โรคหมอนรองกระดูกสันหลังส่วนคอกดทับเส้นประสาท หรือไขสันหลัง เป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมของหมอนรองกระดูกสันหลัง หรือมีการฉีกขาดของเยื่อหุ้มหมอนรองกระดูกสันหลังส่วนคอ จากอุบัติเหตุ การขยับคอผิดจังหวะอย่างรวดเร็วและรุนแรง จนมีผลทำให้ ชิ้นส่วนของหมอนรองกระดูกสันหลังบางส่วน เคลื่อนหลุดออกมากดทับเส้นประสาทหรือไขสันหลังได้ แบ่งอาการได้เป็น 2 กลุ่มดังนี้
1.อาการของการกดทับเส้นประสาท ผู้ป่วยจะมีอาการ ปวดต้นคอร้าวไปตามต้นแขน แขนหรือ มือตามตำแหน่งที่เส้นประสาทเส้นใดถูกกด ในรายที่มีอาการมากขึ้น อาจมีอาการอ่อนแรงแขนหรือมือได้
2.อาการของการกดไขสันหลัง ผู้ป่วยจะมีอาการ ขาอ่อนแรง เดินลำบาก เวลาเดินจะมีอาการ ขาตึงๆ ชาตามลำตัวและลามไปถึงขาทั้ง 2 ข้าง บางรายมีอาการมืออ่อนแรงร่วมด้วย โดยที่ไม่มีอาการปวด ตามขา หรือแขนที่อ่อนแรง ส่วนอาการปวดคออาจจะมีหรือไม่มีก็ได้
การวินิจฉัย แพทย์จะทำการซักประวัติอาการ ตรวจร่างกายเพื่อพิจารณาว่าเป็นโรคดังกล่าวหรือไม่ ส่วนการตรวจทางรังสีวิทยา เป็นการตรวจเพื่อยืนยันว่าวินิจฉัยถูกต้องหรือไม่รุนแรงเพียงใด จำเป็นต้องรับการผ่าตัดหรือไม่ โดยทั่วไปการตรวจด้วย การเอกซเรย์ก็สามารถช่วยในการวินิจฉัยโรคได้เกือบทุกราย โดยไม่จำเป็นต้องตรวจเพิ่มเติม ซึ่งการตรวจพิเศษด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) จะตรวจเพื่อพิจารณาเรื่องการผ่าตัด ว่าผู้ป่วยมีพยาธิสภาพกี่ตำแหน่ง จะเลือกวิธีผ่าตัดด้วยวิธีใดจะเหมาะที่สุด ดังนั้นการตรวจพิเศษนี้จึงไม่ได้มีความจำเป็นที่จะต้องตรวจในผู้ป่วยทุกรายเพื่อการวินิจฉัย
การรักษา การรักษาโรคหมอนรองกระดูกสันหลังที่คอกดทับเส้นประสาท จะเริ่มจากการรับประทานยา แก้ปวดแก้อักเสบ ยาคลายกล้ามเนื้อ ร่วมกับการทำกายภาพบำบัดปรับพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวัน ในผู้ป่วยบางรายที่ปวดมาก อาจจำเป็นต้องใช้ เฝือกอ่อนพยุงคอ (soft collar) เพื่อช่วยลดการขยับคอ ซึ่งจะทำให้หายปวดได้เร็วขึ้น ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่รับการรักษาด้วยวิธีดังกล่าว จะมีอาการดีขึ้นมากหรือหายได้ แต่ถ้าหากอาการปวดยังไม่หาย หลังจากการรักษาด้วยวิธีที่กล่าวมาแล้วเป็นเวลา 6-8 สัปดาห์ หรือ เริ่มมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อแขนหรือมือร่วมด้วย แพทย์จะแนะนำผ่าตัดหมอนรองกระดูกสันหลังเพื่อลดการกดทับเส้นประสาท
การรักษาโรคหมอนรองกระดูกสันหลังที่คอกดทับไขสันหลัง เนื่องจากไขสันหลังที่ถูกกด เป็นเวลานานจนมีอาการ อ่อนแรงของขาหรือ ในบางราย มีการอ่อนแรงของมือร่วมด้วย อาการดังกล่าวแสดงให้รู้ว่า ถ้าไม่ได้รับการผ่าตัดเพื่อ เอาหมอนรองกระดูกที่กดทับไขสันหลังออก ผู้ป่วยอาจมีภาวะพิการหรืออัมพาตถาวรได้ ดังนั้นประสาทศัลยแพทย์จึงมักจะแนะนำผ่าตัดเกือบทุกราย ในผู้ป่วยกลุ่มนี้
การผ่าตัด การผ่าตัดหมอนรองกระดูกสันหลังทางด้านหน้า (ACDF) เป็นวิธีที่ประสาทศัลยแพทย์นิยม และได้ผลดีที่สุด ทำโดยการเอาหมอนรองกระดูกที่เป็นกดทับเส้นประสาทหรือไขสันหลังออก หลังจากนั้นประสาทศัลยแพทย์จะเสริมช่องว่างที่เกิดขึ้น โดยใช้ชิ้นกระดูกที่ได้มาจากการตัดกระดูกบริเวณสะโพกของผู้ป่วย หรือใช้วัสดุค้ำแทนที่หมอนรองกระดูก เพื่อเชื่อมกระดูกชิ้นบนและล่างให้กลายเป็นกระดูกชิ้นเดียวกันในที่สุด ในกรณีที่มีปัญหาหลายระดับและจำเป็นต้องผ่าตัดมากกว่า 1-2 ช่อง จะมีการยึดบริเวณด้านหน้ากระดูกสันหลังด้วยแผ่นโลหะและสกรู (Cervical plate and screw) เพื่อป้องกันไม่ให้วัสดุที่ใส่ไว้แต่ละช่องเกิดการเลื่อนหลุดออกมาหลังการผ่าตัดวัสดุที่ใส่ไว้ในแต่ละระดับนั้นจะใช้เวลาเฉลี่ยประมาณ 2-3 เดือน เพื่อเชื่อมต่อเป็นข้อเดียวกัน
ในปัจจุบัน ได้มีการพัฒนาวัสดุที่ใช้ค้ำบริเวณช่องว่างกระดูกสันหลัง (ที่เกิดจากผ่าตัดเอาหมอนรองกระดูกออก) ด้วยวัสดุที่เลียนแบบธรรมชาติของหมอนรองกระดูก ที่สามารถทำให้ขยับก้มเงย หมุนคอ และเอียงคอได้เหมือนธรรมชาติหรือที่เรียกว่า หมอนรองกระดูกเทียม (artificial discreplacement) ซึ่งประสาทศัลยแพทย์ ในประเทศไทยได้ทำการรักษาวิธีดังกล่าว มานานกว่า 10 ปีแล้ว แต่ด้วยเหตุผลที่วัสดุยังคงมีราคาแพงมาก จึงยังไม่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน
บทความโดย
นพ.ธีระ ตั้งวิริยะไพบูลย์
ราชวิทยาลัยประสาทศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี