ในช่วงการระบาดอย่างหนักของไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมานั้น เราได้เห็นระบบปัญญาประดิษฐ์เข้ามามีบทบาทอย่างเข้มข้นในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรับมือต่อการระบาดของไวรัส การเข้ามาช่วยในการบริหารจัดการในภาคธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรม ฯลฯ ด้วยบทบาทที่เพิ่มมาขึ้นอย่างรวดเร็วนี่เองที่อาจทำให้แรงงานหลายคนกังวลว่า จะถูกทดแทนด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์หรือไม่ ทั้งๆ ที่ตามความเป็นจริงแล้ว การเข้ามาของปัญญาประดิษฐ์ในกระบวนการต่างๆกลับยิ่งจะช่วยสร้างอัตราการจ้างงานให้สูงขึ้นต่างหาก ตรงนี้คือข้อเท็จจริงที่ถูกซ่อนเอาไว้ ภายใต้การละเลยในเรื่องของนโยบายจากทั้งภาครัฐ และเอกชน ที่ควรต้องให้ความสำคัญต่อการเพิ่มทักษะแรงงาน และความสามารถของมนุษย์ เพื่อรองรับกับวิทยาการปัญญาประดิษฐ์ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องให้ได้ ไม่ใช่สร้างความกลัวต่อการ Disruption ทางระบบเทคโนโลยีที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตเท่านั้น
บทความก่อนหน้านี้ เคยนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับวิทยาการใหม่ๆ ในรูปแบบอัตโนมัติที่เข้ามาช่วยเกี่ยวกับการสาธารณสุขสำหรับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 และการเว้นระยะห่างต่อกัน (Physical Distancing) อย่างหุ่นยนต์ในบริบทการใช้งานต่างๆ อาทิ หุ่นยนต์เก็บเชื้อเพื่อนำไปคัดกรอง หุ่นยนต์พนักงานเก็บเงิน และหุ่นยนต์ส่งสินค้า เพื่อการลดการสัมผัส ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างยอดเยี่ยม และแน่นอนว่า เทคโนโลยีเหล่านี้ย่อมสร้างความกังวลให้แก่บุคลากรด้านที่เกี่ยวข้องต่อทุกองคาพยพในสายงานดังกล่าวนี้เป็นแน่แท้ แต่ต้องไม่ลืมกันว่า เมื่อย้อนหลังกลับไปหลายทศวรรษที่ผ่านมา เมื่ออินเตอร์เนตเกิดขึ้น ความกังวลในลักษณะเดียวกันนี้ก็มีอยู่ จนเมื่อความก้าวหน้าของอินเตอร์เนตได้ดำเนินไปพร้อมๆ กับการสร้างงานมากมายหลายอัตรา (ร้อยละ 10 ของ GDPสหรัฐอเมริกา) จากอานิสงส์ของธุรกิจใหม่ๆ ที่เชื่อมโยงกับโครงข่ายของอินเตอร์เนต
รวมไปถึงการทำแบบสอบถามประจำปีของผู้บริหารทั่วโลก ในรายงานของ PricewaterhouseCoopers (PwC) บริษัทตรวนสอบบัญชี และที่ปรึกษาทางการเงินและการประกันภัยระดับโลก ที่ให้ CEO จำนวน 699 คน จากบริษัทชั้นนำทั่วโลก (67 ประเทศ แบ่งเป็นยุโรปตะวันตก 42% อเมริกาเหนือ 7% ตะวันออกกลาง 3% และอื่นๆ อีก 48%) มาให้ความเห็นเกี่ยวกับรูปแบบธุรกิจที่จะเปลี่ยนแปลง และเทรนด์ที่เป็นผลมาจากโรคโควิด-19 (มิ.ย.-ก.ค. 2563)ได้ผลลัพธ์ที่น่าสนใจออกมา ดังนี้
78% ของซีอีโอ คิดว่าการสื่อสารทางไกลจะมีบทบาทมากขึ้นในการทำงาน
76% ของซีอีโอ คิดว่าการใช้ระบบอัตโนมัติ (เช่น ระบบเซ็นเซอร์ หรือ IoT) จะมีบทบาทมากขึ้น
61% ของซีอีโอ คิดว่าพนักงานจะได้เข้าสำนักงานน้อยลง
61% ของซีอีโอ มองว่ารูปแบบธุรกิจจะเป็นระบบดิจิทัลมากขึ้นในอนาคต และเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
39% ของซีอีโอ เชื่อว่าหลายธุรกิจจะดึงฐานการผลิตในต่างประเทศกลับสู่ประเทศตนเองมากขึ้น
65% ของซีอีโอ คาดว่ารายได้ของบริษัทจะลดลงในปีหน้า
จะเห็นได้ว่า พวกเขายังให้ความสำคัญต่อแรงงานมนุษย์ เพียงแต่บทบาทที่ต้องการอาจมีการปรับเปลี่ยนเพื่อความเหมาะสมต่อการนำปัญญาประดิษฐ์เข้ามาร่วมทำงานด้วย ซึ่งถ้าปัญญาประดิษฐ์สามารถสร้างมูลค่าได้อย่างมหาศาล จำนวนอัตราการสร้างงานก็จะขยับขึ้นคู่ขนานไปด้วยอย่างปฏิเสธไม่ได้ เช่นเดียวกันกับปรากฏการณ์อินเตอร์เนตในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา
ดังนั้น เมื่อการปฏิรูปอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 จะถูกขับเคลื่อนโดยปัญหาประดิษฐ์ ที่อาจมาเปลี่ยนโฉมหน้าของกระบวนการทำงานในปัจจุบันไปอย่างรวดเร็ว พร้อมๆ กับประสิทธิภาพของงานและรายได้ที่มากยิ่งขึ้น นั่นจึงเป็นทั้งอุปสรรค และโอกาส สำหรับแรงงานในการที่จะเลือกมองว่า “รุ่งอรุณแห่งปัญญาประดิษฐ์” นี้จะออกมาในรูปแบบไหน และสำคัญที่สุดคือ อย่างที่บอกไปแล้วว่า ภาครัฐ และเอกชน ต้องเป็นส่วนสำคัญในการปรับมุมมองดังกล่าวนี้ต่อแรงงานให้ชัดเจนขึ้น ด้วยการป้อนทักษะ สร้างศักยภาพ และให้เครื่องมือต่อการปรับตัวแก่แรงงานสำหรับการเข้าถึงวิทยาการปัญญาประดิษฐ์ ที่จะเข้ามาในชีวิตของพวกเขานับจากนี้ต่อไป เพราะนี่เป็นการลงทุนที่มีประโยชน์อย่างมากในทุกภาคส่วนของโลกใบนี้ ภายใต้การเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจหลีกเลียงได้
World Economic Forum ได้ทำการศึกษา “อาชีพแห่งอนาคต” ก็ได้พบข้อมูลว่า ในอีกไม่กี่ปีถัดจากนี้ไปจะมีตำแหน่งงานใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมายกว่า 97 ล้านตำแหน่งงาน อาทิ นักบินโดรน และอากาศยานไร้คนขับ (Drone Pilots) สำหรับการสำรวจ ถ่ายภาพ หรือกิจการความมั่นคง, วิศวกรข้อมูล (Big Data Engineering Technicians) มีหน้าที่รวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ จัดการ ควบคุมดูแล และรักษาข้อมูลขนาดใหญ่ จะทำงานควบคู่กับผู้เชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์,นักสร้างแบบโมเดลจำลองข้อมูลสารสนเทศ (Architecture Modeling Technicians) มีหน้าที่แปลงข้อมูลสารสนเทศออกมาเป็นลักษณะของโมเดลที่สามารถแสดงข้อมูลและเข้าใจได้ง่ายขึ้นและวิศวกรปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence (AI) Engineering Technicians) มีหน้าที่ในการวิเคราะห์ วิจัย พัฒนา ดูแลจัดการและควบคุมเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เป็นต้น
และกว่า 85 ล้านตำแหน่งงานอาจถูกลดบทบาทลงด้วยเครื่องจักร และหุ่นยนต์ หรือถูกทดแทนด้วยตำแหน่งงานใหม่ อาทิ พนักงานขายทางโทรศัพท์ (Telemarketers) เพราะปัจจุบัน ปัญญาประดิษฐ์สามารถตอบโต้กับลูกค้าแบบอัตโนมัติได้แล้ว, เสมียนทำบัญชี (Bookkeeping clerks) ซึ่งปัจจุบันสามารถทำได้ด้วยระบบอัตโนมัติที่มีการบันทึกทันทีที่มีการใช้จ่าย, พนักงานต้อนรับ (Receptionists) ที่ธุรกิจส่วนใหญ่หันมาใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการให้ผู้บริการแล้ว และนักวิจัยการตลาด (Market Research Analysts)ที่ในตอนนี้มีระบบจัดเก็บข้อมูลกลางและการวิเคราะห์ด้วยปัญญาประดิษฐ์เข้ามาแทน เป็นต้น
มีการคาดการณ์ว่า การเข้ามาของปัญญาประดิษฐ์จะสร้างมูลค่ากว่า 15.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณร้อยละ 26 ของ GDP โลก ดังนั้นการสร้างความเท่าเทียมในเรื่องของการเข้าถึงทักษะทางด้านปัญญาประดิษฐ์จึงต้องเป็นวาระสำคัญของโลก ในการเตรียมความพร้อมให้แก่ประชากรของตน เพื่อปรับมุมมองของการเข้ามาถึงของ “รุ่งอรุณแห่งปัญญาประดิษฐ์” ให้เป็นเส้นทางแห่งโอกาส มิใช่อุปสรรคในการดำเนินชีวิตของพวกเขาเหล่านั้น
และอีกประเด็นที่สำคัญ คือ การบ่มเพาะความสามารถบางอย่างที่มีประโยชน์ต่อตำแหน่งงานในอนาคต เช่น ความสามารถในการคิดแบบสร้างสรรค์, ความสามารถในการใช้เหตุผลวิเคราะห์ และสังเคราะห์เพื่อประเมินผล, ความสามารถในการตรวจสอบและเลือกใช้ข้อมูลจากแหล่งที่หลากหลาย, ความสามารถในการเชื่อมต่อและตอบสนองกับผู้อื่น, ความสามารถในการประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพ และความสามารถในการเรียนรู้ พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้เองเป็นความสามารถที่ปัญญาประดิษฐ์ยังไม่สามารถวิวัฒน์พัฒนาตัวเองให้สามารถทำได้อย่างมีศักยภาพ และยังอยู่ในสถานะของการถูกควบคุมและขับเคลื่อนโดยมนุษย์ ดังนั้น รัฐบาลเองควรคำนึงถึงเรื่องนี้ให้มาก และต้องวางนโยบายที่เดินไปข้างหน้าให้ทันกับอนาคตที่จะมาถึงให้ได้อย่างเหมาะสมและเท่าทัน เพื่อที่คนกับงาน และปัญญาประดิษฐ์จะสามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างลงตัว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี