การสร้างเสริมสุขภาพ ป้องกันโรคมีความสำคัญมากๆ ได้ผลดีมากและมีราคาถูก ฉะนั้นจึงคุ้มค่ากว่าการรักษาเป็นอย่างมากแต่วงการแพทย์ต้องเก่ง มีความสามารถ ประสิทธิภาพ ในทุกประเด็น ตั้งแต่การป้องกัน การสร้างเสริมสุขภาพ การวินิจฉัยการรักษา การประคับประคอง การฟื้นฟู ฯลฯ เพราะการป้องกันถึงแม้จะดี มีราคาถูกอย่างไร ได้ผลอย่างไร แต่ก็จะยังมีประชากรจำนวนหนึ่งที่จะเป็นโรค จึงจำเป็นต้องมีแพทย์ที่วินิจฉัยเก่ง มีเครื่องมือที่จะวินิจฉัยได้อย่างแม่นยำ มีราคาถูก ไม่มีผลข้างเคียงหรือมีน้อย และมีแพทย์ที่รักษาเก่ง โดยมียา เครื่องมือต่างๆ ที่ดี ฯลฯ ในการรักษา
องค์การอนามัยโลกรายงานในปี ค.ศ.2018 ว่า 71% (ข้อมูลของปี 2019 ที่ WHO เพิ่งประกาศ ณ วันที่ 9/12/2563 บอกว่า 74% ของการเสียชีวิตของชาวโลกมาจาก NCDs) ของการเสียชีวิตของชาวโลก มาจากโรคที่ไม่ติดต่อ หรือ NonCommunicable Diseases, NCDs ซึ่งก็คือ โรคที่มาจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของมนุษย์มาตั้งแต่ยังเยาว์วัย โรคต่างๆ เหล่านี้จึงป้องกันได้ แก้ไขได้ ด้วยการมีพฤติกรรมที่เหมาะสม ตั้งแต่เยาว์วัย โรคต่างๆ เหล่านี้ คือ โรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูงมะเร็ง หลอดเลือดหัวใจ สมอง ฯลฯ วันนี้ผมจึงขอนำเรื่องโรคตับและการป้องกันโรคตับมาเล่าสู่กันฟัง
โรคตับที่พบบ่อยมีดังต่อไปนี้
1) โรคไวรัสตับอักเสบ A, E, B, C (Viral Hepatitis A,E,B,C หรือ HAV, HEV, HBV, HCV)
2) โรคตับแข็ง (Cirrhosis)
3) โรคมะเร็งของเนื้อตับ (Hepatoma)
4) โรคมะเร็งท่อน้ำดีจากพยาธิใบไม้ของตับ (Cholangiocarcinomaจาก liver flukes)
1) โรคไวรัสตับอักเสบ
1.1) โรคไวรัสตับอักเสบ ชนิด A, E
2 เชื้อโรคนี้ติดต่อจากเชื้อเข้าทางปาก ฉะนั้นถ้าทุกอย่างเข้าปากสะอาดหมด ก็จะไม่มีปัญหา พูดง่ายทำยาก เชื้อนี้พบได้ในอาหารต่างๆรวมทั้งอาหารทะเล จากหอยที่ติดเชื้อต่างๆ ตั้งแต่ typhoid,parathyphoid เชื้อ HAV, HEV และยังมีไขมันมากอีกด้วย เช่น หอยนางรม, หอยแครง ฯลฯ
ถ้ากินอาหารที่ต้มสุกจะปลอดภัย 2 เชื้อโรคนี้ทำให้เกิดตับอักเสบเฉียบพลันเท่านั้น ไม่ทำให้เป็นตับอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง หรือมะเร็งของเนื้อตับ
ปัจจุบันนี้มีวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส A แล้ว แต่ยังไม่มีวัคซีนสำหรับเชื้อ E ประเทศไทยไม่ค่อยมีเชื้อ E เชื้อ E พบได้ในประเทศเมียนมา อินเดีย บังกลาเทศ ปากีสถาน ฉะนั้นต้องระวังเวลาไปประเทศต่างๆ เหล่านี้ ควรดื่มน้ำจากขวด ระวังผัก ผลไม้ กินผลไม้ที่ปอกเองได้ ฯลฯ
1.2) เชื้อไวรัสตับอักเสบชนิด B, C
2 เชื้อนี้สามารถทำให้มีโรคตับอักเสบเฉียบพลัน (acute hepatitis) โรคตับอักเสบเรื้อรัง (chronic hepatitis) จนเป็นตับแข็งมะเร็งของเนื้อตับได้
ฉะนั้นการป้องกันจะเป็นประโยชน์มาก มากกว่าเป็นแล้วจึงรักษา ถึงแม้แพทย์จะเก่งเพียงใด ความรู้ทางด้านการแพทย์ก้าวหน้าไปมากเพียงใด การป้องกันโรคมะเร็งตับ ตับแข็ง จะดีกว่าการรักษา และสามารถทำการป้องกันได้ง่ายมาก เพราะการติดเชื้อ HBV, HCV ติดต่อได้จากเลือดและผลิตภัณฑ์เลือดเท่านั้น
วิธีการติดต่อเหมือนกันทั้งเชื้อ HBV และ HCV คือ ตอนเกิดจะได้เชื้อจากแม่ ถ้าแม่มีเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อโดยไม่มีการป้องกันด้วยการใช้ถุงยางอนามัย จากการใช้ยาเสพติดชนิดใช้เข็มฉีดที่มีเชื้อร่วมกัน จากการใช้แปรงสีฟัน มีดโกนหนวด ร่วมกัน หรือจากการสัก เจาะหู โดยใช้เข็มที่สกปรก ฯลฯ
ข้อแตกต่างของการติดเชื้อของ HBV และ HCV คือ HBV ติดจากแม่ (ที่มีเชื้อตอนเกิด) ได้มากถึง 90% (แต่ปัจจุบันนี้มีวัคซีนฉีดป้องกันโรคนี้แล้วโดยประเทศไทยได้เริ่มให้บริการตั้งแต่ พ.ศ.2535) จึงหมดปัญหานี้ไป
HCV ติดต่อจากแม่ได้ แต่น้อย คือ ไม่เกิน 10% ซึ่งถือว่าโชคดี (เทวดายังใจดี!?) เพราะวัคซีนป้องกัน HCV ยังไม่มี (ไม่ใช่ว่าวงการแพทย์จะสามารถผลิตวัคซีนป้องกันได้ทุกโรค ไม่ว่าจะทุ่มทรัพยากรเท่าใด ฉะนั้นการที่โลกสามารถผลิตวัคซีนป้องกันโรค COVID-19 ได้จึงถือว่าโชคดีมาก)
จากข้อมูลนี้จะเห็นได้ว่าถ้าเราไม่ติดเชื้อ HCV จากแม่ถ้าเรามีความรู้ มีวินัย เราไม่จำเป็นต้องติดเชื้อ B, C อีกเลยชาตินี้ ด้วยการมีพฤติกรรมที่เหมาะสม ส่วนเชื้อ HBV นั้นคนไทยเคยมีอัตราการติดเชื้อมากกว่า 10% แต่ปัจจุบันนี้-เนื่องมาจากการฉีดวัคซีนป้องกัน HBV มาตั้งแต่ 2535 ทำให้มีอัตราการติดที่ต่ำในประชากรประมาณ 2% และถ้าทุกๆ คนฉีด HBV อีกหน่อยจะลดลงต่ำกว่านี้อีกมาก หรือเป็นศูนย์
และเชื้อ HCV ปัจจุบันนี้ประเทศไทยสามารถรักษาให้หายขาดได้แล้ว (ฟรีด้วย) แต่ในโลกนี้ยังมีประชากรโลก อีก 290 ล้านคน ที่ยังมีเชื้อ B, C อยู่โดยไม่รู้ตัว ด้วยเหตุนี้ WHO จึงกำหนดให้มี World Hepatitis Day คือทุกวันที่ 28 กรกฎาคมของทุกปี เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนไปตรวจคัดกรองว่าตนเอง มีเชื้อ B, C หรือไม่ จะได้ไปพบแพทย์และติดตามเพื่อการรักษาที่ถูกต้องต่อไป
2) โรคตับแข็ง (cirrhosis)
3) โรคมะเร็งของเนื้อตับ (hepatoma)
โรคตับแข็งและโรคมะเร็งของเนื้อตับส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อ HBV, HCV, โรคอ้วน (obesity) และแอลกอฮอล์ ซึ่งการติดเชื้อและการป้องกันของเชื้อ HBV, HCV ได้กล่าวไปแล้ว
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี