็บไว้ไม่ลืม และ 4) ต้องมีสุขภาพที่ดีด้วย เพราะจะน่าเสียดายมากถ้าทั้งดี เก่ง รอบรู้ แต่ดันมาตายตอนอายุ 50 (หรือก่อน?!)
ที่สำคัญมากๆ ด้วย คือ ความเก่ง จะเก่งได้จะต้องมีพื้นฐานทางนี้ก่อน พื้นฐานคือ มีโอกาสเรียน บางคนไม่มีโอกาสเรียนนะครับ ถึงแม้จะเรียนฟรี 12 ปี จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เมื่อมีโอกาสเรียนแล้ว ต้องเรียนเป็นด้วย สรุปเป็น จับประเด็นเป็น ฟังคนพูด 20-30 คน พูดคนละอย่าง ไม่รู้จะฟังใครดี ต้องสรุปใจความให้ได้ว่าอะไรสำคัญ (และต้องกล้าตัดสินใจ หลังฟังทุกๆ คนแล้ว) แต่การเรียนเป็นไม่ใช่ของอัตโนมัติสำหรับทุกๆ คน อย่างที่ผมประสบมาจากการสอนนิสิตแพทย์ แพทย์ ประชาชน ในประเทศไทยมา 49 ปี ปีนี้ ผมจึงเสนอบ่อยๆ ให้ทุกโรงเรียน ทุกคณะ ในมหาวิทยาลัย สอนเรื่องวิธีเรียน การเรียนเป็นทั้ง science (วิทยาศาสตร์) และ art (ศิลปศาสตร์) ถ้าสอนให้เด็กทุกๆ คนเรียนเป็น จะทำให้เด็กทุกๆ คนเป็นไปตามศักยภาพที่เขามีมากขึ้นอีกเป็นอย่างมาก
แล้วจะต้องเก่ง 7 อย่างด้วย ถ้าจะเก่งครบเครื่อง
7 อย่างที่ต้องเก่ง คือ ต้องเก่งคิด เก่งคน เก่งงาน เก่งเงิน เก่งเวลา เก่ง “ขาย” และเก่งฟัง
โอเคนะครับ ฟังจนเบื่อแล้วใช่ไหม แต่ผมมีเป้าหมายในการเขียนวันนี้
ขอให้จำไว้เรื่องความดี เก่ง (7 อย่าง ฯลฯ) รอบรู้ สุขภาพดี เพราะในชีวิตเรา ในวัยเรียน วัยทำงาน วัยเกษียณ เราจะต้องใช้มันทุกวันและมันจะเป็นอาวุธติดตัวเราไปให้เราดำเนินชีวิตไปอย่างสุขสบาย ปลอดโปร่งปลอดภัยจากภัยอันตราย การถูกฟ้องร้อง และประสบความสำเร็จในชีวิตทุกประการ ถ้าคิดให้ดี ชีวิตตั้งแต่เราเกิดมา คือ การเดินทาง ที่เต็มไปด้วยภัยอันตราย ต่อชีวิตร่างกาย ทรัพย์สิน ฯลฯ ถ้าเรามีคุณสมบัติต่างๆ ที่กล่าว เราจะสามารถนำตัวเรารอดพ้นผ่านวิกฤติต่างๆ ไปได้ เราจะปรับตัวเราให้เข้าทันต่อเหตุการณ์ เทคโนโลยี ฯลฯ เสมอ เราจะเป็นคนไทย 4.0 และพร้อมที่จะเป็นคนไทย 5.0 หรือ 6.0 ในอนาคต
จะยกตัวอย่างของคุณสมบัติที่กล่าวนี้
ท่านทราบไหมว่าประเทศไทย ก่อนโควิด-19 มีผู้จบปริญญาตรีที่ไม่มีงานทำ 1.7 แสนคน ทำไม เพราะเขาเรียนในสิ่งที่ตลาดไม่ต้องการ แพทย์ พยาบาล ทันตแพทย์ เภสัช อาชีวะ วิศวะ ฯลฯ ประเทศไทยเราขาดทั้งนั้น เฉพาะสาขาแพทย์ที่มีสาขาและอนุสาขาถึง 80 กว่าสาขา และอนุสาขายังขาดบุคลากรทุกสาขาและอนุสาขาอาชีวะขาดเป็นแสน พยาบาลเป็นแสน องค์การอนามัยโลกคำนวณว่าภายใน 10 ปีข้างหน้า บุคลากรทางการสาธารณสุขจะขาดถึง 18 ล้านคนทั่วโลก!? และในจำนวนนี้ 9 ล้านคน จะเป็นพยาบาล!?
สิ่งที่ผมจะถามคือ ผู้บริหารประเทศ ผู้บริหารของทุกองค์กร ทำอะไรอยู่ รู้เรื่องไหมว่าเราขาดบุคลากรทางด้านต่างๆ เช่น เราต้องการแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวอย่างน้อย 6,500 คน เพราะเราจะมีหน่วยสาธารณสุขปฐมภูมิ 6,500 หน่วย ในปี พ.ศ. 2573 ที่แต่ละหน่วยจะดูแลประชาชน 10,000 คน แต่เราผลิตแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวปีละประมาณ 180 คน และขณะนี้เรายังมีแพทย์ทางนี้เพียง 920 คน(ที่เรียนทางนี้มาโดยตรง) ถ้าเราปล่อยไปตามธรรมชาติอีก 10 ปี ก็จะมีแพทย์ทางด้านนี้ไม่พอ คือมีเพียง 920 บวก 1,800 หรือ 2,720 คนเท่านั้น ผู้บริหารที่เกี่ยวข้องเก่งคิดไหม? ที่จะทำให้เรามีแพทย์ทางด้านนี้พอ ในปี พ.ศ. 2573 และแพทย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุ เรามีอาจารย์เพียง 22 คน เรียนทางนี้มาโดยตรง 29 คน รวมเป็น 51 คนทั้งประเทศ!!!? ฝึกปีละ 7 คนเท่านั้น จากศิริราช 5 คน รามา 2 คน ในขณะที่ประเทศไทยเป็นสังคมผู้สูงอายุแล้ว มีผู้สูงอายุ 18% หรือ 12 ล้านคน!?มีผู้สูงอายุที่ติดเตียง 1% ติดบ้าน 14% ของผู้สูงอายุทั้งหมดหรือประมาณ 1.8 ล้านคน ซึ่งต้องการผู้ดูแล (care giver, care manager)และแพทย์เวชศาสตร์ผู้สูงอายุด้วย ผู้ที่เกี่ยวข้องทำอะไรอยู่ทุกองค์กร ตั้งแต่หัวหน้าหน่วย หัวหน้าภาค คณบดี อธิการบดีผู้บริหารราชวิทยาลัย ที่เกี่ยวข้อง แพทยสภา กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุดมศึกษาฯ/ศึกษาธิการ ฯลฯ
ปัญหาของการขาดบุคลากรทางด้านต่างๆ ของไทย ผมพูดเสนอต่อรัฐมนตรี ที่ประชุม สว. ต่างๆ ว่าประเทศไทยควรมีกรรมการชาติชุดหนึ่งที่ดูแลเรื่องกำลังคนทางด้านต่างๆ ว่า เราขาดอะไรบ้างในปัจจุบัน 5 ปี 10 ปี 20 ปีข้างหน้า ฯลฯ และควรแนะให้สถาบันการศึกษาต่างๆ ผลิตบัณฑิต หรืออนุปริญญาต่างๆ ให้เหมาะสม เพียงพอและตามความต้องการของประเทศ ที่ผลิตเสร็จใช้ได้เลย เป็นที่ต้องการจริงๆ สำหรับผม แพทย์ขาดทุกสาขา พยาบาลด้วย อาชีวะก็ขาด วิศวะก็ขาด นักวิทยาศาสตร์ก็ขาด เมื่อผู้บริหารประเทศกระตุ้น สนับสนุนให้ประชาชนเรียนทางสาขาหนึ่งสาขาใด ต้องเตรียมตำแหน่งไว้รองรับด้วย ไม่ใช่ผลิตแต่ไม่มีตำแหน่งให้เขา
วันนี้ขอพูดเฉพาะเก่ง “คิด” เป็นหลักครับ ผู้บริหารถึงแม้ทำอะไรไม่เป็น ต้องคิดเป็นครับ แล้วใช้คนอื่นทำยังได้ นั่นก็คือต้อง “เก่งคน” ด้วย ใช่ไหมครับ
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี